เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 995 ม่านแดงโบกสะบัด + ตอนที่ 996 ตื่นตกใจในยามเช้าตรู่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 995 ม่านแดงโบกสะบัด + ตอนที่ 996 ตื่นตกใจในยามเช้าตรู่
ตอนที่ 995 ม่านแดงโบกสะบัด + ตอนที่ 996 ตื่นตกใจในยามเช้าตรู่
ตอนที่ 995 ม่านแดงโบกสะบัด
เดิมคิดจะไปแล้ว ตอนนี้ผู้นำตระกูลซ่งเข้ามา เฟิ่งจิ่วแม้อยากไปก็ไปไม่ได้
เช่นนั้นจะอยู่ต่อดูละครเปลื้องผ้าของพวกเขาหรือไร?
นึกถึงตรงนี้แววตาเธอสั่นไหว คิดๆ ไปก็ช่างมันดีกว่า คุณอาวัยกลางคนมีอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรน่าดูเลยจริงๆ หลบอยู่ตรงนี้และหาโอกาสออกไปเถอะ!
เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวในห้องดังขึ้น พร้อมเสียงหอบหายใจอย่างตื่นเต้นของบุรุษ เธอหรี่ตาชำเลืองมองไปยังม่านเตียง เห็นเงาทับซ้อนกันภายในม่านเตียงเลือนราง เสียงหอบเสียงครางมีความสุขสมยิ่งนัก
รอในห้องไปเกือบครึ่งชั่วยาม เธอก็ลูบๆ คางโดยทันที มองเตียงไม้ที่เขย่าเสียจนเกิดเสียงดัง รวมถึงเสียงหอบและร้องครางที่หลอมรวมกันลอยออกมา อดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่า ‘เที่ยงคืนกว่าแล้ว สองคนนี้เล่นกันบ้าระห่ำไม่ธรรมดาเลยจริงๆ’
อาศัยตอนที่สองคนพลิกกันไปมาไม่สนใจสิ่งอื่นใด เธอถึงจะแวบร่างพุ่งออกไปเงียบๆ กระโดดเบาๆ ออกจากห้องนี้ไป ไม่กี่ชั่วอึดใจก็มาซ่อนตัวยังมุมมืดด้านนอก หลบหลีกคนลาดตระเวนกะกลางคืน แล้วกระโจนออกจากจวนตระกูลซ่งไป
มาถึงด้านนอกเธอหันกลับไปมองจวนตระกูลซ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย อยากรู้นักว่าพรุ่งนี้เช้าหลังจากผู้นำตระกูลซ่งตื่นมาเห็นหญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนเปลี่ยนไปเป็นหญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่น จะแสดงออกเช่นไร?
เธอไปยังโรงเตี๊ยม บนถนนคนสัญจรน้อยนัก ท้องฟ้าหมอกหนา กลับมีบางร้านหาบเร่เริ่มยกของเตรียมการค้าขายยามฟ้าสว่าง เมื่อผ่านร้านหาบเร่ได้กลิ่นน้ำเต้าหู้ จึงหยุดฝีเท้าลงทันควัน
“พวกเจ้าขายน้ำเต้าหู้หรือ?” เธอมองยังสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งพลางเอ่ยถาม
“เป็นเต้าฮวย น้ำกำลังต้มยังไม่เสร็จเลย!” ผู้หญิงตอบ
“อีกนานเท่าไรจะกินได้?” เธอลูบๆ ท้อง พร้อมมานั่งลงตรงโต๊ะเล็กของพวกเขา
“อีกสักครึ่งชั่วยามได้ คุณชายนั่งรอได้เลย จะดื่มน้ำชาหรือกินของว่างหน่อยไหม? ล้วนเป็นของเล็กน้อยที่พวกเราทำมา” ผู้หญิงกล่าว แล้วส่งพวกของว่างกับน้ำชาไปให้เฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็นั่งไปพลางกินตรงนี้ อย่างไรเสียตอนนี้กลับไปก็หลับไม่ลง ไม่สู้รอฟ้าสว่างค่อยกลับไปเรียกพวกเขาสองคน แล้วไปดูความวุ่นวายยังบ้านตระกูลซ่ง
เธอตัดสินใจแน่วแน่ จึงนั่งเท้าคางอยู่ตรงนั้น
กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง เธอที่กินเต้าฮวยเสร็จนำกลับไปให้สองคนที่โรงเตี๊ยมสองชุด นอกจากเต้าฮวยยังมีซาลาเปาที่สามีภรรยาร้านหาบเร่ทำไว้ เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยม ก็เห็นสองคนลงมาจากชั้นบนพอดี
“เจ้าไม่กลับมาทั้งคืนเลยหรือ?” สองคนเห็นฟิ่งจิ่วเพิ่งเข้ามา ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ดื่มยาแก้แล้วหรือ?” เธอมองยังทั้งสองพลางถามไป เพราะตอนนี้ยังเช้า ชั้นล่างโรงเตี๊ยมแทบจะไม่มีคนอื่น
“อืม อสูรกลืนเมฆาบอกพวกเราแล้ว” ทั้งสองพยักหน้าและมายังข้างกายเฟิ่งจิ่ว พินิจมองเขาหัวจรดเท้า ถามว่า “เจ้าคงไปแอบไปบ้านตระกูลซ่งกระมัง? ไปมาตามใจอย่างเงียบๆ? ไม่โดนคนพบเลยสิ?”
