เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1059 รับมือไหว + ตอนที่ 1060 ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1059 รับมือไหว + ตอนที่ 1060 ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง
ตอนที่ 1059 รับมือไหว + ตอนที่ 1060 ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง
ตอนที่ 1059 รับมือไหว
“เจ้าหนูว่าอะไรนะ? พูดอีกครั้งหนึ่งซิ!”
ช่างเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ เรื่องเล็กน้อยยังยื้อไว้ไม่ปล่อย จงใจจะใช้ลั่วเฟยมาคุมอำนาจ สำหรับเรื่องนี้พวกผู้ฝึกตนที่เห็นเสียจนเข้าใจดวงตาเผยความเหยียดหยาม
ใช้เด็กหนุ่มอายุสิบกว่ามาคุมอำนาจ เรื่องเช่นนี้พวกเขาทำไม่ได้หรอก
ลั่วเฟยเห็นศัตรูเข้ามาด้วยท่าทางอุกอาจก็โมโห เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะพูดอะไรเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? ข้าเหยียบหางเจ้าหรือด่าทอแม่ของเจ้าหรือไร? เห็นข้าเป็นเด็กรังแกง่ายนักใช่หรือไม่? คิดจะสู้หรือ? อยากสู้ก็ว่ามาตรงๆ ข้าจะร่วมด้วย!”
“ปีนเกลียวนักนะ! ถึงกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้!” คนคนนั้นตะโกนกราด มือหนึ่งยื่นออกไปจะกระชากคอเสื้อและยกลั่วเฟยขึ้นมา อีกมือหนึ่งก็เหวี่ยงหมัดจะชกไปยังใบหน้าของเขา
“ไอ้สารเลว! วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเสียหน่อย!” ลั่วเฟยด่าไป ทันทีที่หลบก็ลงมือโจมตีไปทางเขา
ทุกคนโดยรอบเห็นเช่นนี้ แต่ละคนต่างสนใจ ชายฉกรรจ์เป็นระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด เด็กหนุ่มกลับเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง ไม่น่าเป็นคู่ต่อสู้ของชายฉกรรจ์ แต่ความห้าวหาญที่กล้าประลองฝีมือกับชายฉกรรจ์ ก็ทำให้คนไม่น้อยเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่
พวกของต้วนเยี่ยคิดจะเข้าไปช่วยก็โดนเฟิ่งจิ่วขวางไว้ “เขารับมือไหว”
แม้พลังของลั่วเฟยเป็นเพียงระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง เจอผู้แข็งแกร่งกำลังต่อสู้กลับทรงพลัง ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกตนคนนั้น ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ในนี้จะให้เธอออกหน้าทุกเรื่องไม่ได้ ขอแค่มีโอกาสจะให้พวกเขาไปจัดการเรื่องที่ก่อขึ้นมาด้วยตนเอง แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตั้งแต่พวกเขามาถึงที่นี่ เมื่อเดินออกมาตรงนี้ก็เห็นว่าเลี่ยงไม่ได้แล้ว ใครให้พวกเขาดูอ่อนแอและข่มเหงได้ง่ายๆ เล่า? ในเมื่อเป็นเช่นนี้มีแต่ต้องพูดกันด้วยกำลัง
ผู้ฝึกตนคนนั้นคิดจะใช้ลั่วเฟยมาคุมอำนาจ เจ้าเด็กฉลาดลั่วเฟยไหนเลยจะไม่คิดเหมือนกัน? แทนที่จะโดนคนเพ่งเล็งต่อไป ไม่สู้ชิงโจมตีก่อน หนำซ้ำภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การต่อสู้ครั้งนี้ยังเหมือนว่าเขาถูกยียวนจึงปกป้องตนเอง
ความหมายชัดเจนมาก ‘ขอแค่พวกเจ้าไม่มายุ่ง ต่อให้พละกำลังของข้าแข็งแกร่ง ก็จะไม่ไปตอแยพวกเจ้า’ นี่คือเป้าหมายของการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่แพ้แต่จะชนะ ขอแค่ชนะก็ได้ผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการ
“ผัวะๆๆ! ฟิ้ว!”
