เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1067 ป่าประหลาดรอบนอกเทือกเขาอเวจี + ตอนที่ 1068 ปีศาจในป่า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1067 ป่าประหลาดรอบนอกเทือกเขาอเวจี + ตอนที่ 1068 ปีศาจในป่า
ตอนที่ 1067 ป่าประหลาดรอบนอกเทือกเขาอเวจี + ตอนที่ 1068 ปีศาจในป่า
ตอนที่ 1067 ป่าประหลาดรอบนอกเทือกเขาอเวจี
“ไม่นึกว่าพวกเขาจะข้ามไปแล้ว!”
“พวกเขาข้ามไปอย่างไร?”
“เด็กพวกนี้ทำได้! คาดไม่ถึงว่าจะข้ามไปอย่างเงียบๆ ใช้วิธีอะไรกัน?”
คนรอบๆ พวกนั้นแต่ละคนล้อมเข้ามา บางคนหาทางทำลายค่ายกล บางคนกำลังคาดเดาว่าพวกของเฟิ่งจิ่วข้ามไปเช่นไร?
ตำแหน่งด้านบนทหารรับจ้างพวกนั้นเห็นร่างฝั่งตรงข้ามที่ห่างไปสามสิบจั้ง เพราะร่างสีแดงแพรวพราวเกินไป แวบเดียวก็มองออกได้ นึกไม่ถึงว่าในหมู่คนมากมายเพียงนี้จะเห็นพวกของเด็กหนุ่มข้ามไปก่อน แม้แต่เหล่าทหารรับจ้างยังประหลาดใจในใจ และคาดไม่ถึงสักเท่าไร
ทหารรับจ้างระดับหลอมแก่นพลังในนั้นเห็นพวกของเฟิ่งจิ่วข้ามไป ก็ฉีกยิ้มอย่างกลั้นไม่ไหว แล้วส่ายหน้า “เจ้าเด็กพวกนี้มุทะลุเหลือเกิน แต่มองไม่ออกเลยว่ามีฝีมืออยู่บ้าง”
“ตรงนี้มีร่องรอยว่าเคยปักหมุดแหลม หรือว่าพวกเขาใช้เชือกอาศัยแรงข้ามไป?”
ทางนั้นทำลายค่ายลงและกำลังจ้องมองบริเวณนั้น สังเกตว่าพวกเขาน่าจะข้ามไปด้วยแรงช่วยจากเชือก จึงกระตือรือร้นอยากลอง
“แต่ระยะห่างสามสิบจั้ง จะยิงปลายเชือกอีกข้างไปทางนั้นได้อย่างไร? ในหมู่พวกเราไม่มีใครมีเกาทัณฑ์เลย! หนำซ้ำต่อให้มีก็ไม่สามารถยิงออกไประยะสามสิบจั้งได้!”
นอกจากของวิเศษแล้ว เกาทัณฑ์ทั่วไปยิ่งระยะเช่นนั้นยากมาก
“อืม… น่าแปลก ทำไมข้ารู้สึกเหมือนว่าร่างกายหมดแรงเล็กน้อย?”
