เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1017 วิกฤติหญิงงาม + ตอนที่ 1018 ใครยั่วยวนใคร
ตอนที่ 1017 วิกฤติหญิงงาม + ตอนที่ 1018 ใครยั่วยวนใคร
ตอนที่ 1017 วิกฤติหญิงงาม
ซ่งหมิงเห็นเช่นนี้ก็ก้าวเข้าไปเอ่ยว่า “เฟิ่งจิ่ว อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่รีบ พาพวกนางไปด้วยกันเถอะ! เจ้าดูสิ บนตัวพวกนางมีแผลด้วยนะ! ซ้ำยังเป็นหญิงอ่อนแอสองคน ยังมีคนแก่อีกหนึ่งคน ให้พวกนางเดินไปเองเช่นนี้ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเจอเรื่องอะไรบ้าง”
“ใช่แล้วคุณชาย ข้าพาหลานสาวสองคนมา ออกไปไหนมาไหนก็ไม่บ่อย คุณชายโปรดพาพวกเราไปด้วยเถอะ!” หญิงชราเอ่ยปากขอร้อง ส่วนหญิงสาวทั้งสองข้างกายก็มองเฟิ่งจิ่วด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“คุณชายเจ้าคะ…”
ขณะมองสามคนตรงหน้า รวมถึงซ่งหมิงข้างๆ ที่มองเธออย่างคาดหวัง เฟิ่งจิ่วยกมุมปากขึ้นและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ได้! ข้าจะพาพวกเจ้าไปด้วยกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ซ่งหมิงตกใจไปพักหนึ่ง เดิมทียังคิดจะพูดอะไรเสียหน่อย ไม่นึกว่าเฟิ่งจิ่วจะรับปากทันที ถึงแม้รู้สึกว่าเหมือนจะแปลกๆ ทว่าก็ไม่คิดอะไรมาก บอกหญิงสาวทั้งสองด้วยคำพูดว่าไม่ต้องเป็นห่วงอย่างเบิกบาน
ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางที่อยู่อีกด้านดวงตาฉายแววเล็กน้อย เทียบกับซ่งหมิงแล้ว เวลาที่พวกเขาอยู่กับเฟิ่งจิ่วนานกว่าเล็กน้อย ตลอดทางมานี้จึงรู้ว่าเฟิ่งจิ่วไม่ใช่คนที่เปลี่ยนความคิดง่ายๆ จู่ๆ ตอนนี้มาเปลี่ยนใจ จะต้องมีปัญหาแน่นอน
แต่ในเมื่อเขาไม่บอก พวกเขาก็มองอยู่เงียบๆ เป็นพอ
ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วจึงให้ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางช่วยซ่งหมิงพาไปคนละหนึ่งคน ส่วนเธอพาอสูรกลืนเมฆานั่งขนนกบินมุ่งไปข้างหน้า สองสามคนด้านหลังก็ขี่กระบี่ตามมา
ความเร็วในการขี่กระบี่บินสูงมาก เพียงแต่สามคนด้านหลังพาคนมาด้วย หลังจากบินไปสักระยะก็ทนไม่ไหวต้องลงมาพักผ่อน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ความเร็วชะลอลง เดิมทีเวลาแค่หนึ่งวันก็ไปถึงเมืองเมืองหนึ่งได้ แต่เดินๆ หยุดๆ เช่นนี้ พริบตาเดียวถึงช่วงเย็น พวกเขากลับยังไปไม่ถึงเลยสักเมือง
เวลานี้เอง หญิงสาวคนที่ซ่งหมิงพามากลับเป็นลมไปกะทันหัน ทำให้ซ่งหมิงสะดุ้งตกใจ รีบตะโกนบอกสองสามคนข้างหน้าแล้วควบคุมกระบี่พานางลงไปที่พื้น
เฟิ่งจิ่วซึ่งนั่งบนขนนกบินหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ด้านล่างเป็นป่าไม้มีคนอาศัยอยู่น้อยนัก แต่ครั้นเห็นพวกเขาลงไปข้างล่างกันหมดจึงตามลงมาด้วย
“เฟิ่งจิ่วเจ้ามาดูนางเร็วเข้า ไม่รู้ทำไมจู่ๆ นางถึงเป็นลมไป” ซ่งหมิงประคองหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คงเพราะบาดเจ็บอีกทั้งยังรีบเร่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก” เฟิ่งจิ่วกล่าวพลางมองไปรอบๆ และเอ่ยว่า “ยามนี้เวลาเย็นย่ำแล้ว พักที่นี่สักคืนค่อยเดินทางดีกว่า!”
