เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1053 แบกขึ้นเรือเหาะ + ตอนที่ 1054 ต้องบอกข้าบ้างสิ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1053 แบกขึ้นเรือเหาะ + ตอนที่ 1054 ต้องบอกข้าบ้างสิ
ตอนที่ 1053 แบกขึ้นเรือเหาะ + ตอนที่ 1054 ต้องบอกข้าบ้างสิ
ตอนที่ 1053 แบกขึ้นเรือเหาะ
พวกเขาตามเฟิ่งจิ่วไปตลอดจนพ้นเมือง เมื่อเห็นเขาสะบัดมือและเรือเหาะลำหรูหราปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา ก็เบิกตาโตโดยทันที โดยเฉพาะหนิงหลางยิ่งดวงตาเป็นประกาย ก้าวเท้าวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ลูบคลำเรือเหาะพลางตื่นตะลึงไม่สิ้นสุด
“สวรรค์! เรือเหาะนี่สวยจริงๆ ลำนั้นของบ้านข้ายังไม่หรูหราเช่นนี้ เฟิ่งจิ่ว เจ้าไปซื้อเรือเหาะมาจากไหน? ช่างงามเหลือเกิน!” เขาลูบคลำพลางร้องด้วยความประหลาดใจ ไม่เห็นการตกแต่งภายในเรือ จึงหันกลับไปมองยังเฟิ่งจิ่วทันควัน
“เฟิ่งจิ่ว พวกเราขึ้นไปได้หรือไม่? เจ้าก็ตระหนี่เกินไป มีของล้ำค่าเช่นนี้ยังไม่นำออกมาเสียเนิ่นๆ”
เธอยิ้มเล็กน้อย “ไปเถอะ!” จากนั้นค่อยสาวก้าวพาอสูรกลืนเมฆาเดินไปข้างหน้า
คนอื่นๆ ตามขึ้นเรือเหาะอย่างรวดเร็ว มีเพียงลั่วเฟยที่โดนแบกไปและพูดไม่ได้ถลึงตา ดิ้นรนและเตะเท้า
นี่เป็นจังหวะที่จะพาเขาไปหรือ? ก่อนหน้านี้เขาตกลงแค่อยากจะรั้งเฟิ่งจิ่วไว้ รอหลังจากออกไปค่อยคิดหาวิธี ไม่นึกว่าเฟิ่งจิ่วจะพาเขาออกจากเมืองทันที ซ้ำยังใช้เรือเหาะเช่นนี้ ไม่คิดจะให้เขากลับบ้านเลยหรือ?
ประตูนอกเมืองมีคนเข้าเมือง ยามนี้เห็นเรือเหาะเช่นนี้จอดอยู่บริเวณนอกเมือง ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์และตกตะลึงเป็นที่สุด ต่างกำลังคาดเดาว่าเป็นคนจากตระกูลใดกันแน่? ถึงได้มีเรือเหาะใหญ่โตหรูหราเช่นนี้?
แม้แต่ตระกูลและกลุ่มอำนาจต่างๆ ในเมืองได้ยินข่าวยังสั่งคนเข้ามาตรวจดู ทว่าเมื่อพวกเขาเร่งไปถึง พวกของเฟิ่งจิ่วก็จากไปกันนานแล้ว…
ภายในบ้านตระกูลลั่ว ผู้นำตระกูลลั่วกับฮูหยินที่ได้ยินว่านอกเมืองมีเรือเหาะลำโอ่อ่ากำลังคุยกันในเรือน กระทั่งพ่อบ้านด้านนอกวิ่งเหยาะๆ เข้ามา
“นายท่าน ฮูหยิน นี่เป็นจดหมายที่ตระกูลแม่ของฮูหยินส่งมาขอรับ” หลังจากพ่อบ้านส่งมอบจดหมายซองหนึ่งให้ ถึงจะถอยออกไป
“เป็นจดหมายที่ท่านแม่ยายส่งให้เจ้าแน่ๆ ฮูหยิน เจ้าอ่านสิ!” ผู้นำตระกูลลั่วยิ้มเอ่ย แล้วยื่นจดหมายให้นาง
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินลั่วยิ้มพลางรับมา เพียงเปิดจดหมายออก เห็นว่าด้านในนอกจากจดหมายยังมีภาพเหมือนที่พับไว้ จึงยื่นภาพเหมือนให้สามีข้างกาย ส่วนตนเองอ่านจดหมาย
“เป็นจดหมายจากพ่อของข้าเจ้าค่ะ บอกว่าส่งภาพเหมือนของภูตหมอมาให้พวกเรา ยามนี้ผู้นำตระกูลใหญ่และผู้รับผิดชอบของกลุ่มอำนาจต่างๆ ล้วนมีไว้ในมือ”
“ภาพเหมือนของภูตหมอ?” ผู้นำตระกูลลั่วตกใจ รีบร้อนเปิดภาพเหมือนออกดู มองไปเช่นนี้กลับตกใจในทันใด “นี่คุณชายเฟิ่งไม่ใช่หรือ?”
