เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1023 แสร้งยอมจำนน + ตอนที่ 1024 ผลดีและผลเสีย
ตอนที่ 1023 แสร้งยอมจำนน + ตอนที่ 1024 ผลดีและผลเสีย
ตอนที่ 1023 แสร้งยอมจำนน
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็หัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “อยู่ที่นี่แน่นอนว่าต้องแกล้งยอมจำนน พวกนางบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ตนเองจัดการตามสมควร รู้สถานการณ์ที่นี่ให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน”
“แต่พวกเรารวบรวมพลังวิญญาณไม่ได้ หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรจะทำอย่างไร?” ซ่งหมิงถามด้วยความวิตก
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างหยอกล้อ “เจ้าชอบเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? ผู้หญิงที่นี่รูปร่างหน้าตาล้วนไม่เลว อย่างไรเสียเจ้าเป็นผู้ชายคงไม่เสียเปรียบเท่าไร จะได้อาศัยโอกาสนี้เริงรมย์สมใจในหมู่สาวๆ เสียให้พอ ครั้งหน้าเห็นผู้หญิงจะได้ไม่ก้าวขาไม่ออก”
“เฟิ่งจิ่ว…”
“เอาละ ข้าล้อเจ้าเล่น นี่ รับไปเสีย! รอถึงจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานค่อยกินลงไป มันแก้ฤทธิ์ยาในร่างของพวกเจ้าได้ อย่าให้คนอื่นเห็นล่ะ”
เธอพลิกมือยื่นเม็ดยาสามเม็ดให้พวกเขา มองพวกเขาอย่างมีเลศนัยพร้อมกำชับว่า “พละกำลังไม่ไหวต้องใช้สมองให้มากหน่อย อย่าคิดใช้พลังยุทธ์แก้ปัญหาสุ่มสี่สุ่มห้า บางครั้งพวกเจ้าต้องใช้ข้อได้เปรียบของตนเองให้เป็นประโยชน์”
ทั้งสามได้ยินคำแล้วหัวใจสั่นไหวเล็กน้อย แอบครุ่นคิดถึงความหมายของคำพูดนี้
ตอนนี้เอง ผู้หญิงสองคนไม่ไกลเดินเข้ามา เป็นสาวงามแฉล้มสองคนก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไม่มีสภาพลำบากลำบนตอนอยู่ข้างนอก ยามนี้ทั้งตัวพวกนางแผ่เสน่ห์ที่งดงามและอันตรายถึงชีวิต
ผ้าบางบนร่างแทบจะโปร่งแสง ประทับลายดอกไม้ของเสื้อชั้นในตรงหน้าอกออกมาอย่างชัดเจน ภายใต้ผ้าผืนบาง ต้นขายาวเผยออกมาด้านข้างกระโปรงผ่าสูง ช่างเย้ายวนอย่างยิ่ง
ทั้งสองนางมาหยุดอยู่ด้านหน้ากรงขัง มองสองสามคนด้านใน สายตาของสองคนแยกกันหยุดลงบนร่างซ่งหมิงกับเฟิ่งจิ่ว เมื่อเทียบกับต้วนเยี่ยที่ใบหน้าอิ่มอ่อนวัยและหนิงหลางที่เจ้าเนื้อน่าเอ็นดู สายตาของพวกนางมองเฟิ่งจิ่วที่ยกมุมปากเล็กน้อยและแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายรวมถึงซ่งหมิงที่มากด้วยเสน่ห์ชายได้ง่ายดายยิ่งกว่า
“ไม่เป็นธรรมกับพวกเจ้าเลยจริงๆ ให้พวกเจ้ามาพักในกรงขังเล็กๆ เช่นนี้” หญิงคนหนึ่งในนั้นปิดริมฝีปากแดง พลางยิ้มเอ่ย ดวงตางดงามจับจ้องบนร่างเฟิ่งจิ่วซึ่งนั่งเอนกายอยู่ภายในกรงขังโดยไม่แสดงอาการโกรธเคืองสักนิด ขณะมองรูปโฉมหล่อเหลากับรอยยิ้มชั่วร้ายของเด็กหนุ่ม หัวใจนางสั่นไหวเล็กน้อย
นางเข้าไปปลดกลอนของกรงเหล็ก เปิดประตูกรงมองพวกคนด้านใน ก่อนกล่าวเสียงหวาน “อย่าคิดหนีเชียว เมื่อมาถึงที่ของพวกเรา พวกเจ้าหนีไปไม่พ้นหรอก อาจารย์ของเราต้องการพบพวกเจ้า ตามพวกเราไปเสีย!”
