เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1041 จะรู้ในไม่ช้าก็เร็ว + ตอนที่ 1042 หายไปแล้ว
ตอนที่ 1041 จะรู้ในไม่ช้าก็เร็ว + ตอนที่ 1042 หายไปแล้ว
ตอนที่ 1041 จะรู้ในไม่ช้าก็เร็ว
พวกต้วนเยี่ยเห็นภาพเช่นนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย อ้าปากค้างอย่างค่อนข้างตะลึง อาจารย์เฟิ่ง? เขารู้ว่าเฟิ่งจิ่วเป็นอาจารย์หรือ ไม่นึกว่าลั่วเฟยจะรู้ข่าวของสำนักศึกษาทางนั้น ซ้ำยังรู้ว่าเฟิ่งจิ่วจะมาที่นี่?
ครั้นเห็นเด็กหนุ่มใบหน้าเป็นมิตรที่เข้ามาต้อนรับ เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ข่าวของเจ้าเร็วนัก”
“แหะๆๆ นั่นเพราะวันๆ อยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ซ้ำยังชอบสืบถามข่าวคราว ข้ามีคนอยู่สำนักศึกษาทางนั้นพอดี พอรู้ข่าวจากสำนักศึกษาก็ส่งมาให้ข้า ถึงได้รู้ว่าท่านอาจารย์เฟิ่งจะเข้ามา ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมารอท่านที่นี่สามวันสามคืน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดที่คล่องเป็นธรรมชาติของเขา ไม่เพียงพวกของต้วนเยี่ยจะพูดไม่ออก แม้แต่เฟิ่งจิ่วยังมุมปากกระตุก มองเด็กหนุ่มผู้กระตือรือร้นตรงหน้าและไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ท่านอาจารย์เฟิ่ง ข้าสั่งให้คนเตรียมเกี้ยวมาแล้ว เชิญท่านขึ้นเกี้ยว” เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย ก่อนตะโกนไปทางคนด้านหลัง “จะนิ่งอยู่ตรงนั้นทำไม ยังไม่รีบยกเกี้ยวเข้ามาอีก”
ผู้อารักขาสี่คนยกเกี้ยวเข้ามา นั่นเป็นเกี้ยวสำหรับหนึ่งคน เรียบง่ายไม่สะดุดตาอะไร
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเกี้ยวนั้น กล่าวว่า “ไม่ต้อง ข้าเดินเข้าไปก็ได้ จะได้ชมทิวทัศน์ในเมืองพอดี”
“ได้อย่างไรกัน? ท่านเป็นอาจารย์ ข้าจะละเลยไม่ได้ ท่านอย่าเกรงใจข้าเลย มองที่นี่เป็นเหมือนบ้านของตนเองก็พอ เชิญเถอะ!”
“ข้าว่านะลั่วเฟย เจ้าจะไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้วกระมัง? ในเมื่อมารับก็เรียกมาเพิ่มสักสองสามเกี้ยวสิ พาไปแค่เฟิ่งจิ่วคนเดียวเช่นนี้ได้อย่างไร? ปฏิบัติต่างกันเหลือเกิน” หนิงหลางเอ่ยอย่างไม่พอใจพลางเบิกตาจ้องเขา คิดว่าอีกฝ่ายไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว
“เหอะๆ แน่นอนว่าพวกเจ้าเทียบอาจารย์ไม่ได้! นักเรียนต้องมีท่าทางเช่นนักเรียน เคารพครูบาอาจารย์รู้จักหรือไม่? ข้าแค่ให้ความเคารพอาจารย์ อันที่จริงก็ไม่ได้ไกลเลย เข้าเมืองเดินไปสักระยะหนึ่งก็ถึง บ้านข้าใกล้มาก” เขาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนเชิญเฟิ่งจิ่วขึ้นเกี้ยว
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยกมุมปาก สาวก้าวเดินเข้าไป ผู้อารักขาที่แบกเกี้ยวเปิดม่านและลดเกี้ยวลงต่ำเพื่อเชิญเธอเข้าไปข้างใน เธอมองไปภายในเกี้ยว จากนั้นถึงโน้มตัวเล็กน้อยเดินเข้าไปนั่งด้านใน
ต้วนเยี่ยกับซ่งหมิงมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรมาก เห็นเกี้ยวถูกยกมุ่งหน้าไปในเมือง พวกเขาก็เดินตามหลังไป ทว่าหลังจากเดินไปสองสามก้าวกลับโดนลั่วเฟยขวางไว้
“นี่ ข้าว่านะ ทำไมพวกเจ้าถึงไปคลุกคลีกับเขากันล่ะ?”
