เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1083 ก้อนหินขยับได้ + ตอนที่ 1084 อันตรายทุกหนแห่ง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1083 ก้อนหินขยับได้ + ตอนที่ 1084 อันตรายทุกหนแห่ง
ตอนที่ 1083 ก้อนหินขยับได้ + ตอนที่ 1084 อันตรายทุกหนแห่ง
ตอนที่ 1083 ก้อนหินขยับได้
ทั้งสี่ได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจ ร้องเสียงหลง “บรรลุวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังในเวลาหนึ่งปี? จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“ใช่ วรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายคิดจะบรรลุยังไม่ง่าย ระดับสร้างรากฐานขั้นสุดท้ายยังไม่เท่าไร ภายในสิบปีบรรลุวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังได้ก็นับว่าเร็วแล้ว เจ้าจะให้พวกเราบรรลุวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังภายในปีเดียว? ความเร็วการฝึกบำเพ็ญเช่นนี้จะทำได้อย่างไร?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขา กล่าวว่า “ยังไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้? แต่ก่อนหน้านั้นพวกเจ้าต้องวางรากฐานให้มั่นคงเสียก่อน” เธอเก็บแผนที่ไป “อาศัยตอนยังสว่าง พวกเราไปกันเถอะ! รีบเดินออกจากป่านี้ก่อนฟ้ามืด”
“ได้” พวกเขาเก็บข้าวของ จากนั้นค่อยเดินไปทางตะวันออก ตอนกลางวันยังดี ถึงตอนค่ำปีศาจต้นไม้ในป่าจะออกมาสร้างความวุ่นวาย รีบๆ ออกไปดีกว่า
มีแผนที่ในมืออีกทั้งยังเป็นตอนกลางวัน ระหว่างทางไม่เจออุปสรรคและอันตรายใดๆ ด้วยเหตุนี้จึงทะลุผ่านป่านี้ไปอย่างราบรื่น เวลาช่วงเย็นท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง พวกเขาก็เดินพ้นป่าปีศาจต้นไม้ไป หันกลับไปมอง ต้นไม้พวกนั้นเพียงถึงกลางคืนเหมือนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง กิ่งไม้ยืดออกไปกลางอากาศ และส่งเสียงร้องโหยหวนแปลกๆ
“ฮู่! ในที่สุดก็เดินออกมาแล้ว” หนิงหลางถอนหายใจเบาๆ บอกคนอื่นๆ ว่า “พวกเราหาที่นั่งสักพักเถอะ! ตลอดทางมานี้ไม่ได้พักผ่อนเท่าไรเลย หายใจยังเหนื่อยนิดหน่อย”
ต้วนเยี่ยมองไปรอบๆ เอ่ยพลางชี้ยังบริเวณไม่ไกล “ตรงนั้นมีก้อนหินใหญ่ พวกเราไปพักตรงนั้นกันเถอะ!”
“ได้” พวกเขาพยักหน้า แล้วเดินไปยังก้อนหินใหญ่ไม่ไกล
เฟิ่งจิ่วหยิบแผนที่ออกมาดูเพื่อแยกแยะว่าอาศรมอยู่ทางทิศไหน ขณะกำลังอ่านหางตากลับเห็นอสูรกลืนเมฆาดมๆ ตรงก้อนหินที่พวกของหนิงหลางนั่งกัน คล้ายกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง จึงถามว่า “อสูรกลืนเมฆา? เป็นอะไรไป?”
“เป็นอะไรไปอะไร? มีใครเป็นอะไรหรือ?”
ลั่วเฟยเอ่ยถาม หยิบผลไม้ออกมากินพลางเอ่ยว่า “ตรงนี้เป็นชายแดนระหว่างสองป่า สงบยิ่งนัก! ตอนนี้พวกเราเพิ่งได้นั่งพัก เจ้าอย่ากังวลนักเลย เข้ามาเร็ว ตรงนี้ข้ามีผล… อ๊าก!”
