เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1085 หมาป่ามา + ตอนที่ 1086 จะสู้ก็สู้เถอะ
ตอนที่ 1085 หมาป่ามา + ตอนที่ 1086 จะสู้ก็สู้เถอะ
ตอนที่ 1085 หมาป่ามา
เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อย “อยู่ที่นี่จะเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ วิธีพัฒนากำลังที่ดีที่สุดคือการต่อสู้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเจออะไรจริงๆ ก็สู้ไปเถอะ! ด้วยกำลังของพวกเจ้าขอแค่ร่วมมือร่วมใจกัน แถวนี้คงไม่มีอันตรายอะไร”
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็มองหน้ากัน เพียงพยักหน้ารับโดยไม้พูดอะไรมากอีก
พวกเขาพักผ่อนตรงกองไฟ เมื่อค่ำคืนยิ่งดึกดื่น เสียงสัตว์ร้ายเห่าหอนก็แว่วมารอบทิศอย่างเลือนราง ในนี้เสียงอสูรคำรามหมาป่าหอนลอยมาจากบริเวณทีมืดสนิท ทำให้พวกเขาอยากจะพักผ่อนหย่อนใจยังไม่กล้า
“ซ่าๆ…”
ทันใดนั้นใบไม้ในป่าขยับเองโดยไม่มีลม เสียงซ่าๆ ดังลอยมา ซ่งหมิงกับหนิงหลางสองคนที่เฝ้ายามกลางคืนได้ยินเสียงนั้นก็มองหน้ากันทันที
“เหมือนจะมีอะไรบางอย่าง”
“ข้าจะไปดูเสียหน่อย” ซ่งหมิงเอ่ยขึ้น ให้หนิงหลางอยู่เฝ้าระวังรอบๆ ส่วนตนเองเดินไปบริเวณเสียงนั้น
ตรงกองไฟด้านหลัง อสูรกลืนเมฆาที่นอนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วลุกขึ้นมองไป ก่อนจะนอนกลับลงไป เฟิ่งจิ่วยังคงหรี่ตาลงพักผ่อน ประหนึ่งว่าหลับสนิทไม่รู้สึกอะไร
หนิงหลางครุ่นคิด เฟิ่งจิ่วให้พวกเขาทำทุกอย่างเหมือนเดิม หนำซ้ำเขากับซ่งหมิงยังเป็นกลุ่มเดียวกัน ในเมื่อเขาไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวข้างหน้า ก็ตามไปดูด้วยจะดีกว่า เผื่อเกิดอะไรขึ้นแล้วไม่มีคนไปช่วยเขา
ดังนั้นเขาที่ตัดสินใจแน่วแน่ก็เดินไปข้างหน้าเงียบๆ…
ซ่งหมิงที่เดินไปบริเวณที่เกิดเสียงซ่าๆ มาถึงมุมมืดด้านหน้าอย่างเงียบเชียบ เมื่อเห็นดวงตาสีเขียวเปล่งประกายดุร้ายท่ามกลางค่ำคืน ก็แทบจะส่งเสียงร้องตกใจ
มือหนึ่งของเขาปิดปากไว้ พร้อมถอยหลังไปทีละก้าวๆ เพียงรู้สึกขนพองสยองเกล้า ดวงตาสีเขียวพวกนั้นตรงหน้าหากนับทีละดวง อย่างน้อยๆ ก็มียี่สิบกว่า หนำซ้ำดูรูปร่างแล้ว ซี๊ด! ตัวใหญ่ไม่ธรรมดาเลย
หนิงหลางด้านหลังที่ตามมาเห็นเขาโค้งเอวถอยหลังอยู่ตรงนั้น พลันฉีกยิ้มกว้างและเข้าไปตบบนไหล่ของเขา “ซ่งหมิง เจ้าทำอะไรน่ะ?”
“จ๊าก!”