“ได้ พวกเราจะเก็บกิ่งไม้ จากนั้นค่อยไปดูว่ารอบๆ มีอาหารป่าอะไรบ้างหรือไม่ จะได้ล่ากลับมาเป็นอาหารเย็น” ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางกล่าวพลางพยักหน้าไปทางเฟิ่งจิ่ว แล้วจึงออกไปด้วยกัน
เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มมองพวกเขาแยกตัวออกไป เวลานี้ถึงจะบอกซ่งหมิงว่า “ประคองนางไปใต้ต้นไม้ทางนั้นเถอะ ข้าจะไปหาดูละแวกนี้เสียหน่อยว่ามีแหล่งน้ำหรือไม่”
“คุณชายเฟิ่ง ข้าไปกับท่านดีกว่าเจ้าค่ะ!” หญิงอีกคนหนึ่งกล่าว นางมองเฟิ่งจิ่วด้วยแววตาเหนียมอาย ขณะที่ดวงตางดงามคู่นั้นกำลังจับจ้องราวกับมีประกายยวนยั่วอยู่ ช่างเย้ายวนใจยิ่ง
“ได้สิ!” เธอพยักหน้ายิ้มๆ ให้กลืนเมฆาคอยเฝ้าไว้ ส่วนตนเองกับหญิงงามอ่อนหวานคนนั้นมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง
หญิงชราเห็นพวกเขาไปกันหมดแล้วก็มองซ่งหมิงแวบหนึ่ง ในดวงตาเผยประกายที่อธิบายไม่ถูก ทว่ากลับปิดหน้าร้องไห้อย่างโศกเศร้า “หลานสาวผู้น่าสงสารของข้า…”
อีกด้านหนึ่ง หญิงงามซึ่งตามอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วคนนั้นเดินไป นางใช้หางตาลอบมองเฟิ่งจิ่วเป็นระยะ จากนั้นเห็นแต่นางพลันเปลี่ยนสีหน้า ร้องเสียงเบาขณะที่เท้าพลิกล้มเข้าไปหาเฟิ่งจิ่ว…
………………………………………………….
ตอนที่ 1018 ใครยั่วยวนใคร
“อ๊า!”
เฟิ่งจิ่วยื่นแขนประคองนางไว้ ใช้ดวงตาสดใสแวววาวมองหญิงสาวที่ตนเองประคองพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ระวังหน่อย”
หนุ่มน้อยรูปงาม สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเฉยชา แม้ดวงตาจะห่างเหิน แต่กลางใบหน้ากลับยังเผยรัศมีร้ายกาจทรงเสน่ห์ โดยเฉพาะดวงตาสดใสคู่นั้น ในยามนี้ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ลึกลับอย่างยิ่ง ทำให้คนที่เห็นติดอยู่ใจกลางนั้นโดยไม่รู้ตัว เนิ่นนานก็ไม่อาจถอนตัวกลับมา…
หญิงสาวมองรอยยิ้มเสมือนกำลังยั่วยวนตรงริมฝีปากของเด็กหนุ่ม มองมุมปากน่ามองของเขายกขึ้นเล็กน้อย ท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในความร้ายกาจยังมีกลิ่นอายเย้ายวนใจอยู่ด้วย ทำให้นางใจเต้นวูบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ และใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
“คุณชายเฟิ่ง…”
“ป่านี้คงมีคนเดินไปมาน้อยนัก พืชหญ้ามากมาย พื้นดินไม่สม่ำเสมอ ต้องระวังหน่อย” เฟิ่งจิ่วเอ่ยเสียงเนิบช้า น้ำเสียงทั้งเฉยชาและราบเรียบ แต่เมื่อถึงหูของหญิงสาวกลับได้ยินความห่วงใยในคำพูด
หญิงสาวมองหนุ่มน้อยที่ท่าทางเฉยชาเย่อหยิ่ง ในหัวใจเกิดความสับสน ยามเห็นตอนแรก ความรู้สึกที่ได้รับจากเขาคืออันตราย เมื่อสังเกตมาตลอดทางกลับคิดว่าเหมือนเด็กหนุ่มหยิ่งยโสทั่วไปคนหนึ่ง ทว่ายามนี้ไม่มีคน สิ่งที่ปรากฏออกมากลับเป็นท่าทีเอาแต่ใจพราวเสน่ห์