เสียงหมัดปะทะกันลอยมา เสียงดุดันของกระแสลมที่พัดผ่านไหลพล่านอยู่ข้างกายทั้งสอง แรงกดดันระดับสร้างรากฐานบนร่างของพวกเขากระจายไป พร้อมออกหมัดจู่โจม กระแสลมที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ายังเหวี่ยงตามออกไป
ทั้งสองล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน คนหนึ่งเป็นขั้นสูงสุดคนหนึ่งเป็นขั้นกลาง โดยเฉพาะคนหลังยะงเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบกว่า เมื่อทุกคนเห็นเด็กหนุ่มรับมือศัตรูได้และไม่เสียเปรียบภายใต้สถานการณ์ที่พละกำลังต่ำกว่าศัตรูหนึ่งขั้น ตรงกันข้ามยังมีท่าทางว่าจะเหนือกว่ารางๆ ในดวงตาล้วนเผยความประหลาดใจ
เหล่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังมองออกว่าแม้เด็กหนุ่มอายุไม่มาก แต่ความเร็วว่องไวยิ่งนัก หนำซ้ำฝีมือยังชาญฉลาด ไม่ใช่ลูกหลานที่ตระกูลทั่วไปฝึกอบรมมาอย่างแน่นอน อีกทั้งเผชิญหน้าผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดยังไม่ตกใจหรือหวาดกลัว จิตวิญญาณต่อสู้กลับเดือดพล่าน มีท่าทางว่ายิ่งสู้จะยิ่งกล้าแกร่ง
“ผัวะ!”
ยามนี้เด็กหนุ่มลอยตัวขึ้นไป แล้วหมุนตัวเตะเข้าหน้าอกของชายฉกรรจ์ เตะเขาถอยไปไกลหลายจั้ง ชายฉกรรจ์ร้องเสียงอู้อี้ กำหมัดแน่นอย่างแค้นเคือง นัยน์ตาเอ่อล้นด้วยจิตสังหาร
………………………………………………….
ตอนที่ 1060 ยังไม่ลงมือเท่านั้นเอง
เห็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดนึกไม่ถึงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง ในดวงตาของคนไม่น้อยฉายแววแปลกใจ สายตามีเลศนัยจ้องมองเด็กหนุ่ม ไม่รู้กำลังคิดอะไร
“อ๊าก!”
ชายฉกรรจ์เปล่งเสียงตะโกนกราด พลันชักดาบใหญ่ตรงเอวฟันไปทางลั่วเฟย การโจมตีที่มีจิตสังหาร ท่าทางดุร้าย ทำให้คนหวั่นๆ ใจอย่างอดไม่ได้
ทว่าเพียงเห็นเด็กหนุ่มดึงกระบี่โค้งตรงเอวมาจู่โจมออกไป ประมือกับชายฉกรรจ์ ดาบกระบี่กระทบกันเกิดเสียงดังกังวานชัดเจน พลังกระบี่ดุร้ายและพลังดาบแข็งแกร่งพุ่งชนเข้าหากัน กลายเป็นกระแสลมกลางอากาศร้องโหยหวนข้างกายทั้งสอง กรีดบนร่างของพวกเขาเป็นรอยเล็กๆ กลิ่นเลือดกระจายไปในอากาศ กระทั่งเสียงแกร๊งดังอย่างรุนแรง สองคนก็ถูกกระแสลมทั้งสองดีดออกไป
สองร่างเซถอยหลังไปอย่างเสียสมดุล กระทั่งถอยไปหลายจั้งถึงจะประคองฝีเท้าไว้ได้ แม้เป็นเช่นนี้กลับยังตัดสินแพ้ชนะได้ยาก แม้ลั่วเฟยเหนือกว่าในด้านความเร็วของฝีมือ แต่ก็ฆ่าศัตรูไม่ได้ เช่นนั้นจึงไม่นับว่าชนะอย่างแท้จริง
แต่จะสู้ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดสักคนด้วยความสามารถของเขา ก็ทำให้คนส่วนหนึ่งตกตะลึงได้แล้ว แน่นอนว่ายกเว้นพวกผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง
เฟิ่งจิ่วเห็นลั่วเฟยคิดจะสู้ต่อ ก็เอ่ยปากบอกว่า “เอาล่ะ อย่าเสียแรงเปล่าเลย คิดว่าจะข้ามไปอีกฝั่งอย่างไรยังดีกว่า!”