เขากอดอกมองคนทั้งสาม กล่าวว่า “หากข่าวของข้าไม่ผิดพลาด เจ้าแซ่เฟิ่งคนนี้เป็นเพียงนักเรียนของสำนักหกดารา ไปเข้าร่วมการจัดอันดับวายุเมฆาระหว่างสำนักศึกษาอะไรนั่น พวกเจ้าโดนเขาลักพามาได้อย่างไร พามาคนเดียวยังไม่เท่าไร นึกไม่ถึงว่าจะพามาด้วยกันสามคน? พวกเจ้าไม่มีปัญหาเลยสินะ?”
ทั้งสามได้ยินคำพูดนี้ก็มองหน้ากัน ก่อนเผยรอยยิ้มที่คนนอกไม่เข้าใจอย่างอดไม่ได้
ซ่งหมิงมองลั่วเฟยตรงหน้าที่มีสีหน้าไม่พอใจ ยิ้มเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าเรียกอาจารย์เฟิ่งไม่ใช่หรือ ทำไมเพิ่งหมุนตัวไปก็กลายเป็นเจ้าแซ่เฟิ่งเสียแล้ว? ในเมื่อข่าวของเจ้ารวดเร็วเพียงนั้น ทำไมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพวกเราถึงติดตามอยู่ข้างกายเขา?”
ลั่วเฟยเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของคนทั้งสาม ในใจก็นึกสงสัย ถามว่า “ถูกเขาลักพามาไม่ใช่หรือ ยังมีอะไรที่ข้าไม่รู้อีก?”
“ฮิๆ เรื่องนี้พวกเราไม่บอกหรอก อย่างไรเสียเจ้าจะได้รู้ในไม่ช้าก็เร็ว” หนิงหลางหยีตายิ้ม จากนั้นสาวเท้าเดินไปข้างหน้าพร้อมพวกต้วนเยี่ยซ่งหมิง
………………………………………………….
ตอนที่ 1042 หายไปแล้ว
พวกเขาเข้าเมืองไป ขณะมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลลั่ว ผ่านถนนใจกลางเมืองที่เฟื่องฟูที่สุด ลั่วเฟยที่เดินอยู่ด้านหน้ากับพวกต้วนเยี่ยทั้งสามหันกลับไปมอง ให้สัญญาณผู้ฝึกตนสองสามคนด้านหลัง แล้วจึงพูดคุยกับพวกของต้วนเยี่ยข้างกาย ความเร็วในการเดินเร่งขึ้นด้วยเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนสองสามคนเห็นสายตาของเขา ผ่านไปสักพักก็กดตรงกลไกของเกี้ยวพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย ได้ยินเพียงเสียงดังแกร๊กเหมือนมีเสียงอะไรดัง แม้แต่พวกของต้วนเยี่ยด้านหน้ายังหันกลับไปมอง เพียงแต่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ลั่วเฟยที่เดินอยู่ด้านหน้าหันไปมอง ในใจนึกประหลาดใจ จึงชะลอฝีเท้าอย่างอดไม่ได้ เขามาที่เกี้ยวและขานเรียก “ท่านอาจารย์?”
พวกต้วนเยี่ยเห็นดังนั้นก็มองหน้ากัน ชะลอฝีเท้ามาตรงเกี้ยว เห็นลั่วเฟยเรียกอยู่ตรงนั้นก็อดมองเขาด้วยความสงสัยไม่ได้ ถามว่า “เจ้าทำอะไร?”
ลั่วเฟยมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนขานเรียกอีกว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เฟิ่ง?” เรียกสองครั้งยังไม่มีคนตอบ จึงยื่นมือเปิดม่านมองด้านใน มองคราวนี้เขาอึ้งไปทันที
“คนล่ะ?”