เขาเป็นดังดอกฝิ่นที่งดงามและร้ายแรงถึงชีวิต ชัดเจนว่าอันตราย แต่ยังชวนให้คนอยากจะเข้าใกล้อย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเห็นเขาปล่อยนางแล้วเดินต่อไปข้างหน้า นางกัดริมฝีปากตามไปอีกครั้ง
ทั้งสองคนพบแหล่งน้ำเป็นตาน้ำกลางป่าแห่งหนึ่ง น้ำพุที่ผุดออกมาจากซอกหินไม่มากมายนัก ก่อเป็นบ่อน้ำเล็กๆ โดยรอบ อีกทั้งน้ำพุยังไหลไปตามพื้นดินที่ค่อนข้างลาดชัน คุณภาพน้ำหวานใสอย่างยิ่ง
เฟิ่งจิ่วเติมน้ำเล็กน้อยแล้วจึงล้างหน้า เมื่อลุกขึ้นยืนก็เห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ปลดเสื้อนอกบนตัวออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นในด้านใน ดวงตาคู่งามกำลังมองมาอย่างค่อนข้างเขินอาย
“คุณชายเฟิ่ง ทะ ท่านช่วยดูแผลบนหลังให้ข้าหน่อยได้ไหมเจ้าคะ?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเผยสีหน้าลังเล สายตากวาดมองบนร่างนาง ก่อนจะกล่าวอย่างละล้าละลังอยู่บ้าง “ไม่ค่อยดีนักกระมัง? ถึงอย่างไรชายหญิงก็ไม่ควรใกล้ชิดกัน เช่นนี้…ไม่เหมาะสม”
หญิงสาวเห็นว่าสายตาของเฟิ่งจิ่วกวาดมองร่างตนเองก็ยืดอก ขณะพึงพอใจก็รู้สึกเริงร่า นางรู้อยู่แล้วว่าไม่มีชายใดไม่ลามก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ คุณชายเฟิ่งไม่ใช่คนอื่นไกล” กล่าวจบก็หลุบตาลงเล็กน้อย ท่าทางขัดเขินปานดอกไม้ผลิบาน งดงามเกินบรรยาย
“อย่างนี้เองหรือ เช่นนั้นย่อมได้!” เฟิ่งจิ่วเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้ากล้ำกลืน เมื่อมาถึงข้างหลังหญิงสาว ความอิดออดบนใบหน้ากลับหายไปโดยไร้ร่องรอย เห็นแต่ว่ามุมปากยกขึ้นเบาๆ เหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วมือไล้ผ่านบนหลังของนางอย่างเบามือ
“บาดแผลไม่ร้ายแรง หลังจากใส่ยารอยบวมแดงจะหายไป ผ่านไปอีกวันสองวันรอยแผลเป็นน่าจะตกสะเก็ดแล้ว”
เสียงของเธอเฉยเมย แฝงความเฉื่อยชาไว้บางส่วน ยามที่นิ้วมือของเธอลากผ่านแผ่นหลังหญิงสาวเบาๆ เรือนร่างบอบบางของนางสั่นเทาเล็กน้อย ปากร้องครางเสียงแผ่ว
เฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเห็นสองมือของนางดึงเสื้อนอกที่ห้อยอยู่ตรงเอวแล้วหันกลับมา หมุนตัวคราวนี้ไม่รู้ว่าทำอย่างไร ผ้าที่ผูกเชือกไว้ตรงหน้าอกถึงหลุดลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ชั่วขณะนั้นเนินอกซึ่งไร้อาภรณ์จึงปรากฏเด่นชัดสู่สายตา
“กรี๊ด!”
นางเหมือนจะตกใจเช่นกัน หลังจากนิ่งอึ้งสองแขนก็รีบโอบกอดร่างกายไว้ ปกปิดเนินอกที่เปิดเผยสู่สายตาด้วยสองมือ พลางมองหนุ่มน้อยเบื้องหน้าด้วยใบหน้ากระดากอาย แต่ครั้นมองไปก็ทำให้นางตกตะลึงทันที
…………………………………………………….