เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1003 ไปล่วงเกินใครเข้า + ตอนที่ 1004 ยุให้รำตำให้รั่ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1003 ไปล่วงเกินใครเข้า + ตอนที่ 1004 ยุให้รำตำให้รั่ว
ตอนที่ 1003 ไปล่วงเกินใครเข้า? + ตอนที่ 1004 ยุให้รำตำให้รั่ว
ตอนที่ 1003 ไปล่วงเกินใครเข้า?
“หลักฐานอยู่ตรงนี้หมดแล้ว พวกท่านคิดจะสอบสวนอย่างไร?”
บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วแค่นเสียงหยันหนักๆ “อย่าได้คิดจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ พวกเราไม่จัดการลูกชายสองคนของนางก็ได้ เห็นแก่ว่าในตัวพวกเขายังมีสายเลือดตระกูลซ่งของพวกท่านอยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้ หากวันนี้ไม่ตาย ตระกูลหลิ่วของข้าจะไม่เลิกราแน่นอน!”
“ไม่ใช่เช่นนั้น หลักฐานนี้มาได้อย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่ ทำไมถึงโผล่มาตอนนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยตรวจสอบไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
ผู้นำตระกูลซ่งกล่าว ในใจนึกสงสัย หากบอกว่าไป๋เหลียนยังเป็นหญิงงามอ่อนโยนคนนั้น ด้วยความสงสารของผู้ชายรวมถึงความรู้สึกตลอดหลายปีนี้ เขาย่อมไม่อาจปล่อยปละไม่สนใจหรือมองนางทุกข์ทรมานอยู่ตรงนั้น และจะให้นางหลบมาข้างๆ อย่างช่วยไม่ได้
แต่นางในตอนนี้เส้นผมขาวดอกเลา ใบหน้าเหี่ยวย่น เป็นเช่นหญิงชราไม่เห็นความงามสักนิด แม้เดิมทีในใจยังมีความอาลัยอาวรณ์อะไร ยังรำลึกถึงความรักใคร่หลายส่วน ยามนี้ก็ไม่อาจเกิดความรู้สึกสงสารหญิงชราเช่นนี้ได้
เขากลับแคลงใจว่าหลักฐานในมือตระกูลหลิ่วพวกนี้มาจากไหน ความละเอียดถี่ถ้วนของหลักฐานในนั้นถึงกับทำให้พวกเขาตกใจ เรื่องที่นางเคยทำไป แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่เว้น ในนั้นมีทั้งเรื่องที่เขารู้และไม่รู้
ทว่าหลักฐานพวกนี้มาได้อย่างไรกันแน่? ผู้ใดส่งและทำไมต้องส่งให้ตระกูลหลิ่วในเวลานี้?
“จะมาจากไหนได้? ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนไหนเข้า มิเช่นนั้นรายงานหลักฐานพวกนี้ที่แม้แต่พวกเรายังหาไม่ได้ ทำไมเขาถึงนำออกมาง่ายดายนัก?” บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วกล่าวพลางจ้องผู้หญิงที่กำลังตกใจสงสัยคนนั้น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
แทบทันทีที่บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วเอ่ยคำพูดนี้ออกมา เหล่าคนตระกูลหลิ่วนึกถึงข้อนี้เช่นกัน หลักฐานรายงานพวกนั้นเป็นของปลอมหรือไม่พวกเขาแค่อ่านก็รู้แล้ว สิ่งเหล่านั้น เรื่องพวกนั้น แม้แต่ตระกูลซ่งและตระกูลหลิ่วล้วนตรวจสอบไม่พบ ทำไมคนอื่นกลับกุมไว้ในมืออย่างง่ายๆ?