ผู้นำตระกูลซ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ หนำซ้ำในจวนพวกเขายังมีผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณ เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง หากไปจะต้องถูกคนสังเกตเห็นแน่ แต่หากไม่ได้ไปบ้านตระกูลซ่ง ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาวิ่งไปไหนมาทั้งคืน?
“ตอนกลับมาข้าแวะนำอาหารเช้ามาให้พวกเจ้า นี่ รีบๆ กินสิ กินเสร็จพวกเราจะไปดูความวุ่นวายกัน” เธอวางของในมือลงบนโต๊ะ ส่งสัญญาณให้ทั้งสองรีบๆ กิน ขณะเดียวกันยังเรียกไปชั้นบน “อสูรกลืนเมฆา ลงมานี่”
อสูรกลืนเมฆาเดินออกมาจากในห้อง โผพุ่งสองสามครั้งมายังข้างกายเฟิ่งจิ่ว
………………………………………………….
ตอนที่ 996 ตื่นตกใจในยามเช้าตรู่
ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางมองเฟิ่งจิ่ว ก่อนมานั่งลงตรงโต๊ะและกินอาหารเช้าที่เขานำกลับมาให้ กินไปพลางคิดไปพลาง
ไปดูเรื่องวุ่นวายยังบ้านตระกูลซ่ง? เขาไปทำอะไรมา?
ในใจนึกสงสัย ความเร็วในการกินอาหารเช้ายังไวขึ้นมากๆ หลังจากกินเสร็จอย่างเร่งรีบก็เช็ดปาดและลุกขึ้น “พวกเรากินเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วกำลังลูบหัวอสูรกลืนเมฆา จับเส้นขนนุ่มๆ ของมันเบาๆ ได้ยินเสียงของทั้งสองคน หันข้างไปมองเล็กน้อย เห็นพวกเขาลุกขึ้นมา สายตาล้วนหยุดลงบนร่างเธอ เห็นเช่นนี้ก็ยิ้มๆ เอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบเพียงนั้น นั่งลงเถอะ! ข้าจะจับชีพจรให้พวกเจ้า ดูว่าร่างกายหลังจากกินยาไปเป็นอย่างไร”
ทั้งสองได้ยินเช่นนี้ถึงจะนั่งลง ยื่นแขนออกไปวางบนโต๊ะ ก็เห็นเฟิ่งจิ่วยื่นนิ้วมือมาจับตรงชีพจรพวกเขา มองนิ้วมือที่ทั้งขาวเนียนและเรียวเล็ก หัวใจพวกเขาเต้นแรงเล็กน้อย
ทำไมมือของเขาถึงเรียวและขาวเพียงนั้น? หนำซ้ำยังนิ้วมือยังเล็กๆ เหมือนมือหยกเรียวงามของผู้หญิง
ในใจคิดไป ใบหน้ากลับไม่กล้าแสดงออกสักนิด เดาว่าหากพวกเขาบอกว่าเฟิ่งจิ่วมีมือเฉกเช่นผู้หญิง เขาจะต้องโกรธ ถึงอย่างไรผู้ชายคนไหนๆ ล้วนไม่ชอบให้ถูกมองเป็นผู้หญิง
หลังจากเฟิ่งจิ่วจับชีพจรทั้งสองคน ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะเก็บมือกลับ พยักหน้า “อืม ที่แท้เป็นพิษฤทธิ์ซ่อนเร้น จะไม่ระเบิดออกมาในทันที ด้วยเหตุนี้จึงล้างพิษค่อนข้างง่ายกว่า”
เธอขยับแขนเสื้อเล็กน้อย หยิบขวดยาจากในห้วงมิติ แล้วเทยาอายุวัฒนะออกมาสองเม็ด “ตรงนี้มียาชำระเลือดสองเม็ด คืนนี้พวกเจ้าค่อยกินก่อนนอนเป็นพอ”
สองคนยื่นมือไปรับมา ต้วนเยี่ยเก็บยาอายุวัฒนะไป ส่วนหนิงหลางถือยาอายุวัฒนะไว้ในมือพลางเอ่ยถาม “กินตอนนี้ไม่ได้หรือ? กินเสียเดี๋ยวนี้จะไม่ยิ่งเร็วกว่าหรือไร?”