ลั่วเฟยที่กำลังกินผลไม้และโบกมือให้เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน ยังพูดไม่ทันจบก็สะดุ้งขึ้นมาทันใด แล้วร้องด้วยความตกใจ
พวกของต้วนเยี่ยที่นั่งบนก้อนหินด้วยกันเพียงนั่งพิงตรงริมๆ ด้วยเหตุนี้เมื่อจู่ๆ ก้อนหินขยับขึ้นมา พวกเขาจึงผละออกอย่างรวดเร็ว มีเพียงลั่วเฟยนั่งบนนั้นด้วยท่าทางงุนงง
“กรร!”
อสูรกลืนเมฆาคำราม พร้อมเผยกรงเล็บแหลมคม อ้าปากจะกัดไปยังก้อนกิน ใครจะรู้ว่าก้อนหินกลับกระโดดขึ้นมา เผยให้เห็นศีรษะที่หดอยู่ด้านใต้รวมถึงขาทั้งสี่ข้าง เหมือนจะเป็นสัตว์อสูรที่ภายนอกเหมือนก้อนหินอย่างกับแกะ เป็นก้อนหินอะไรเสียที่ไหน?
ยามนี้อสูรก้อนหินคล้ายจะถูกทำให้หวาดกลัว หลังจากลุกขึ้นมายืนก็มองพวกเขา อสูรกลืนเมฆาทำให้มันกลัวจึงสับขาวิ่งไป บนหลังของมันลั่วเฟยที่ไม่ทันตอบโต้อะไรก็นั่งอยู่ด้านบนและถูกพาหนีไปในป่า
“อ๊าก! เกิดอะไรขึ้น! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ทุกคนตกตะลึง แทบในเวลาแค่พริบตาเดียวก็เห็นลั่วเฟยถูกอสูรก้อนหินที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพาไปภายในป่า ได้ยินเสียงร้องอุทานอย่างตื่นตกใจของเขาลอยมาจากดังไปเบา กระทั่งไม่เห็นร่างหรือได้ยินเสียง พวกเขาถึงจะได้สติกลับมา
“บ้าเอ๊ย! ตามไปเร็ว!”
………………………………………………….
ตอนที่ 1084 อันตรายทุกหนแห่ง
ร่างของพวกเขาพุ่งออกไปโดยเร็ว อสูรกลืนเมฆาของเฟิ่งจิ่ววิ่งอยู่หน้าสุด ตามด้วยเฟิ่งจิ่วที่ตามไปข้างๆ กัน รวมถึงต้วนเยี่ย หนิงหลาง และซ่งหมิงสามคนด้านหลัง
ใครก็นึกไม่ถึงว่าก้อนหินนั้นจะเป็นสัตว์อสูร! เป็นอสูรที่หน้าตาเหมือนก้อนหินอย่างกับแกะ หนังแข็งกระด้าง ผิวเป็นสีเช่นก้อนหิน ทำให้คนไม่คิดจริงๆ ว่านั่นไม่ใช่ก้อนหินแต่เป็นอสูร
ได้แต่บอกว่าเทือกเขาอเวจีนี้ประหลาดเกินไป แม้แต่อสูรล้วนเป็นชนิดที่พวกเขาไม่เคยเจอ หนำซ้ำยังพรางตัวเก่ง จะปล่อยวางสักพักไม่ได้เลยจริงๆ เพียงปล่อยวางก็เกิดเรื่อง
ส่วนอีกด้านหนึ่งลั่วเฟยที่โดนอสูรก้อนหินพาวิ่งไปเพราะความเร็วในการวิ่งไวเกินไป ร่างกายจากนั่งจึงหมอบลงไป สองขากอดร่างอสูรก้อนหินอย่างแน่นหนา สองมือก็คว้าจับไว้ เพราะต้นไม้บดบังและความเร็วไวเกินไป ความเร็วลมพัดเสียจนลืมตาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมองทางข้างหน้าไม่ชัด อยากจะกระโดดลงไปกลับหาโอกาสดีๆ ไม่ได้
กระทั่งเขาก้มศีรษะลงต่ำ ปรับกลิ่นอายในร่างและรักษาสมดุลร่างกายไว้ เมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีกิ่งไม้หนึ่งที่ตั้งเป็นแนวนอน ถึงได้เตรียมสบโอกาสกระโดดออกไปคว้ากิ่งไม้เพื่อลดแรงกระแทกที่จะร่วงลงไป
หลังจากตั้งใจแน่วแน่ เขาประคองร่างกายให้นั่งย่อเล็กน้อย กระทั่งระยะห่างไม่มากถึงจะออกแรงกระโดดไปคว้ากิ่งไม้ไว้และหมุนไป หลังจากห้อยแกว่งไปบนกิ่งไม้ก็ร่วงลงไปยังพื้นหญ้าด้านล่าง
“ซี๊ด!”
