เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1027 งดงามปานบุปผา + ตอนที่ 1028 เตรียมตัวมาดีหรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1027 งดงามปานบุปผา + ตอนที่ 1028 เตรียมตัวมาดีหรือไม่
ตอนที่ 1027 งดงามปานบุปผา + ตอนที่ 1028 เตรียมตัวมาดีหรือไม่?
ตอนที่ 1027 งดงามปานบุปผา
หญิงสาวได้ยินเช่นนี้ยังสงสัยอยู่บ้าง “พวกเจ้าตัดสินใจจะเข้าสำนักจริงหรือ?”
“นอกจากนี้ พวกเรามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ?” ซ่งหมิงกล่าวจบ ยังยิ้มเอ่ยว่า “หนำซ้ำข้าคิดว่าที่นี่ดียิ่ง ทุกที่ล้วนมีสาวงาม”
หญิงสาวได้ยินดังนี้ ก็นึกถึงว่าระหว่างทางซ่งหมิงยังหาเศษหาเลยเล็กๆ น้อยๆ จากพวกนางบ่อยครั้ง จึงไม่คิดสงสัย สองแขนคล้องคอของเขาไว้และยิ้มหว่านเสน่ห์ “ก็ใช่ นอกจากนี้แล้วพวกเจ้าไม่มีหนทางอื่นจริงๆ…”
เพิ่งกล่าวจบก็เห็นร่างกายของนางแข็งทื่อ ตัวห้อยอยู่ในอ้อมกอดของซ่งหมิง พูดไม่ออกแม้สักประโยค
ซ่งหมิงประคองหญิงสาวในอ้อมแขนพลางมองเฟิ่งจิ่ว เพียงเห็นอีกฝ่ายมองไปรอบๆ และบอกว่า “พานางไปเสีย ข้าจะไปจัดการคนรอบๆ”
“เจ้าระวังหน่อยล่ะ” ซ่งหมิงกำชับ จากนั้นถึงจะประคองหญิงสาวที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ตรงไปด้านหน้า
สถานที่ขังหลูติ่งแยกไปอีกทางหนึ่ง ฝั่งนี้มีประมาณสิบกว่าคนคอยเฝ้า หนึ่งในนั้นมีสองคนเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน หากคิดจะจัดการคนพวกนี้อย่างเงียบๆ ก็ต้องใช้ความคิดสักหน่อย
ดังนั้นเธอจึงเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ คนที่จัดการได้โดยไร้เสียงก็จัดการไป คนที่จัดการไม่ได้ค่อยออกหน้ามายั่วยวน ถึงอย่างไรในนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง
หลังจากจัดการไปสิบสองคน เฟิ่งจิ่วเดินไปใกล้ผู้ฝึกตนหญิงระดับสร้างรากฐานสองคนที่เหลือ ยังไม่ทันเข้าใกล้ พวกนางก็เห็นเธอ
“เจ้ามาทำอะไรตรงนี้ สองคนนั้นที่นำทางให้เจ้าเล่า?” หญิงสองคนขมวดคิ้วมองเฟิ่งจิ่วพลางถาม
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่นิ่งสงบลึกล้ำมองร่างของหญิงทั้งสอง เป็นสองคนในห้าผู้ฝึกตนหญิงที่เห็นในห้องโถงใหญ่ก่อนหน้านี้ เธอยิ้มพูดว่า “ข้าไปปลดทุกข์ออกมาก็ไม่เห็นพวกนางแล้ว ข้าไม่คุ้นเคยภายในนี้นัก ไม่รู้ทาง ดังนั้นจึงเข้ามาถามไถ่”
ทั้งสองคนได้ยินเช่นนี้ก็มองหน้ากัน จากนั้นหยุดสายตาบนร่างของเฟิ่งจิ่วในชุดแดงที่งามสง่าเกินบรรยายแล้วเผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ “ข้าเหมือนจะจำได้ เจ้านามว่าเฟิ่งจิ่วสินะ?”
“ขอรับ”
เฟิ่งจิ่วขานรับก่อนถามว่า “ศิษย์พี่หญิงทั้งสอง ไม่ทราบว่าจะให้ข้าเข้าไปดื่มน้ำได้หรือไม่?”
