เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1033 อย่าได้หนี + ตอนที่ 1034 เกิดความกลัว
ตอนที่ 1033 อย่าได้หนี + ตอนที่ 1034 เกิดความกลัว
ตอนที่ 1033 อย่าได้หนี
พวกเขาโดนจับมาถึงที่นี่ก็ยังไม่เห็นอสูรกลืนเมฆา นึกว่ามันถูกทิ้งไว้ในป่า ไม่คิดว่ามันกลับตามมาด้วยตัวเอง ซ้ำยังช่วยเหลือพวกเขาไว้ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
“สัตว์เทวะ!”
นางปีศาจเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณหรี่ตา นัยน์ตาเผยประกายคมกริบ นางจ้องอสูรกลืนเมฆาตรงหน้าที่งามสง่าน่าเกรงขามพลางเอ่ยปากว่า “นี่คงไม่ใช่สัตว์เทวะของพวกเจ้าสองคนกระมัง? เป็นของเฟิ่งจิ่วคนนั้นหรือ”
แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่เพียงครอบครองกระบี่คมพยับ ยังทำพันธสัญญากับสัตว์เทวะโบราณ และมีสัตว์เทวะอีกตัวหนึ่งด้วย? เด็กหนุ่มนามเฟิ่งจิ่วผู้นี้เป็นใครกันแน่ ด้วยกำลังสองสามคนยังทำลายสำนักร่วมเริงรมย์ที่พวกนางก่อตั้งมาอย่างยากลำบากได้ง่ายดายนัก เก่งกาจเสียจริงๆ!
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นหนิงหลางร้องตกใจ “ข้านี่โง่จริงๆ! สนใจแต่จะหนี ลืมไปเลยว่ายังมีของล้ำค่าสำหรับเอาชีวิตรอดอยู่!” ระหว่างพูดเขาล้วงๆ หาในห้วงมิติ แล้วหยิบรองเท้าสีทองคู่หนึ่งมาเปลี่ยนใส่
ต้วนเยี่ยมองไปก็แปลกใจเล็กน้อย “นี่คือรองเท้าตามเมฆไม่ใช่หรือ? นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีด้วย”
นี่เป็นของล้ำค่าชั้นดีทีเดียว! รองเท้าตามเมฆเป็นของวิเศษสำหรับเอาชีวิตรอด ความเร็วตอนวิ่งแม้เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณยังไล่ไม่ทัน ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าครั้งหนึ่งมันเคยโผล่มาในงานประมูล แต่ถูกประมูลไปด้วยราคาสูง ไม่นึกว่าจะอยู่ในมือของเจ้าอ้วน
หนิงหลางได้ยินก็เชิดคางอย่างย่ามใจ “เจ้าไม่คิดเสียหน่อยเล่าว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือนายน้อยแห่งเมืองหนิง อย่านึกว่ามีแต่พวกเจ้าถึงจะมีสัตว์ในพันธสัญญาเอย กระบี่วิเศษอะไรเอย ข้าก็เป็นคนมีของล้ำค่า หยิบออกมาได้ตามใจชอบ และทำให้พวกเจ้าตกใจแทบตายได้เช่นกัน”
ต้วนเยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็มุมปากกระตุก คร้านจะคุยกับเขาอีก
ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นทำหน้าถมึงทึง สองมือกำหมัดแน่น ไอชั่วร้ายทั่วร่างเอ่อล้นออกมา เด็กหนุ่มแต่ละคนทำให้พวกนางตื่นตะลึงอย่างยิ่งจริงๆ เฟิ่งจิ่วคนนั้นน่ะไม่เท่าไร เดิมทีพวกนางก็คิดว่าเขาไม่ธรรมดาที่สุดในหมู่เด็กหนุ่มสามคน แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กอ้วนที่ไม่สะดุดตาสักเท่าไรจะหยิบสมบัติช่วยชีวิตเช่นนี้ออกมาได้ง่ายๆ เหมือนกัน
เวลานี้นางเสียใจภายหลังมากจริงๆ เพราะมั่นใจเกินไป ตอนนั้นจึงไม่ได้ให้พวกลูกศิษย์ค้นตัวและเก็บสมบัติติดตัวของพวกเขาทั้งหมดมา
ถึงตอนนี้ พวกนางถึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งของด้านในถุงฟ้าดินที่เก็บจากตัวพวกเขาไปไม่อาจนับเป็นของดีอะไร ในนั้นล้วนเป็นข้าวของซึ่งพวกเขาไม่กลัวว่าจะโดนคนเก็บไป ของดีที่แท้จริงล้วนซ่อนไว้กับตัวพวกเขาต่างหาก!