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นปัดๆ เสื้อคลุมและสาวก้าวออกกรงขังไป ท่วงท่าสง่างาม สีหน้าดื้อรั้นไม่ฟังใคร เป็นอิสระราวกับอยู่ในสวนดอกไม้บ้านตนเอง สามคนที่เหลือเห็นเขาเดินออกไปก็ตามออกมา จากนั้นตามหญิงสาวทั้งสองไปพบอาจารย์ของพวกนาง ตลอดทางก็มองประเมินสภาพแวดล้อมข้างในนี้
ดูจากแผนผังและจำนวนคนด้านใน ที่นี่เป็นเช่นสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีภูเขาและลำน้ำ ซ้ำยังมีหอต่างๆ กระจายไปภายในภูเขา แต่ดูจากจำนวนคนที่เห็นได้ คนในนี้ก็มีแค่สองร้อยกว่าคนเท่านั้น
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด ชัดเจนว่าที่นี่ถูกพวกนางยึดครองและตั้งตนเป็นนาย เพียงแต่ทำไมถึงไม่มีคนดูแลที่นี่? ตามปกติสำนักมารที่ปรากฏในแคว้นระดับสองเช่นนี้ล้วนเป็นพวกที่ไม่ได้รับอนุญาต
หรือว่าเพิ่งมีมาไม่นานนี้ จะบอกว่าในนี้มีผู้แข็งแกร่งคอยปราบปรามหรือ?
เธอคิดตริตรองไปตลอดทางพลางเดินตามสองคนข้างหน้าไป จนกระทั่งถูกพามาถึงโถงใหญ่ด้านหน้าและเข้าไปข้างใน คนที่นั่งตรงตำแหน่งประธานกับแต่ละที่ด้านล่างทำให้เฟิ่งจิ่วอดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้
………………………………………………….
ตอนที่ 1024 ผลดีและผลเสีย
คนที่นั่งตรงกลางเป็นหญิงโฉมงามสามคน ดูไปแล้วยังอายุยี่สิบกว่าปี แต่หากว่ากันด้วยอายุกระดูกกลับเป็นตัวประหลาดเฒ่าอายุร้อยปีไปแล้ว วรยุทธ์พละกำลังของสามคนนี้ล้วนอยู่ระดับกำเนิดวิญญาณ สองคนเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นเริ่มต้น ส่วนคนตรงกลางเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลาง
สิบคนสองแถวที่นั่งเรียงด้านซ้ายขวาล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง ในนั้นมีห้าคนเป็นผู้ชาย อีกห้าคนเป็นผู้หญิง เทียบกับสามคนด้านบนที่ดูยังอายุแค่ยี่สิบกว่าปี สิบคนที่นั่งด้านล่างกลับเป็นหญิงชายอายุสามสิบถึงสี่สิบกว่า
ผู้ชายสองสามคนในนั้นใต้ตาดำคล้ำ รูปร่างซูบผอม เหมือนร่างกายถูกใช้งานมากเกินขีดจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกเฟิ่งจิ่วเดินเข้ามา นอกจากเบื้องหน้าของหญิงทั้งห้าคนที่นั่งด้านล่างจะสว่างวาบแล้ว ยังมีหนึ่งถึงสองคนในหมู่ผู้ชายพวกนั้นที่ดวงตาฉายประกายชวนให้หนาวสะท้าน
ตอนพวกของเฟิ่งจิ่วสังเกตทุกคนในนี้ ทุกคนด้านในก็กำลังพินิจมองพวกเขาเช่นกัน แต่แทบพูดได้เลยว่าหลังจากสายตาของคนพวกนั้นมองผ่านสองสามคน ก็หยุดลงที่เฟิ่งจิ่วซึ่งสวมชุดแดงและเผยกลิ่นอายร้ายกาจ