ไป๋เหลียนต้องไปล่วงเกินคนสำคัญคนไหนแน่ๆ มิเช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่เปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับนางออกมา หนำซ้ำรายงานหลักฐานชุดนี้ยังไม่ถูกส่งมาตระกูลซ่ง แต่ส่งไปตระกูลหลิ่ว และมีเพียงตระกูลหลิ่วที่รู้เรื่องพวกนี้แล้วจะมอบความตายแก่นางโดยไม่ยอมอ่อนข้อให้
ทุกคนตรงนี้ล้วนไม่ใช่คนโง่ ทันใดนั้นก็นึกถึงจุดนี้ ขณะที่แต่ละคนประหลาดใจก็ยังสะพรึงกลัวด้วย
คนคนนั้นเป็นใครกันแน่? ถึงกับมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์เพียงนี้? หากเป็นศัตรูกับคนเช่นนี้ ผลที่ตามมาน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ไม่ๆ ข้าเปล่า ข้าไม่ได้…”
ไป๋เหลียนส่ายหน้าร้องไห้คร่ำครวญ ทว่าจู่ๆ ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ทั้งร่างสะดุ้งเฮือก กล่าวคำพูดช่วงท้ายต่อไปไม่ได้ ร่างกายของนางกำลังสั่นเทิ้ม ดวงตาเบิกโตอย่างไม่มีทางเชื่อได้ลง
เป็นสามคนนั้น? เด็กหนุ่มสามคนนั้น? แม้หลายปีมานี้นางจะทำอะไรลับหลัง นั่นก็เป็นเรื่องภายในไม่ได้แพร่งพรายไปข้างนอก ด้านนอกนางสร้างศัตรูไว้น้อยนัก มีเพียงเมื่อวานหลังจากได้ยินลูกชายร้องไห้ปรับทุกข์ ถึงส่งคนไปจัดการวางยาสามคนนั้น ให้พวกเขาตายไปอย่างเงียบๆ
วันนี้การเปลี่ยนแปลงกะทันหันของรูปโฉมเมื่อตื่นมาตอนเช้าตรู่ทำให้จิตใจนางว้าวุ่นไม่อาจสงบ ยามนี้คนตระกูลหลิ่วยังถือหลักฐานมาจะฆ่านางถึงบ้านอีก จากคำพูดกล่าวเตือนของพวกเขาเมื่อครู่ นางถึงเพิ่งนึกได้ว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองคนที่ส่งออกไปเมื่อคืนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา…
“มะ ไม่…ทำไมกัน เป็นไปได้อย่างไร…”
………………………………………………….
ตอนที่ 1004 ยุให้รำตำให้รั่ว
นางพึมพำเบาๆ อยู่ตรงนั้นอย่างเหลือเชื่อ สีหน้ามีทั้งความมึนงงและหวาดกลัว
ทุกคนเห็นภาพเช่นนี้ ยังไม่อาจรู้ได้ว่านางไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนไหนข้างนอกจริงหรือไม่ ดังนั้นผู้นำตระกูลซ่งจึงถาม “เจ้าไปล่วงเกินใครข้างนอกจริงๆ หรือ ตอนไหนกัน แล้วไปล่วงเกินใคร?”
“ฮึ! ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่เวลามาคุยกันว่านางไปล่วงเกินใคร แต่เป็นเรื่องที่นางวางยาทำร้ายลูกสาวของข้า ฮูหยินของเจ้า เรื่องนี้เจ้าไม่ถามไม่จัดการ กลับไปสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้น!”
ผู้นำตระกูลหลิ่วตะโกนด้วยใบหน้าคร่ำเครียด “ในเมื่อพวกท่านตระกูลซ่งไม่จัดการ เช่นนั้นตระกูลหลิ่วเราจะให้นางชดใช้ด้วยชีวิต! พาตัวกลับไป!” เขาตะโกนเสียงเข้ม สองคนด้านหลังจะเข้าไป แต่เวลานี้เอง ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา
“ท่านปู่หลิ่ว”
จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน กลิ่นอายของเขาสงบนิ่ง ใบหน้าคล้ายคลึงผู้นำตระกูลซ่งเกินกว่าครึ่ง คนคนนี้คือลูกชายคนโตของไป๋เหลียน และก็เป็นคุณชายรองของจวนตระกูลซ่ง
เขาได้ยินข่าวจากคนที่น้องชายส่งไปจึงเร่งกลับมา ไม่นึกว่าเพียงเข้ามาในจวนก็ได้ยินว่ามารดาของเขาเกิดเรื่อง ตลอดทางที่รีบเข้ามาก็ฟังทหารอารักขาในจวนคุยกันคร่าวๆ
ขณะที่เรื่องนี้ทำให้ตกใจ เขาก็กำลังครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ลองคิดหาวิธีแก้ปัญหา แม้เรื่องวางยาทำร้ายฮูหยินใหญ่เป็นเรื่องจริง ยามนี้ก็ทำได้เพียงยืนกรานไม่ยอมรับ มิเช่นนั้นเกรงว่าสุดท้ายมีแต่ต้องจบลงด้วยความตาย
ระหว่างเขากำลังคิดหาทางก็กำลังไตร่ตรอง ใครกันแน่ต้องการกำจัดมารดาของเขา? หลักฐานรายงานในมือตระกูลหลิ่วเป็นของจริงหรือ ทำไมคนตระกูลซ่งและตระกูลหลิ่วหาไม่ได้ คนอื่นกลับหามาได้?