ฮูหยินลั่วชะโงกหน้าไป “เอ๊? เป็นคุณชายเฟิ่งจริงๆ ด้วย เขาเป็นภูตหมอไปได้อย่างไร?”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ในใจประหลาดใจ เด็กหนุ่มชุดแดงผู้ซุกซนเปิดเผยนึกไม่ถึงว่าจะเป็นภูตหมอ? แต่ทำไมภูตหมอถึงกลายเป็นอาจารย์สำนักศึกษาสองดารา? หรือว่าเรื่องนี้เป็นจริงดังเขาว่าไว้ในตอนนั้น เดิมทีเขาเป็นเพียงนักเรียนสำนักศึกษาหกดารา หลังจากเข้ามาสำนักศึกษาสองดาราเพราะพบโอกาสจึงบรรลุขั้น ถึงได้กลายเป็นอาจารย์สำนักศึกษาสองดารา?
“เฟยเอ๋อร์ของพวกเราช่างมีวาสนา” ผู้นำตระกูลลั่วยิ้มกล่าว
“ใช่เจ้าค่ะ!” ฮูหยินลั่วยิ้มขานรับอย่างยินดียิ่ง
ส่วนอีกด้านหนึ่งบนเรือเหาะ ในที่สุดลั่วเฟยก็เอ่ยปากพูดจาได้ แม้แต่พลังที่โดนปิดผนึกเฟิ่งจิ่วยังแก้ให้ แต่เขากลับถลึงจ้องเฟิ่งจิ่วด้วยความโกรธเคือง
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? นึกไม่ถึงว่าจะพาข้าไปเช่นนี้ พ่อแม่ของข้าหาข้าไม่พบ ไม่รู้จะเป็นห่วงสักเพียงใด”
“เจ้าวางใจได้ พวกเราบอกพ่อแม่ของเจ้าไว้แต่แรก หนำซ้ำพวกเขายังตกลง” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ยอย่างไม่สนใจ
………………………………………………….
ตอนที่ 1054 ต้องบอกข้าบ้างสิ
“เป็นไปได้อย่างไร? พ่อแม่ของข้าถึงจะไม่เห็นด้วย!”
เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกไป เขายังไม่มั่นใจสักเท่าไร พ่อแม่ของเขาพูดได้ว่าชื่นชมเฟิ่งจิ่วยิ่งนัก โดยเฉพาะหลังจากรู้ว่าเขาเป็นอาจารย์สำนักศึกษาสองดารา ยิ่งไว้วางใจเป็นที่สุด ซ้ำยังเป็นไปได้ว่าจะเป็นเช่นเขาว่า การบังคับพาเขาไปเป็นเรื่องที่พ่อแม่ของเขาเห็นสมควร
“ทำไมจะไม่ได้? เจ้าดูสิ ขนมและผลไม้พวกนี้แม่ของเจ้ายังช่วยเตรียมให้พวกเรา” หนิงหลางกินผลไม้ ถามว่า “เจ้าจะเอาสักชิ้นไหม?”
ลั่วเฟยได้ยินเช่นนี้ก็ถลึงตา “เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้ากินลงหรือไม่เล่า?”
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็เหลือบมองลั่วเฟย นึกถึงประสบการณ์ของเขาในหนึ่งวันหนึ่งคืน จึงฉีกยิ้มทันควัน “อืม ก็น่าจะกินไม่ลง”
“ข้าจะไปพักผ่อน ไม่มีธุระอย่ารบกวนข้า” เฟิ่งจิ่วกล่าวไป แล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องด้านในท้องเรือ ทว่าเพิ่งยกไปก้าวหนึ่ง ลั่วเฟยก็เข้าขวางเบื้องหน้าเธอ
เธอเลิกคิ้วมองลั่วเฟยตรงหน้าที่เดือดดาล ถามว่า “เจ้ามีอะไรอีก?”