“ข้าก็ด้วย…”
ทันใดนั้น พวกเขายังไม่ทันคิดหาทางก็พากันทรุดนั่งลงรอบๆ เพราะสูดควันเข้าไป หลังจากพวกหมอของตระกูลที่ติดตามมาตรวจดู ก็บอกพวกเขาว่าเป็นเพราะสูดควันพวกนั้นเข้าไป
ทุกคนนึกว่าเพราะควันพวกนั้นทำให้ไม่สบาย กลับไม่คิดว่าเฟิ่งจิ่วจะโยนยาเม็ดไปในกองไฟ
ส่วนทางนั้นพวกของเฟิ่งจิ่วที่มาถึงอาณาเขตของเทือกเขาอเวจีมองคนพวกนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้ม แล้วหมุนตัวมุ่งไปในป่าลึก…
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ใช่รอบนอกของเทือกเขาอเวจี ด้วยเหตุนี้ความอันตรายจึงค่อนข้างน้อยกว่า พืชหญ้าที่นี่สูงกว่าหญ้าสูงครึ่งเอวที่นั่นเสียอีก ภายในป่าลึกไม่มีทางเดินไปได้ เส้นทางเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงทางลัดที่พวกเขาเดินออกมากันเอง
“ทุกคนระวังหน่อย” เฟิ่งจิ่วกล่าวไป พลางสังเกตการเคลื่อนไหวรอบข้าง เธอเดินตรงกลาง ด้านหน้าเป็นต้วนเยี่ยกับลั่วเฟย ด้านหลังเป็นหนิงหลางกับซ่งหมิง ส่วนอสูรกลืนเมฆาตามไปข้างกายเธอ
เพราะพืชหญ้าขึ้นรก กิ่งไม้ขวางกั้น รวมถึงต้องสังเกตการเคลื่อนไหวโดยรอบ คอยระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นข้างกาย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเดินค่อนข้างช้า กระทั่งผ่านไปสามชั่วยามถึงจะเดินออกมาจากป่าลึกนั้น
แต่ยามนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แม้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่เพราะยอดเขาปกคลุมป่าไม้บดบัง ภายในเทือกเขาอเวจีกลางคืนจึงยาวนานกว่ากลางวันเสมอ
“พวกเราผ่านป่าลึกด้านหน้า พวกเจ้าดูสิ ข้างหน้าก็เป็นรอบนอกของเทือกเขาอเวจีแล้ว”
เฟิ่งจิ่วมองป่าเบื้องหน้า ป่าไม้ผืนนั้นไม่ค่อยต่างจากที่นี่นัก หญ้าบนพื้นแทบจะเป็นระนาบกัน ได้แต่ถือเป็นเช่นสนามหญ้า สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าคือในป่ามีต้นไม้เยอะมาก แต่ต้นไม้พวกนี้กลับไม่มีใบ แต่ละต้นเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่แก่ๆ กิ่งไม้แตกแขนงกางออกไปดุจกรงเล็บของภูตผี กระจายไปกลางอากาศกลายเป็นตาข่ายยักษ์จากกิ่งไม้ร้อยเข้ากัน
………………………………………………….
ตอนที่ 1068 ปีศาจในป่า
“ทำไมที่นี่เหมือนป่าผีสิงเลย?” หนิงหลางเข้าไปใกล้ต้วนเยี่ยข้างกายอย่างขนลุกขนพองเล็กน้อย คิดว่าป่านี้ประหลาดเสียจนทำให้คนกระสับกระส่าย
“อืม ข้ารู้สึกเหมือนกัน” ลั่วเฟยพยักหน้าเอ่ย ในใจขลาดกลัวเล็กน้อย
ต้นไม้ที่นี่มีแต่กิ่งไม้ไม่มีใบไม้ หนำซ้ำกิ่งไม้พวกนี้ยังยืดยาวไปรอบทิศราวกับกรงเล็บภูตผี นอกจากกิ่งไม้ที่เกี่ยวเข้ากันเป็นดั่งตาข่ายยักษ์ บริเวณด้านล่างๆ ก็มีบางส่วนก่อตัวเป็นรูปกรงเล็บ
หนำซ้ำบนกิ่งไม้พวกนี้เถาวัลย์หนาแน่นงอกงาม เถาวัลย์เส้นบางพวกนั้นห้อยลงกลางอากาศจากบนกิ่งไม้ และมีขนเล็กละเอียดหนาทึบ ช่างน่าแปลกอย่างยิ่ง
เฟิ่งจิ่วมองป่าไม้ตรงหน้า จากนั้นค่อยเอ่ยกับคนอื่นว่า “ข้อมูลที่ข้าเข้าใจสุดแค่ตรงนี้ สำหรับด้านในก็ไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นข้าจะพูดอีกครั้งว่าต้องระวัง”
“อืม” พวกเขาพยักหน้า ถามว่า “ยามนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว เราค่อยเข้าไปพรุ่งนี้หรือจะเข้าไปตอนนี้เลย?”