ถูกทำให้ตกใจโดยไม่ทันตั้งตัว ซ่งหมิงที่เดิมทีปิดปากไว้สะดุ้งโหยงขึ้นมาและส่งเสียงร้องไปตามสัญชาตญาณ การเคลื่อนไหวกับเสียงร้องย่อมนำมาซึ่งความสนใจจากดวงตาสีเขียว ทันใดนั้นดวงตาดุร้ายกระหายเลือดยี่สิบกว่าคู่ก็หันขวับมองมาตรงที่ทั้งสองคนอยู่
“สมควรตาย! เจ้าทำอะไรน่ะ?” เขาด่ากราดอย่างลนลาน หันกลับไปถลึงมองเขา หากทำได้เขาล่ะอยากจะชกเขาเสียเดี๋ยวนี้จริงๆ
“ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะเกิดเรื่อง เลยตามมาดูเสียหน่อย เจ้าเป็นอะไรไป?” หนิงหลางไม่เข้าใจ ตนเองไม่ได้ตบไหล่ของเขาแรงมาก หนำซ้ำเสียงที่เรียกเขายังไม่ดังนัก ทำไมเขาถึงทำท่าทางตกใจ?
“กรรซ์!”
ได้ยินเสียงหมาป่าหอนที่ดังมาด้านหลัง ซ่งหมิงลากเขาวิ่งไปทันที “จะเป็นอะไรเล่า! มีหมาป่า! หมาป่ายักษ์! วิ่งเร็วเข้า!” กล่าวจบหนิงหลางที่ไม่ทันตอบโต้ก็โดนลากวิ่งกลับไป
หนิงหลางที่ได้สติกลับมาอย่างยากลำบากอึ้งไป ได้ยินเสียงเห่าหอนจึงหันกลับไปมอง เห็นเช่นนี้สีหน้าก็ขาวซีด หมาป่ายักษ์ยี่สิบกว่าตัวสูงเกือบครึ่งจั้ง ร่างกายใหญ่โตมีดวงตากระหายเลือดสีเขียว เขี้ยวหมาป่าที่เผยออกมาและเสียงเห่าหอนกำลังไล่มาหาพวกเขา หนิงหลางตกใจเสียจนพลิกมาจับซ่งหมิงไว้และลากเขาวิ่งไป พร้อมร้องอย่างตกใจ “หมาป่ามา! หมาป่ามาแล้ว! วิ่งเร็ว! หมาป่ามาแล้ว!”
………………………………………………….
ตอนที่ 1086 จะสู้ก็สู้เถอะ
สองคนทางนั้นที่กำลังนอนได้ยินคำพูดนี้ก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ความง่วงหายไปหมด เห็นเฟิ่งจิ่วอุ้มอสูรกลืนเมฆากำลังนั่งมองพวกเขาบนต้นไม้ ก็ตกใจอย่างอดไม่ได้ จากนั้นสีหน้าค่อยแสดงสีหน้าแปลกๆ ถามว่า “คงไม่คิดจะให้พวกเราฝึกมืออีกกระมัง?”
เขาบอกจะพาพวกเขาเข้ามาเพื่อให้พวกเขาพัฒนาพละกำลังในระหว่างการต่อสู้จริง ในเมื่อมีโอกาสสู้ย่อมจะไม่ปล่อยไป ทว่าตั้งแต่เข้ามาถึงตอนนี้ตลอดทางก็ไม่สงบเท่าไร ยากจะได้พักผ่อนสักพัก หรือว่าครั้งนี้ต้องสู้อีก?
เฟิ่งจิ่วมองท้องฟ้าที่มืดสนิท บอกว่า “ยามนี้ดึกดื่นมืดค่ำ หลังการต่อสู้เดาว่าฟ้าคงสว่าง ในเมื่อพักผ่อนไปพักหนึ่งแล้ว เช่นนั้นต่อให้สู้อีกจะเป็นไรไป?”
เธอมองไปเบื้องหน้า แล้วกล่าวว่า “ข้าดูแล้ว เป็นหมาป่าประมาณยี่สิบสองตัว ล้วนเป็นเพียงสัตว์ร้ายระดับเก้า ส่วนราชาหมาป่ายังไม่เข้ามา กำลังยืนเห่าหอนบนที่สูงค่อนข้างไกล ด้วยกำลังของพวกเจ้าสี่คนยังสู้ได้”
“อ๊าก! หมาป่ามาแล้ว หนีไปเร็ว!”