“เจ้าหนูนี่เอง? หลบไปเสีย!” บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วแววตาเย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วสั่งคนพาตัวไป๋เหลียนมา
ครั้นเห็นว่าขัดขวางคนตระกูลหลิ่วไม่ได้ เขารีบหันไปหาปู่ของตน “ท่านปู่ เรื่องยังไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายท่านแม่ของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ตระกูลหลิ่วมาพาตัวคนไปถึงที่บ้าน ไม่ไว้หน้าพวกเราตระกูลซ่งโดยสิ้นเชิง นี่เป็นการตบหน้าตระกูลซ่งเรา ท่านปู่…”
“หุบปาก!”
บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วตะคอกเสียงเย็น จ้องมองเขาด้วยสายตาคมกริบแฝงอานุภาพกดดัน “เจ้าเล่ห์เพทุบายตั้งแต่อายุยังน้อย พอเอ่ยปากก็คิดจะปลุกปั่นทำลายความสัมพันธ์ของสองบ้าน เจ้าจิตใจชั่วช้านัก! ฮึ! ลูกเมียน้อยก็เป็นลูกเมียน้อย ลูกชายที่เกิดจากผู้หญิงคนนั้นเชิดหน้าชูตาไม่ได้!”
เมื่อถูกสั่งสอนต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ คุณชายรองหน้าแดงก่ำ หมัดใต้แขนเสื้อกำแน่น ในดวงตาที่หลุบลงเล็กน้อยฉายประกายร้ายกาจ แต่กลับไม่เอ่ยปากอะไรอีก
บรรพบุรุษตระกูลซ่งที่เงียบมาตลอดเห็นภาพเบื้องหน้าก็ขมวดคิ้ว สั่งการว่า “นำไป๋เหลียนไปขังไว้ก่อน” กล่าวจบถึงมองบรรพบุรุษตระกูลหลิ่ว “พวกเราไปคุยกันข้างหน้าเถอะ”
ไม่ทันไรยังเสริมอีกประโยคว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะให้ความยุติธรรมแก่ลูกสะใภ้ที่ตายไปแน่นอน” ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของเขา ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้นในเขตเรือน
“กรี๊ด…”
ทุกคนตกใจ รีบหันกลับไปมอง เห็นว่าซ่งหมิงที่ถูกละเลยไปตั้งแต่เมื่อครู่ถือกระบี่ยาวยืนอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา ยามนี้กระบี่ยาวในมือมีเลือดหยด สายตาจ้องไป๋เหลียนซึ่งล้มลงชักบนพื้นพลางกรีดร้องด้วยความเย็นเยียบและอำมหิต
เห็นเพียงว่าเส้นเอ็นมือและเท้าของไป๋เหลียนโดนตัดไปหมด ล้มลงบนพื้นขณะเลือดไหลอาบทั้งมือและเท้า
ซ่งหมิงลงมือปุบปับ ทำให้คนไม่ทันรับมือ ทว่าก็ไม่ผิดคาดอะไร เขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฆ่าแม่ จะสงบใจลงได้อย่างไร? เพียงแต่สองพี่น้องที่เหลือเห็นภาพเช่นนี้กลับอึ้งงัน ก่อนจะอุทานเสียงหลง
“ท่านแม่!”
………………………………………………….