เฟิ่งจิ่วคนนี้นอกจากรูปโฉมจะงดงามโดดเด่น สิ่งที่ทำให้สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดคือบุคลิกลักษณะของเธอ เธอซุกซนเปิดเผย ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ และก็บริสุทธิ์เฉกเช่นแกะ สีหน้าไร้พิษสง ยิ่งดูงามสง่าเย็นชา สูงศักดิ์หาใดเปรียบ ขณะเดียวกันก็ยังข่มขวัญทรงอำนาจ เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
แม้สองสามคนข้างกายมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา บุคลิกหน้าตาโดดเด่น แต่ขอแค่ยืนด้วยกันกับเฟิ่งจิ่วก็เสมือนหมู่ดาวพบแสงจันทร์ ถูกกลบรัศมีไป
“พวกเจ้าทั้งหลายเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาสองดาราหรือ?” หญิงที่นั่งเอนกายอยู่ตรงกลางด้านบนเหลือบมองขนนกเคลือบหลากสีตรงข้างเอวของเฟิ่งจิ่วพลางเอ่ยถาม
“ถูกต้อง” เฟิ่งจิ่วขานรับ มองผู้หญิงคนนั้นและถามว่า “สำนักศึกษาสองดาราคงมีบุญคุณความแค้นอะไรกับพวกท่านกระมัง ลูกศิษย์ของพวกท่านจับเรามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”
“พวกเราเป็นสาขาย่อยภายใต้สำนักร่วมเริงรมย์ เพิ่งก่อตั้งที่นี่ได้ไม่นาน ยังต้องการลูกศิษย์อีกสักหน่อย” นางเล่นเส้นผมขณะมองเฟิ่งจิ่ว “ข้าว่าพวกเจ้าไม่เลวเลย สนใจมาเป็นลูกศิษย์สำนักร่วมเริงรมย์ของเราหรือไม่? หากเป็นพวกเจ้าละก็ข้าพิจารณาได้ จะรับพวกเจ้าไว้ใต้อาณัติเอง”
“แต่ว่าหากกลายเป็นคนของสำนักร่วมเริงรมย์เรา ทุกคนต้องละทิ้งพรหมจรรย์ก่อน ขอแค่พวกเจ้าตอบรับ เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเรื่องระหว่างชายหญิงให้พวกเจ้าด้วยตนเอง”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ พวกเขารู้สึกเพียงว่าสั่นกลัว แม่ตัวประหลาดเฒ่าอายุตั้งร้อยกว่าปี ยังมีหน้ามากินหญ้าอ่อนอย่างพวกเขาอีก? ไร้ยางอายเสียจริงๆ
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว ถามว่า “หากข้าไม่ยินยอมเล่า”
“ไม่ยินยอม? เหอะๆ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะยอม” นางมองนิ้วมือเรียวยาวของตนเอง กล่าวเสียงเบาว่า “เพราะคนที่ไม่ตกลง ปกติจะทำได้เพียงกลายเป็นหลูติ่งมอบให้เหล่าลูกศิษย์ฝึกบำเพ็ญ”
หลูติ่ง…
สีหน้าของพวกเขาคร่ำเครียด หากตกลงจะโดนแม่ตัวประหลาดเฒ่าขึ้นครู หากไม่ยอมใครจะทำอะไรก็ได้หรือ กระทั่งจะรีดเค้นพวกเขาจนแห้งหมดตัว? สำนักมารก็เป็นสำนักมารดังคาด ไม่ละอายใจกันสักนิด
แววตาเฟิ่งจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ยกมุมปากขึ้นก่อนเอ่ยว่า “เรื่องนี้พวกเราต้องคิดเสียหน่อย”
“ได้ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าวันหนึ่ง”
ผู้หญิงคนนั้นมองเฟิ่งจิ่ว ริมฝีปากแดงงดงามเชิดขึ้นเผยรอยยิ้ม บอกหญิงทั้งสองที่คอยอยู่ข้างๆ ว่า “พวกเจ้าพาพวกเขาไปชมสำนักร่วมเริงรมย์ของเราที ให้พวกเขาเห็นประโยชน์ของการเป็นลูกศิษย์สำนักเรา รวมถึงผลร้ายเมื่อกลายเป็นหลูติ่ง”
………………………………………………….