ลั่วเฟยได้ยินเช่นนี้ก็จ้องมองชายฉกรรจ์ ถึงจะเก็บกระบี่ยาวไป แล้วเดินไปทางพวกของเฟิ่งจิ่ว ทว่ายามนี้ชายฉกรรจ์เห็นลั่วเฟยเก็บกระบี่วางมือหมุนตัวเดินไปหาเด็กหนุ่มพวกนั้น ในใจโกรธเคืองยากสงบ กัดฟันถือดาบใหญ่ในมือฟันไปยังด้านหลังของลั่วเฟย
เหล่าผู้ฝึกตนของตระกูลเห็นภาพเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วยและดูแคลนเล็กน้อย แต่พวกเขาเพียงขมวดคิ้วเท่านั้น ไม่ส่งเสียงเตือนหรือช่วยเหลือใดๆ
เพราะจะช่วยเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ความพวกนั้นและไปขัดใจผู้ฝึกตนที่ดุร้ายน่ากลัวกลุ่มนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลยจริงๆ
ส่วนผู้ฝึกวิชามารและผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นคงไม่ช่วยหรือออกปากเตือนเช่นกัน พวกเขาคร้านจะยุ่งเรื่องเป็นตายของคนอื่น ตรงกันข้ามยังมองภาพเลือดสาดด้วยความยินดีนัก
ลั่วเฟยที่เดินไปหาเฟิ่งจิ่วไม่นึกว่าชายฉกรรจ์จะไร้ยางอายเช่นนี้ ขณะหันกลับไปมองอย่างระวัง เพียงเห็นร่างที่พุ่งมาห่างออกไปสามก้าว ดาบใหญ่ที่ยกขึ้นฟันลงไอสังหารเดือดดาลพร้อมแรงกดดันรุนแรงทรงพลัง ฟันลงมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า แม้เขาคิดจะหลบ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังตอบโต้ไม่ทัน ได้แต่เบิกตามองดาบใหญ่ฟันลงมา
พวกของต้วนเยี่ยห่างจากเขาเป็นระยะไกลหนึ่งจั้ง ยามนี้เห็นภาพเช่นนี้ก็สูดลมหายใจ ทั้งโกรธเคืองและตะลึง ต่อให้พวกเขาลงมือยังไม่มีทางช่วยได้ภายใต้ความเร็วและระยะห่างเช่นนั้น
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหวั่นๆ ใจ ส่งเสียงร้องอุทาน “ระวัง!” หวังว่าเขาจะหลบได้ทัน
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงของพวกเขา ขณะทุกคนล้วนเห็นว่าดาบใหญ่ฟันลงไป และคาดการณ์ได้ว่าจะเห็นศีรษะของลั่วเฟยกระเด็นออกไปเลือดกระเซ็นเต็มพื้น ร่างสีแดงก็พุ่งออกไปราวสายฟ้า
ความเร็วว่องไวทำให้ทุกคนทันเห็นเพียงว่านั่นเป็นร่างสีแดง เวลาต่อมาเสียงร้องอุทานก็ลอยออกไป แล้วร่างกายกำยำที่ถือดาบใหญ่ฟันมาก็โดนร่างสีแดงถีบกระเด็นออกไป…
………………………………………………….