“จะเข้ามาหรือ เหอะๆๆ ไม่กลัวพวกเรากินเจ้าหรือไร?” หญิงสองคนยิ้มหวาน ชัดเจนว่าท่าทางประมาณสามสิบกว่าๆ แต่ยังสนใจหญ้าอ่อนเสียด้วย
เฟิ่งจิ่วได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ มองรูปร่างอิ่มเอิบของพวกนางซึ่งแผ่กลิ่นอายอารมณ์รักเช่นผู้ใหญ่พลางยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ทั้งสองงดงามปานบุปผา หากเฟิ่งจิ่วเข้าตาทั้งสองท่านจริง ก็เป็นวาสนาของเฟิ่งจิ่วไม่ใช่หรือขอรับ”
“ตายจริง ปากเจ้านี่พูดเก่งจริงๆ” หญิงทั้งสองมองค้อน หนึ่งคนในนั้นยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวชุดคลุมสีแดงของเฟิ่งจิ่วเบาๆ ก่อนกล่าว “เข้าไปเถอะ!” สิ้นเสียงยังขยิบตาให้เฟิ่งจิ่ว “ปิดประตูด้วยล่ะ”
“ขอรับ” เธอขานรับเสียงอ่อน รอยยิ้มตรงริมฝีปากยิ่งกดลึกขึ้น ตามคนทั้งสองเข้าไปด้านในพร้อมปิดประตูให้อย่างคล่องมือ
ประตูห้องปิดลงไม่นานนัก ผู้ฝึกตนชายระดับสร้างรากฐานรูปร่างผอมบางหางตาดำคล้ำคนหนึ่งจ้องมองประตูห้องที่ถูกปิดลง ก่อนหัวเราะเบาๆ “ที่แท้ก็แสร้งทำเป็นเคร่งขรึม…มองไม่ออกเลยว่าความต้องการของเจ้าหนูนี่จะมากนัก”
ไม่นานนักก็ได้ยินเพียงเสียงครางเบาๆ สองเสียงลอยมาจากด้านใน รวมถึงเสียงดังตึงตัง ขณะกำลังสงสัย เขาเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นจัดคอเสื้อเดินออกมา ออกไปได้ก้าวหนึ่งกลับยืนตรงนั้นไม่ขยับอีก แต่มองยังบริเวณที่เขาอยู่ สองแขนกอดอก เสียงที่มีความเกียจคร้านอยู่บางส่วนดังมา
………………………………………………….
ตอนที่ 1028 เตรียมตัวมาดีหรือไม่?
“แอบมองอยู่ตรงนั้นมีเจตนาอะไร หรือว่าเจ้าจะมาร่วมด้วย?”
เมื่อได้ยินเสียงเฉื่อยชานั้นดังมา ดวงตาของผู้ฝึกตนชายคนนั้นเบิกกว้างอย่างตกตะลึง สีหน้างุนงงแฝงความตื่นเต้นไว้ ไม่นึกว่าหนุ่มน้อยจะเอ่ยคำพูดแสนล่อใจเช่นนี้ออกมา ช่าง…ทำให้เขาคึกคักเสียจริง
“เจ้ากำลังพูดกับข้าหรือ” เขาเดินออกมาจากมุมมืด ดวงตาจับจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับหมาป่า
“นอกจากเจ้า หรือว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอีก?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วชายตามองเขาเหมือนยิ้มแต่ไม่ใช่ยิ้ม นอกจากเขาแล้ว คนตรงนี้ล้วนโดนเธอฆ่าหมด ก็แค่ผู้ฝึกวิชามารที่ใจกล้ามากตัณหาคนนี้ไม่สังเกตเห็นเท่านั้น
พริบตานั้น เธอพบว่าลูกน้องชั้นต่ำบ้ากามพวกนี้จัดการได้ไม่ยากสักนิด ไม่รู้ว่าพวกเขามั่นใจเกินไป หรือว่าสมองฝ่อเพราะตัณหาไปแล้วจริงๆ
“แม่นางสองคนนั้นเล่า ทำไมไม่เห็นออกมา?” ผู้ฝึกตนชายเดินไปใกล้ทีละก้าวๆ ดวงตาที่ฉายแววตื่นเต้นจ้องมองเฟิ่งจิ่ว
เธอได้ยินเช่นนี้ก็ยกริมฝีปาก เอ่ยอย่างมีความนัยแฝงว่า “พวกนางเหรอ! ลุกไม่ขึ้น นอนอยู่ด้านในน่ะ!”
