เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1061 ลงมืออย่างน่ากลัว + ตอนที่ 1062 มองจากตรงไหนว่าพวกเขาอ่อนแอ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1061 ลงมืออย่างน่ากลัว + ตอนที่ 1062 มองจากตรงไหนว่าพวกเขาอ่อนแอ
ตอนที่ 1061 ลงมืออย่างน่ากลัว + ตอนที่ 1062 มองจากตรงไหนว่าพวกเขาอ่อนแอ?
ตอนที่ 1061 ลงมืออย่างน่ากลัว
“อ๊าก!”
ภายในเสียงร้องอุทานมีทั้งความหวาดกลัวและตกตะลึง ชายฉกรรจ์เปล่งเสียงกรีดร้องเพราะร่างกายโดนแรงที่แฝงด้วยพลังลึกลับแข็งแกร่งถีบไปยังทิศทางของหน้าผา เขาคิดจะประคองร่างกายที่โดนถีบออกไป แต่ตนเองไม่อาจควบคุมแรงนั้นได้ ทำได้เพียงเบิกตามองตนเองตกลงไปยังหน้าผา
“อ๊าก… ช่วยด้วย… ช่วยข้าด้วย…”
เสียงกรีดร้องรุนแรงมีความร้องขอความเมตตาตกลงในเหวลึกจากที่สูง เสียงกึกก้องและค่อยๆ หายไปในอากาศ กระทั่งหายไปไม่เห็น
ภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้ทุกคนตะลึงงัน คนอื่นๆ โดยรอบลุกขึ้นมาแทบจะในเวลาเดียวกันทันที แต่ละคนเบิกตาโตมองเด็กหนุ่มชุดแดงรูปงามที่ปัดๆ ชุดคลุมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ไม่น่าเชื่อ นึกไม่ถึงว่าจะช่วยเพื่อนของเขาได้อย่างสบายๆ เช่นนั้น หนำซ้ำในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานยังกระทำการรวดเร็วเช่นนั้น
แม้เห็นด้วยตาของตนเอง พวกเขายังคงรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าเหลือเชื่อเล็กน้อย ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดนึกไม่ถึงว่าจะโดนเขาถีบลงไปเบื้องล่างของหน้าผาและตกลงไปในเหวลึกเช่นนั้น…
ลั่วเฟยอึ้งไป ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา นิ่งมองเฟิ่งจิ่วที่ยืนจัดชุดคลุมอยู่ข้างกาย ความตื่นตะลึงในใจก็ยากจะสงบลง
เขาเป็นคนในเหตุการณ์ ระยะใกล้เช่นนั้นแทบพูดได้ว่าคนที่นี่ล้วนไม่มีใครเข้าใจความตกใจและงุนงงในใจของเขาตอนนี้ได้ ระยะใกล้เช่นนั้นแม้แต่ตนเองยังช่วยตนเองไม่ได้ เฟิ่งจิ่วกลับตอบโต้ได้อย่างว่องไวและช่วยเขาไว้โดยไม่เสียแรงสักนิด
ยามนี้อารมณ์ของเขาแปรปรวนดั่งพายุ ในห้วงความคิดว่างเปล่า พักไปนานนัก มองเฟิ่งจิ่วข้างกายในชุดแดงแพรวพราว ถึงจะเอ่ยอย่างนิ่งอึ้ง “เรื่องนั้น ขอบคุณจะ เจ้ามากที่ช่วยข้า”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าเหลือบมองเขา “ไปด้านหลังเสีย” เธอส่งสัญญาณให้เขาเดินไปข้างกายพวกของต้วนเยี่ย
ยามนี้คนของกลุ่มชายฉกรรจ์ได้สติกลับมาในที่สุด แต่ละคนในดวงตามีจิตสังหารจ้องมองเฟิ่งจิ่ว “เจ้าหนู ใช้ได้นี่!”