“กลืนเมฆา นางปีศาจเฒ่านั่นยกให้เจ้า สู้ได้ก็สู้ไป ไม่ไหวค่อยหนี”
ต้วนเยี่ยตะโกนไปทางอสูรกลืนเมฆา จากนั้นเห็นนางปีศาจเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณทางนั้นไล่สิงโตไฟของเขาไม่ทันจึงวกมาหาพวกเขาทางนี้ จึงดึงแขนของหนิงหลางไว้และตะโกนลั่นทันที “จะนิ่งมองอะไรเล่า รีบวิ่งสิ! นางปีศาจเฒ่าทางนั้นมาแล้ว!”
“หา? ทางไหนๆ?”
หนิงหลางตกใจ รีบร้อนมองไปรอบข้าง และก็เห็นนางปีศาจเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณที่โกรธจัดอยู่ไม่ไกลพุ่งมาตามคาด เขาตกใจร้องอุทาน ก่อนจะลากต้วนเยี่ยวิ่งหนี
“ผู้ฝึกวิชามารก็เป็นผู้ฝึกวิชามาร ล้วนหน้าไม่อายทั้งนั้น ยายแก่สองคนรวมกันอายุไม่ใช่แค่สองร้อยปี ยังมารังแกเด็กน้อยอ่อนวัยอย่างพวกเราอีก ไร้ยางอายเหลือเกิน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงหลางที่ทั้งน้อยใจและโกรธเคือง ต้วนเยี่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าพูดมากน่า วิ่งเร็วเข้า! รอเฟิ่งจิ่วกำจัดนางปีศาจเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลางแล้ว สองคนนี้ก็หนีไม่พ้นความตายหรอก”
ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณที่ไล่หลังมาด่าทอด้วยความโมโห “พวกเจ้าอย่าได้หนี!”
………………………………………………….
ตอนที่ 1034 เกิดความกลัว
หนิงหลางหันกลับไปด่าเสียงดัง “คนโง่ต่างหากที่จะไม่หนี เจ้านึกว่าพวกเราเหมือนพวกเจ้าหรือไร! นางปีศาจเฒ่า มีปัญญาก็ตามมาสิ! ไล่ข้าทันนับว่าเจ้ามีฝีมือ!”
ใต้เท้าของเขา รองเท้าสีทองคู่นั้นสำแดงฤทธิ์ วิ่งเร็วปานเงาว่องไวดั่งลม ทำให้ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณด้านหลังอยากไล่ตามก็ไล่ไม่ทัน แต่ยังไม่ยอมปล่อยทั้งสองคนไปเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงกัดฟันแน่นไล่ตามหลัง โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเจ้าอ้วนข้างหน้าหันกลับมาด่าบ่อยครั้ง ทว่ากลับจับเขาไม่ได้ ยิ่งทำให้นางโมโหแทบกระอักเลือด
“เจ้าเด็กอ้วนสมควรตาย! อย่าให้ข้าจับเจ้าได้เชียว! มิเช่นนั้นข้าจะถลกหนังเจ้าเป็นๆ แน่!”
ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณโกรธจนคลั่ง ไล่ตามไปอย่างเต็มกำลัง สิ่งที่น่าแค้นใจคือคนตรงหน้ากำลังปลุกปั่น นางที่อยู่ด้านหลังกลับไล่ตามไม่ทัน
ส่วนผู้ฝึกวิชามารอีกคนหนึ่งก็ต่อสู้พัวพันกับอสูรกลืนเมฆา หนึ่งคนหนึ่งอสูรสู้กันตรงนั้น เมื่อเสียงคำรามของมันรวมถึงเสียงการโจมตีจากกระแสลมของศัตรูกระทบพื้นจะเกิดเสียงกระหึ่มดังขึ้นเป็นครั้งคราว สะเทือนเสียจนแผ่นดินสั่นไหวเล็กน้อย
แต่ในเวลานี้ น้ำเสียงที่ดุดันและไม่ยอมดังมาจากไหล่เขา ความเล็กแหลมแค้นเคืองของเสียงนั้นทำให้พวกเขามองไปอย่างอดไม่ได้
“เฟิ่งจิ่ว!”