ระหว่างพูดเสียงเล็กแหลมของหนิงหลางทางนั้นลอยมา เพียงเห็นว่าชั่วพริบตาก็พุ่งเข้ามาดั่งลมกรด เขาลากซ่งหมิงมาเบื้องหน้า เห็นพวกเขายังยืนนิ่งตรงนั้น จึงเอ่ยอย่างร้อนรน “พวกเจ้าจะนิ่งทำไม? วิ่งเร็วเข้าสิ! ด้านหลังนั้นเป็นหมาป่ายี่สิบกว่าตัว หนำซ้ำแต่ละตัวล้วนสูงตั้งจั้งหนึ่ง น่ากลัวเหลือเกิน วิ่งเร็วๆ!”
สิ้นเสียงเขาก็คิดจะไปต่อ กลับเห็นซ่งหมิงที่สะบัดตนเองออกไปหอบแฮ่กๆ หลังจากถลึงตามองเขาก็มองยังเฟิ่งจิ่วบนต้นไม้ รวมถึงสองคนตรงกองไฟใต้ต้นไม้ ถามว่า “พวกเจ้ากำลังพูดอะไร? คงไม่คิดจะสู้กระมัง?”
“เจ้าเดาถูกแล้ว”
ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยสองคนกล่าวไป รู้สึกว่าฝูงหมาป่าที่ตามมาด้านหลังพวกของซ่งหมิงใกล้เข้ามา คนหนึ่งพลันหยิบกงจักรแปดดารา อีกคนหยิบกระบี่ยาว กลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างพุ่งพล่านเตรียมจะสู้
ซ่งหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดมากความ แค่กัดฟันกรอด “จะสู้ก็สู้เถอะ! บนหน้าผากของสัตว์ร้ายพวกนั้นมีผลึกอสูรเม็ดใหญ่มาก”
เขาหยิบดาบออกมา นั่นเป็นดาบกว้างสามนิ้วมือที่สั้นกว่ากระบี่เล็กน้อยและยาวกว่ากริช คมดาบแหลมคมเปล่งลำแสงหนาวเย็นกระหายเลือด เมื่อพลังวิญญาณไหลพล่านในมือของเขาก็กลายเป็นกระแสลมดุดันโหยหวน
หนิงหลางเห็นพวกเขาแต่ละคนตั้งท่าเต็มที่ ดูท่าทางจะหนีการต่อสู้นี้ไม่พ้น จึงกลืนน้ำลาย “เอาเถอะ! สู้เป็นสู้สิ! เห็นแก่ผลึกอสูรหรอกนะ” แล้วหยิบกริชมาถือในมือ พร้อมจ้องมองบริเวณด้านหลังอย่างประหม่าเล็กน้อย
เฟิ่งจิ่วบนต้นไม้มองและยกมุมปากขึ้น “พวกเจ้าวางใจได้ หากมีอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ข้าจะช่วยพวกเจ้า” ขอแค่ไม่อันตรายถึงชีวิตก็ปล่อยพวกเขาจัดการด้วยตนเอง มีเพียงเช่นนี้วันต่อๆ มาพวกเขาถึงจะเปลี่ยนไปมั่นใจขึ้นได้
มีคำพูดประโยคนี้พวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แทนที่จะถูกกระทำไม่สู้ชิงโจมตีก่อน
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นหมาป่ายักษ์ตัวหน้าสุดเผยกรงเล็บคมกริบวิ่งเข้ามาจู่โจม กลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างของพวกเขาพรั่งพรู ลงมือลอยพุ่งออกไปทันควัน แล้วดาบกระบี่ในมือก็โจมตีไปหาสัตว์ร้ายพร้อมจิตสังหารรุนแรง
“บรู้ว!”
เสียงหมาป่าหอนดังขึ้น เสียงร้องหอนแฝงด้วยแรงกดดันของอสูรศักดิ์สิทธิ์ดังกึกก้องไปในยามราตรี หมาป่าในป่าเหมือนจะตอบกลับหมาป่าตัวนั้น ส่งเสียงหอนทีละตัวๆ ทันใดนั้น เสียงหมาป่าหอนดังออกไปเป็นจังหวะสูงต่ำไม่เท่ากัน
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองพวกเขา แล้วเงยหน้ามองไปยังราชาหมาป่าที่กระโดดอยู่บนที่สูง…
………………………………………………….