“ข้าต้องการลงเรือเหาะ! ข้าจะกลับบ้าน!”
“ลืมแล้วหรือว่าเจ้าตกลงจะตามข้าไป?” เธอมองยังเขา ในดวงตาฉายประกายที่อธิบายไม่ถูก
ลั่วเฟยดวงตาแวววาวเล็กน้อย กล่าวโต้แย้งอย่างไร้เหตุผล “ข้าแค่ตกลงจะตามเจ้าออกไปจากที่นั่น ยังไม่บอกว่าจะขึ้นเรือโจรของเจ้า”
เธอยกมุมปาก “หรือเจ้าไม่รู้ว่าขึ้นเรือง่ายลงไปยาก? เจ้าขึ้นมาเรือโจรของข้า คิดว่าข้าจะให้เจ้าลงไปได้หรือ?” กล่าวจบก็ก้าวเดินหน้าไป
ลั่วเฟยอย่างพูดอะไรบางอย่างอีก ก็โดนหนิงหลางกดไหล่ไว้และลากไปข้างๆ รอหลังจากเฟิ่งจิ่วเข้าไป พวกเขาถึงจะมานั่งล้อมข้างกายเขา
“เจ้าอย่าคิดดีกว่า ขึ้นมาเรือของเขาแล้ว นอกจากเขาจะให้เจ้าลง มิเช่นนั้นเจ้าก็ลงไปไม่ได้”
“ถูกต้อง หนำซ้ำข้าคิดว่าเรือของเขาไม่มีอะไรไม่ดี รู้หรือไม่ว่าคนเท่าไรอยากร่วมขึ้นเรือยังไม่มีโอกาสเช่นนี้?” ซ่งหมิงกล่าวไป สายตาบอกว่า ‘เจ้าอย่าได้ไม่รู้จักเสือ’ ก็มองยังเขา
“หากเจ้ายังกลับไปกลับมาอีก คนที่ลำบากจะมีแต่ตนเอง”
ต้วนเยี่ยเอ่ยปากบอก พร้อมชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เขามีเป็นร้อยวิธีจะจัดการเจ้า ทำให้เจ้าเชื่อฟัง เจ้าเชื่อหรือไม่? หรือบอกว่าเจ้าอยากลิ้มลองทีละน้อยถึงจะเชื่อ?”
ลั่วเฟยฟังคำพูดของพวกเขาแต่ละคน แล้วนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เริ่มตั้งแต่พบเฟิ่งจิ่วก็ไม่เคยเอาชนะได้ จึงกัดฟันกรอด ถามว่า “นี่จะไปไหนกัน? ต้องให้ข้ารู้บ้างสิ?”
ทั้งสามได้ยินเช่นนี้ก็มองหน้ากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “เทือกเขาอเวจี”
ลั่วเฟยร้องอุทานเสียงหลง “อะ อะไรนะ? เทือกเขาอเวจี? สวรรค์! ไม่ใช่กระมัง? ที่นั่นเป็นเช่นนรก เป็นสถานที่ที่เข้าไปจะออกมาไม่ได้ จะให้พวกเจ้าไปตายหรือไร?”
“ต้องฝึกวิชาที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปี หนำซ้ำเฟิ่งจิ่วจะพาพวกเราไปแค่ปีเดียว ไม่ว่าจะยินยอมก็ดี ไม่ยอมก็ดี ล้วนเป็นเวลาหนึ่งปี ผ่านไปหนึ่งปีเดาว่าแม้พวกเรายังอยากตามไป เขาคงไม่ยอม”
ซ่งหมิงเอ่ยเสียงเนิบๆ ในใจรู้ว่าผ่านไปหนึ่งปีเฟิ่งจิ่วจะไม่พาพวกเขาไปด้วยอีก ถึงอย่างไรด้วยชื่อภูตหมอของเขา คนอยากติดตามเขามีมากเกินไป เดาว่าครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเรื่องที่ก่อไว้ภายในสำนักศึกษาสองดาราคิดว่าเหตุผลยังไม่เพียงพอ เขาอาจไม่ตกลงจะพาพวกเขาไปเทือกเขาอเวจี
เฟิ่งจิ่วพาพวกเขาไปที่นั่น ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเขาและรับหน้าที่สั่งสอน นี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับเขา มีแต่ปัญหา
………………………………………………….