พวกของต้วนเยี่ยเห็นเช่นนั้นก็พลันตกตะลึง มองเกี้ยวที่ว่างเปล่า ตอบสนองไม่ค่อยทันนัก
ผู้ฝึกตนสองสามคนที่แบกเกี้ยวอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากวางเกี้ยวลงก็มองด้านใน บอกว่า “ไม่ทราบขอรับ! พวกเราไม่เห็นเขาลงจากเกี้ยวเลย”
“เจ้าติดตั้งกลไกในเกี้ยวหรือ” ซ่งหมิงมองลั่วเฟยพลางถาม “เจ้ากำลังทำบ้าอะไร?”
“ถึงข้าวางกลไกก็ไม่มีทางทำให้คนหายได้หรอก! แต่ตอนนี้เขาไปไหนแล้ว?” เขาก็งุนงงเช่นกัน ไม่รู้ว่าคนด้านในเกี้ยวหายไปตั้งแต่เมื่อไร
“ตามหาสิ! คนอยู่ดีๆ เจ้าก็ยังทำหายไปแล้ว? เจ้าหมายความว่าอย่างไร!” ซ่งหมิงผลักเขา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบตามหาคนให้พวกข้าเร็วเข้า”
“จะหาอย่างไร กลับไปหาหรือ หรือว่าจะลงจากเกี้ยวไปตอนเข้าเมืองมา? กลับไปถามสักหน่อย” ลั่วเฟยกล่าวแล้ววิ่งกลับไปโดยเร็ว คนอื่นๆ ตามกลับไปเช่นกัน ระหวางนั้นก็ถามคนสัญจรว่าเห็นหนึ่งคนกับหนึ่งอสูรหรือไม่
เวลาเดียวกันนี้ เฟิ่งจิ่วในชุดแดงอุ้มกลืนเมฆายืนอยู่หน้าประตูจวนตระกูลลั่ว ยามเห็นว่าประตูใหญ่เปิดไว้ มุมปากพลันยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้ม
ชายชราคนหนึ่งเดินมาเห็นเฟิ่งจิ่วจึงถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “มิทราบว่าคุณชายมาหาคุณชายของพวกเราหรือ?”
“ข้ามาหานายท่านของพวกเจ้า” เฟิ่งจิ่วเอ่ยตอบ
“คุณชาย เชิญท่านตามข้ามาขอรับ” ชายชรายิ้มเอ่ย เชิญเฟิ่งจิ่วเข้าไปพลางบอกว่า “คุณชายของพวกเราบอกว่าวันนี้เขาจะมีสหายมาหา ฉะนั้นข้าจึงนึกว่าคุณชายเป็นสหายของคุณชายเรา”
“อืม ข้าเพิ่งพบหน้าคุณชายของเจ้า เขาไปรับพวกเราที่นอกเมือง แต่ตอนนี้เดาว่ายังอยู่ด้านหลังกัน คงอีกสักพักถึงจะกลับมา” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ สาวก้าวสบายๆ เดินไปข้างใน มือข้างหนึ่งลูบเส้นขนอ่อนนุ่มของอสูรกลืนเมฆาในอ้อมแขนอย่างเบามือ
“นายท่านกับฮูหยินได้ยินว่าเพื่อนของคุณชายจะมา จึงตั้งใจรออยู่ในบ้าน กลัวว่าคุณชายจะรับรองไม่ไหว นายท่านกับฮูหยินเห็นคุณชายต้องดีใจมากแน่ๆ ขอรับ” พ่อบ้านพาเฟิ่งจิ่วไปห้องโถงด้านหน้าจึงค่อยกล่าว “คุณชายนั่งรอสักครู่ ข้าจะไปเชิญนายท่านกับฮูหยิน”
“ได้” เธอพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงในห้องโถง
ชายชรารีบร้อนออกไปรายงาน ไม่นานนักผู้นำตระกูลลั่วกับลั่วฮูหยินก็เข้ามาพร้อมกัน เมื่อเห็นร่างสีแดงซึ่งนั่งอยู่ในห้องโถง เบื้องหน้าของทั้งสองสว่างวาบ แอบอุทานชื่นชมอย่างอดไม่ได้
เป็นเด็กหนุ่มที่งดงามโดดเด่นนัก
………………………………………………….