“เมื่อเช้าพวกเจ้าเพิ่งกินยาแก้ไป สิ่งนี้กินด้วยกันไม่ได้ เพื่อไม่ให้ผลของยาเกิดหักล้างกันเอง คืนนี้ก่อนนอนค่อยกิน” เธอกล่าวจบก็มองๆ ท้องฟ้าด้านนอก เผยรอยยิ้มเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ! ยามนี้เข้าไปน่าจะได้ประมาณหนึ่ง”
ดังนั้นสามคนหนึ่งอสูรจึงตามกันไปยังจวนตระกูลซ่ง
เวลาเดียวกันนี้ภายในเรือนตะวันตกของจวน ผู้นำตระกูลซ่งที่ตื่นมาแต่เช้าลูบๆ คนในอ้อมแขนตามสัญชาตญาณ หญิงงามหอมหวนอยู่ในอ้อมแขน เดิมทีควรจะสบายใจอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อความรู้สึกสัมผัสแห้งผากหยาบกร้านไปบ้างอย่างเห็นได้ชัดก็ตกใจลืมตาขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก้มหน้าเล็กน้อยมองไปยังคนในอ้อมกอด มองไปเช่นนี้ก็ตกใจเสียจนอุทานเสียงหลง
“อ๊าก!”
ภายในเสียงร้องเสียงหลง ร่างกายผุดขึ้นจากเตียงตามสัญชาตญาณ พันผ้าตรงเอวและกระโจนลงจากเตียง สีหน้าทั้งตื่นตกใจและหวาดผวา ใบหน้าที่ในวันปกติล้วนน่าเกรงขามยามนี้เต็มไปด้วยความอับอายและโกรธเคือง
“เจ้าเป็นใครกัน! ไสหัวออกไป!”
ผู้หญิงบนเตียงตื่นมาท่ามกลางความตกใจ มองยังคนที่ยืนหน้าเตียงและกราดมองตนเองอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไร น้ำเสียงมีความสับสนและสงสัย “นายท่าน เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
ทว่าเพียงเสียงเปล่งออกไป แม้แต่ตนเองยังตกใจ เธออ้าปากค้างอย่างนิ่งอึ้ง ก้มหน้าลงโดยสัญชาตญาณ มองไปเช่นนี้ เมื่อสายตาสบกับผิวพรรณเหี่ยวย่นบนมือ ก็ส่งเสียงกรีดร้องทันใด
“กรี๊ด!”
เสียงเล็กแหลมมีความตกใจและหวาดกลัว ซ้ำยังมีความเหลือเชื่อ ดวงตาเบิกโต ร่างกายสั่นเทาอย่างหยุดไม่ได้ มองสองมือของตนเอง แล้วยื่นมือที่สั่นเทิ้มไปคลำยังใบหน้าตนเอง รวมถึงเส้นผมขาวที่ลู่ลงตรงแก้ม
“ทะ ทำไมเป็นเช่นนี้? เป็นแบบนี้ได้เช่นไร?” เธอตะเกียดตะกายลงจากเตียงอย่างตื่นตระหนก มายังด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
………………………………………………….