“ฮ่าๆๆ มองไม่ออกเลยว่าเจ้าร้ายกาจเพียงนี้…หือ!”
เสียงหัวเราะลั่นเพิ่งเปล่งออกไป คำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบ เขาก็เบิกตาร้องเสียงอู้อี้ จ้องมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่จู่ๆ มายังเบื้องหน้าด้วยความตะลึงและยากจะเชื่อ ความเจ็บตรงหน้าอก ร่างกายที่แข็งทื่อ ความอึดอัดในลำคอ ทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เด็กหนุ่มคนนี้มาถึงเบื้องหน้าของเขาเพียงชั่วครู่เดียวจริงๆ และโจมตีเขาจนถึงชีวิต
“เจ้าก็เข้าไปอยู่กับพวกนางแล้วกัน!” เฟิ่งจิ่วหมุนตัวผลักร่างกายที่แข็งทื่อนั้นเข้าไป ทันทีที่ดึงกริชออกมาเลือดก็สาดกระเซ็น ผู้ฝึกตนชายสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายอย่างไม่ยินยอม กระทั่งตายไปดวงตาก็ยังเบิกโตอย่างไม่มีทางเชื่อ
ใช่ เขามีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้าย ส่วนวรยุทธ์ที่เฟิ่งจิ่วเผยออกมาเป็นเพียงสร้างรากฐานขั้นเริ่มต้น คนที่นี่ต่างนึกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับนี้ ใครจะนึกได้ว่าเธอเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นกลางแล้ว?
ผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลังขั้นกลางจะสังหารผู้ฝึกตนสร้างรากฐานสักคนนั้นง่ายดายเกินไปจริงๆ ในด้านความเร็ว ตลอดมาผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานไม่มีทางเร็วไปกว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังได้
เฟิ่งจิ่วปิดประตูลงกลบกลิ่นคาวเลือดในห้อง เมื่อเดินไปข้างนอกเห็นควันจางๆ ที่ลอยกระจายอยู่เหนือลม เธอยกมุมปากขึ้นและสาวก้าวเดินไปข้างนอก
“เฟิ่งจิ่ว!”
ซ่งหมิงก้าวยาวๆ เดินมา หลังจากมองดูรอบข้างก็บอกว่า “คนเฝ้าตรงประตูหลักเยอะเกินเลยออกไปไม่ได้ ข้าเจอทางเล็กๆ สามารถออกไปจากที่นี่ได้”
เธอได้ยินก็โยนกุญแจให้เขา “เจ้าไปช่วยคนในกรงขังออกมา แล้วพาพวกเขาออกไปตามทางนั้นก่อน”
“ได้” เขารับกุญแจไปเปิดกรงขังพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ช่วยคนด้านในออกมา จากนั้นพาพวกเขามุ่งไปยังเส้นทางเล็ก
“พวกเรากลับมาแล้ว”
บริเวณไม่ไกล ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางเร่งฝีเท้าเข้ามาหา บอกเฟิ่งจิ่วว่า “พวกเราจุดควันไฟพวกนั้นบริเวณเหนือลมสองสามจุด ผู้ฝึกวิชามารที่เจอระหว่างทางพวกเราก็ฆ่าเรียบร้อย ละแวกนี้พูดได้ว่าไม่มีใครแล้ว”
“อืม พวกเจ้าไปเรือนหลักทางนั้น” เธอกล่าวจบก็มองทั้งสองคนอย่างลึกล้ำ “พวกเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง คนพวกนั้นจะไม่ปรานีพวกเจ้า หากทำพลาดไปอาจตายได้”
ต้วนเยี่ยพยักหน้า “พวกเรารู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ! แม้พวกเราไม่แข็งแกร่งไปกว่าเจ้า แต่เรื่องป้องกันตัวไม่มีปัญหาแน่นอน หนำซ้ำข้ายังมีอสูรในพันธสัญญาคอยช่วยเหลือ”
………………………………………………….