“เจ้า เป็น ใคร กัน แน่!”
จุดตันเถียนของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลางโดนกระบี่คมพยับของเฟิ่งจิ่วแทงจากด้านหน้าทะลุไปด้านหลัง เลือดไหลลงมาตามคมกระบี่ สองมือของนางกุมกระบี่ไว้ ปล่อยให้เลือดไหล ดวงตาจ้องเขม็งที่เด็กหนุ่มชุดแดงตรงหน้า เหมือนถ้าไม่ถามให้รู้ว่าเขาเป็นใครก็สาบานว่าจะไม่ยอมแพ้
กลางอากาศ ชุดแดงของเด็กหนุ่มโบกพลิ้ว เส้นผมสีหมึกปลิวยุ่งเหยิงวาดผ่านใบหน้าที่งดงามเย็นชา
มือของเฟิ่งจิ่วถือกระบี่คมพยับไว้ และยามนี้ กระบี่คมพยับที่แหลมคมและส่องประกายเย็นเยือกสีดำเข้าโจมตีจนวิญญาณต้นในร่างของผู้ฝึกตนหญิงระดับกำเนิดวิญญาณแตกสลาย ทะลุผ่านร่างกายของนางไป ขอแค่เฟิ่งจิ่วดึงกระบี่คมพยับออกตอนนี้ เช่นนั้นเลือดจะพุ่งออกมา ผู้ฝึกวิชามารที่เส้นโลหิตขาดก็จะตายเพราะเลือดไหลทะลัก
ด้วยเหตุนี้สองมือของนางจึงคว้าคมกระบี่ไว้แน่น ดวงตางามที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ในตอนนี้ยังจับจ้องเฟิ่งจิ่วนิ่งๆ เพียงเพื่อจะได้ตายไปอย่างรู้แจ้ง
“ข้าคือเฟิ่งจิ่ว”
น้ำเสียงเนิบช้าที่เย็นเยียบเอ่ยออกไป เสียงเรียบนิ่งเช่นนั้น ภายในความเรียบนิ่งกลับเผยพลังอำนาจของผู้แข็งแกร่ง ทำให้คนอดหัวใจสั่นสะท้านไม่ได้
ตอนที่เสียงเปล่ง เฟิ่งจิ่วดึงกระบี่คมพยับกลับ ฉับพลันนั้นเลือดกระเซ็นออกมา ร่างนั้นร่วงหล่นจากกลางอากาศคล้ายสูญเสียสิ่งค้ำยัน พลางมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่ยืนบนอากาศ สูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทว่าดวงตาที่จับจ้องร่างสีแดงกลับปิดไม่ลงตลอดกาล
“ตุบ!”
เสียงร่วงลงพื้นอย่างแรงดังขึ้นมา ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณขั้นกลางร่วงหล่นตรงไหล่เขา ร่างกลิ้งลงไปจนกระทั่งถูกหินก้อนหนึ่งขวางไว้ถึงจะหยุด นางในตอนนี้ไม่อาจฟื้นคืนความสวยทรงเสน่ห์เช่นเดิมได้อีกแล้ว เพราะสิ่งที่เห็นได้มีเพียงเนื้อหนังแผลเหวอะหวะ…
“เฮือก!”
เสียงสูดลมหายใจดังมาจากเชิงเขา ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณสองคนนั้นเห็นภาพเช่นนี้ก็ตื่นตกใจ มองที่ร่างสีแดงอย่างยากจะเชื่อ มองเด็กหนุ่มรูปงามและไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะข้ามขั้นไปสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งด้วยวรยุทธ์ของระดับหลอมแก่นพลัง…
ยามนี้พวกนางเกิดความกลัวและคิดอยากหนี เพราะความตื่นตระหนกและประหลาดใจ ภายในหัวปรากฏเพียงหนึ่งความคิด
หนี!
………………………………………………….