เฟิ่งจิ่วมองคนพวกนั้น ในสิบกว่าคนนั้นมีผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานสองสามคน และผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังอีกสองสามคน พละกำลังแข็งแกร่งสุดคือระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด กลิ่นคาวเลือดบนร่างของแต่ละคนแรงมาก เห็นได้ชัดว่ามือเปื้อนเลือดมาไม่น้อย
“ทำไม? อนุญาตให้พวกเจ้าฆ่าคน แต่ไม่ให้พวกเราโต้กลับหรือไร?”
เสียงของเธอเฉยชา มีความเกียจคร้านและเย็นเยียบบางส่วน ฟังเหมือนจะไม่แยแสสักเท่าไร ไม่ค่อยเห็นเรื่องนี้ในสายตา ทว่าคนคุ้นเคยย่อมรู้ว่ายามนี้เธอเกิดจิตสังหารแล้ว
แต่คนพวกนี้ไม่คุ้นเคยกับเธอ ไม่รู้สึกว่าเด็กหนุ่มอย่างพวกเขาจะอันตรายสักเท่าไร ด้วยเหตุนี้พวกเขาเห็นคนของตนเองโดนเด็กหนุ่มชุดแดงถีบตกหน้าผาตายไป คงไม่วางมือแค่นี้เป็นแน่
ชายฉกรรจ์ท่าทางดุร้ายสิบกว่าคนแต่ละคนล้อมเข้ามา พากันชักดาบและกระบี่ตรงเอวออกมา ไอสังหารเดือดดาล จิตสังหารกระหายเลือดกระจายไปรอบข้าง แล้วจู่โจมไปทางพวกของเฟิ่งจิ่ว
คนอื่นๆ โดยรอบเห็นเช่นนี้ต่างพากันถอยออกไปข้างๆ ในนั้นมีคนของตระกูลใหญ่มองเด็กหนุ่มพวกนั้นอย่างเสียดาย คิดว่าเด็กหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้หากโดนทำร้ายที่นี่ก็น่าสงสารจริงๆ
แต่เด็กหนุ่มชุดแดงถีบผู้ฝึกตนคนนั้นตกหน้าผาไปทันควัน คนพวกนั้นคงไม่เลิกราแค่นี้ วันนี้พวกเขาถึงคราวยากพ้นเคราะห์
………………………………………………….
ตอนที่ 1062 มองจากตรงไหนว่าพวกเขาอ่อนแอ?
เมื่อจิตสังหารในอากาศยิ่งรุนแรง คนรอบๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้นก็ถอยออกไป พวกของต้วนเยี่ยเดินเข้ามาจากด้านหลังและล้อมอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่ว เตรียมพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา
แม้รู้ว่ากำลังของตนเองไม่ใช่คนแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ แต่พวกเขาไม่กลัวการต่อสู้ โดยเฉพาะคนที่มาข่มเหงกันถึงที่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ในเมื่อพวกเขาอยากสู้ เช่นนั้นก็มาสู้กันเถอะ!
ในโลกที่พละกำลังเป็นใหญ่ ใช้กำลังตัดสินทุกอย่างมาแต่ไหนแต่ไร ขอแค่พวกเขาสู้ชนะหรือใช้กองกำลังอันห้าวหาญข่มขวัญพวกเขา คนพวกนี้จะไม่กล้าแสดงท่าทางว่าอยากฆ่าก็ฆ่าตามใจชอบ
หนำซ้ำ…
ต้วนเยี่ยกับหนิงหลางรวมถึงซ่งหมิงสามคนแววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาพินิจมองบนร่างของคนพวกนั้น ในใจคิดแผนการ
หากเป็นเมื่อก่อนเจอผู้ฝึกตนท่าทางน่ากลัวสิบกว่าคนเช่นนี้ ซ้ำในนั้นยังมีสองสามคนเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง เช่นนั้นเดาว่าพวกเขาคงกังวลและหวาดกลัวจริงๆ
ทว่าตั้งแต่ร่วมสู้เคียงข้างเฟิ่งจิ่วทำลายสำนักร่วมเริงรมย์ เห็นว่าแม้แต่ตัวประหลาดเฒ่าระดับกำเนิดวิญญาณเฟิ่งจิ่วยังสังหารได้ พวกเขาจึงไม่กลัวผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังพวกนี้
เพราะพวกเขารู้ชัดยิ่งว่าด้วยกำลังต่อสู้ของเฟิ่งจิ่วรวมพวกเขาสองสามคน คนพวกนี้จะฆ่าพวกเขาก็ไม่ง่ายดายเพียงนั้น ตรงกันข้ามหากประชันฝีมือกัน พวกเขายังมีโอกาสฆ่าล้างคนพวกนี้ที่นี่ได้หมดทุกเมื่อ!