บาดแผลที่ร่างกายโดนกระแทกเขาเจ็บเสียจนแยกเขี้ยว พักไปสักพักก็ลุกขึ้นมานั่ง เห็นอสูรกลืนเมฆาพาพวกของเฟิ่งจิ่วไล่ตามเข้ามา ไม่นานนักก็มาถึงเบื้องหน้าเขา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นไรกระมัง?” เฟิ่งจิ่วเข้าไปประคองเขาขึ้นมา เห็นบาดแผลบนร่างเขาที่พันแผลไว้เลือดไหลออกมา ก็พยุงเขาไปนั่งข้างๆ “ข้าจะช่วยเจ้าเปิดผ้าใส่ยาเสียใหม่”
“เฮือก!”
ลั่วเฟยสูดลมหายใจ แล้วนิ่วหน้าพลางให้เฟิ่งจิ่วประคองไปนั่งพิงใต้ต้นไม้ข้างๆ บอกว่า “ที่นี่ไม่เพียงอันตราย แม้แต่สัตว์อสูรพวกนั้นล้วนพิลึกเป็นที่สุด นึกไม่ถึงว่าก้อนหินจะเป็นอสูรที่มีรูปร่างเช่นก้อนหินกำลังพรางตัว น่ากลัวเหลือเกิน”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็เผยรอยยิ้มทันควัน “ดังนั้นถึงบอกให้ระวัง ที่นี่อันตรายมากจริงๆ” ระหว่างพูดยังพันแผลที่เลือดออกเสียใหม่ ยามนี้คนอื่นด้านหลังถึงจะตามเข้ามา
“ฮู่! ลั่วเฟย เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”
พวกเขามายังข้างกายของเขา เห็นเฟิ่งจิ่วกำลังช่วยเขาพันแผลเสียใหม่ ก็มองๆ ไปรอบด้าน “หินก้อนใหญ่นั่นล่ะ? หนีไปแล้วหรือ?”
“หนีไปแล้ว”
ลั่วเฟยขานรับ มองพวกเขาและบริเวณรอบๆ “นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะเข้ามาเช่นนี้ พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ป่าตอนกลางคืนไม่ค่อยสงบนัก โดยเฉพาะสถานที่ที่มีสัตว์ร้ายยิ่งต้องระวัง”
“วางใจเถอะ พวกเราจะเฝ้าไว้” พวกเขาเอ่ยและคอยระวังรอบข้าง
เฟิ่งจิ่วพันแผลให้ลั่วเฟยเรียบร้อย ก็บอกคนอื่นว่า “จุดกองไฟเถอะ! ให้แสงสว่างๆ หน่อย ต่อให้มีสัตว์ร้ายอะไรจะได้เห็นชัดๆ อยู่ที่นี่เอาแต่หลบซ่อนไม่ใช่ทางออก หลายๆ ครั้งควรสู้ก็ต้องสู้”
“อืม”
พวกเขามองหน้ากันและพยักหน้า เพียงปล่อยให้คนหนึ่งเฝ้าไว้ ส่วนหนิงหลางกับซ่งหมิงไปเก็บกิ่งไม้รอบๆ กลับมาจุดไฟบริเวณที่ลั่วเฟยกับเฟิ่งจิ่วนั่งล้อมวงกัน ทำให้แสงที่ค่อยๆ มืดลงส่องสว่าง
หนิงหลางมองกองไฟอย่างลังเลสักพัก ก่อนจะเอ่ยว่า “แต่พวกเราทำเช่นนี้จะสะดุดตาเกินไปหรือไม่? จุดไฟไว้น่ะ! สัตว์ร้ายพวกนั้นอาจเข้ามาหาพวกเราเพราะเปลวไฟ”
………………………………………………….