เธอได้ยินเช่นนี้ก็มองพวกเขา กล่าวว่า “วันนี้ทุกคนเหนื่อยแล้ว พักผ่อนตรงนี้ก่อนเถอะ! พรุ่งนี้เช้าค่อยไปกัน แต่ตรงนี้ไม่ต้องจุดไฟดึงความสนใจ”
“พวกเรารู้แล้ว” พวกเขาขานรับ ก่อนจะหาที่นั่งพักผ่อนปรับลมปราณ
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่าเดินเพ่นพ่าน ข้าจะไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าเสียหน่อย” เฟิ่งจิ่วกำชับ แล้วบอกอสูรกลืนเมฆาว่า “เจ้าอยู่เฝ้าไว้”
“กรร” อสูรกลืนเมฆาคำรามเบาๆ และนอนลงข้างๆ
“ให้ข้าไปด้วยเถอะ!” ต้วนเยี่ยเอ่ย พร้อมเดินไปข้างกายของเฟิ่งจิ่ว “พวกเขาพักผ่อนที่นี่ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
เฟิ่งจิ่วเห็นใบหน้าอ่อนวัยของต้วนเยี่ยเต็มไปด้วยท่าทีจริงจังก็ยิ้มๆ “ได้สิ ไปกันเถอะ!”
“พวกเจ้าระวังด้วย” คนอื่นๆ สามคนย้ำเตือน
“รู้แล้ว”
ทั้งสองโบกๆ มือและเดินไปยังป่าไม้ข้างหน้า ทว่าเพิ่งเดินเข้าไปด้านในก็รู้สึกผิดปกติ เหมือนกิ่งไม้พวกนั้นจะยืดขยับ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงซ่าๆ ใบหน้าคนคนหนึ่งปรากฏบนต้นไม้ มีตา จมูกและปาก ยามนี้กรงเล็บภูตผีจากกิ่งไม้รอบๆ ยืดออกไป แล้วห้อมล้อมพวกเขาสองคนไว้ตรงกลาง
เห็นภาพเช่นนี้หนิงหลาง ลั่วเฟยรวมถึงซ่งหมิงสามคนตกใจ รีบร้อนลุกขึ้นวิ่งเข้าไป ไม่ทันเข้าใกล้ตรงนั้นเฟิ่งจิ่วก็ตะโกนไว้ “ไม่ต้องเข้ามา!”
เพียงได้ยินเฟิ่งจิ่วกล่าวจบ เสียงกระแสลมรุนแรงวาดผ่านไป กิ่งไม้พวกนั้นที่ปิดล้อมพวกเขาไว้ถูกตัดขาดและกระจายลงบนพื้น เมื่อของเหลวหยดสีเขียวไหลพุ่งจากบนกิ่งไม้และกระเซ็นไปบนพื้น กัดกร่อนพื้นเป็นรูเสียงดังซ่าๆ ใบหน้าแต่ละคนที่ปรากฏบนต้นไม้คล้ายจะแผดเสียงร้องเพราะความเจ็บปวด ใบหน้าที่เคยปรากฏหดกลับไปทันที ซึมเข้าไปในต้นไม้และหายไป ประหนึ่งว่าภาพที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงสิ่งลวงตา
เฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยเห็นภาพเช่นนี้ก็ตกใจ จึงถอยออกไปจากด้านในโดยเร็ว แล้วกลับมาหาพวกของหนิงหลางทางนี้
“ต้นไม้ในป่านี้เป็นปีศาจไปแล้ว!”
เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างตะลึงเล็กน้อย ในดวงตายังคงมีความเหลือเชื่อ เห็นต้นไม้ที่กลายเป็นปีศาจครั้งแรก แม้รู้ว่าหญ้าและต้นไม้ที่นี่จะกลายเป็นปีศาจ แต่เห็นด้วยตาตนเองกับจินตนาการกลับเป็นความรู้สึกที่ต่างกัน
ทำได้เพียงพูดว่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แม้ถอยกลับไปข้างกายพวกเขา เธอยังคงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง หากต้นไม้ที่กลายเป็นปีศาจปิดกั้นเส้นทางนี้จริง พวกเขาจะเข้าไปอย่างไร?
………………………………………………….