ในหมู่พวกเขามีเพียงลั่วเฟยไม่รู้ว่าพวกของเฟิ่งจิ่วเคยสู้คนระดับกำเนิดวิญญาณ และไม่รู้ตัวตนภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว ยามนี้เห็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังพวกนั้นพาผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานล้อมเข้ามาก็ขมวดคิ้วโดยทันที ในดวงตาเผยความหนักใจ ในห้วงความคิดขบคิดอย่างรวดเร็วเพื่อหาวิธีรับมือ
ทว่าเมื่อบรรยากาศตึงเครียดเพียงแตะก็ปะทุ น้ำเสียงแปลกใจดังเข้ามาทำลายความหนักอึ้งในอากาศ และดึงดูดซึ่งสายตาของทุกคนโดยรอบ
“เอ๊? กำลังทำอะไรกัน? ชายแกร่งมากมายเพียงนี้จะรังแกเด็กน้อยสองสามคนหรือไร?”
น้ำเสียงประหลาดใจลอยเข้ามาอย่างมีความเยาะเย้ยที่เห็นได้ชัดเจน น้ำเสียงทุ้มต่ำแสดงความเบิกบานใจ ทำให้พวกของเฟิ่งจิ่วมองไป มองไปเช่นนี้พวกเขาพลันประหลาดใจ
เป็นทหารรับจ้างสำรวจเส้นทางสองคนที่เจอกันตอนค้างแรมข้างนอกป่า
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย พวกเราเจอกันอีกแล้ว ช่างมีวาสนาจริงๆ!”
ผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดคนนั้นยกมือทักทายพวกของเฟิ่งจิ่ว เห็นพวกเขาถูกชายฉกรรจ์ท่าทางชั่วร้ายพวกนั้นปิดล้อมไว้ก็ฉีกยิ้ม
“ดูท่าทางพวกเจ้าจะเจอปัญหา! แต่ก็ใช่ ในสถานที่เช่นนี้บางคนถนัดข่มเหงเด็กและผู้อ่อนแอ ชัดเจนยิ่งว่าพวกเจ้าล้วนนับเป็นสองอย่างนี้ เจ้าว่าพวกเขาไม่รังแกพวกเจ้า แล้วจะไปรังแกใคร?”
พวกของเฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ มุมปากกระตุกทั้งหน้านิ่วคิ้วขมวด
เด็กน้อยอะไรกัน? พวกเขาเป็นเด็กเสียที่ไหน? เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วเข้าใจหรือไม่? เพียงแต่สำหรับคนมีอายุพวกนั้น พวกเขาก็อ่อนกว่าเล็กน้อยจริงๆ
แต่นับว่าเป็นทั้งเด็กน้อยและผู้อ่อนแอ? สายตาอะไรของเขา? มองจากตรงไหนว่าพวกเขาอ่อนแอ?
ชายฉกรรจ์ท่าทางดุร้ายสิบกว่าคนเห็นทหารรับจ้างสองคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคุยกับพวกเด็กหนุ่มตรงนั้น สีหน้าก็เคร่งเครียดทันใด สายตาของหัวหน้าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดจ้องมองสองทหารรับจ้างอย่างบึ้งตึง พร้อมยิ้มเย็นอย่างน่าสะพรึง
“ทำไม? พวกเจ้าสองคนคิดจะช่วยเด็กพวกนี้ออกหน้าหรือ?”
………………………………………………….