เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1091 จับตาดูพวกเขา + ตอนที่ 1092 รางวัลและบทลงโทษแบ่งแยกชัดเจน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1091 จับตาดูพวกเขา + ตอนที่ 1092 รางวัลและบทลงโทษแบ่งแยกชัดเจน
ตอนที่ 1091 จับตาดูพวกเขา + ตอนที่ 1092 รางวัลและบทลงโทษแบ่งแยกชัดเจน
ตอนที่ 1091 จับตาดูพวกเขา
พวกเขามาถึงด้านนอก เห็นเฟิ่งจิ่วรออยู่ตรงนั้นแล้ว จึงแบกก้อนหินเดินเข้าไป “เฟิ่งจิ่ว เจ้าดูสิ ก้อนหินที่พวกเรานำกลับมานี้ใช้ได้หรือไม่?”
ในอ้อมแขนทุกคนล้วนแบกก้อนหินใหญ่ หนักประมาณห้าสิบชั่ง
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “อืม มาเริ่มกันเถอะ! แบกก้อนหินไว้บนหลังนั่งกระโดดวนไปละแวกนี้ครึ่งเดือน ค่อยวิ่งรอบที่นี่อีกครึ่งเดือน”
สิ้นเสียง เธอก็มองกลืนเมฆาที่อยู่ข้างๆ “จับตาดูพวกเขาไว้ หากทำไม่ได้หรือขี้เกียจก็เข้าไปกัดเลย อย่าทำให้ตายเป็นพอ บาดเจ็บยังรักษาได้”
“กรรซ์” อสูรกลืนเมฆาขานรับ แล้วมานั่งหมอบบนพื้นหญ้าแยกเขี้ยวจ้องมองพวกเขา
ทุกคนได้ยินคำพูดของเขา นอกจากลั่วเฟยที่ไม่รู้ว่าเดิมทีอสูรกลืนเมฆาเป็นสัตว์เทวะ คนอื่นๆ ต่างหนังศีรษะด้านชา…
ภายในหนึ่งเดือนต่อมา เฟิ่งจิ่วยกพวกเขาให้อสูรกลืนเมฆาคอยจับตามอง ส่วนตนเองวางเขตอาคมนอกอาศรม แล้วเริ่มกลั่นยาอายุวัฒนะข้างใน
ตั้งแต่วันนั้นพวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงระเบิดที่ลอยมาจากในอาศรม บางครั้งบนท้องฟ้ายังมีสายฟ้าผ่าลงมา ตอนแรกลั่วเฟยไม่รู้ตัวตนภูตหมอของเฟิ่งจิ่ว กระทั่งภายหลังสอบถามพวกของต้วนเยี่ย ถึงได้รู้ว่าเขาคือภูตหมอ
แม้เขาจะมีสายสืบในสำนักศึกษา มีคนมารายงานข่าวให้เขา แต่ก็รู้แค่ว่าเฟิ่งจิ่วมาจากสำนักศึกษาหกดารา ไม่รู้ว่าเขามีตัวตนที่น่าตกใจเช่นนี้
มิน่าละ มิน่าพวกของต้วนเยี่ยถึงตามเขาไปง่ายๆ เช่นนั้น ติดตามข้างกายภูตหมอหนึ่งปี เป็นเรื่องดีที่คนอื่นร้องขอยังไม่ได้
พวกเขาแบกก้อนหินนั่งกระโดดไปครึ่งเดือน ตอนเพิ่งเริ่มทนไม่ถึงสองชั่วยามก็หมดแรงแล้ว หอบหายใจล้วนลำบาก แต่อสูรกลืนเมฆาก็ไม่ไว้หน้าพวกเขาจริงๆ เพียงได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วก็เผยฟันแหลมคมใส่จริงๆ ทำให้พวกเขาที่อยากจะพักผ่อนกลัวเสียจนได้แต่กัดฟันฝืนทนต่อไป
กระทั่งผ่านไปครึ่งเดือน กำลังกายค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะแบกก้อนหินหนักห้าสิบชั่งนั่งกระโดดไปรอบๆ ตลอดเช้าก็ไม่ต้องพักผ่อนเลย แต่เพราะเวลาครึ่งเดือนผ่านไป พวกเขาก็เริ่มวิ่งและยังคงแบกก้อนหินไว้ วิ่งไปเช่นนี้เป็นเวลาอีกครึ่งเดือน
อยู่ในนี้พวกเขาเหมือนตัดขาดจากภายนอก อาจเพราะผลจากเขตอาคมและค่ายกลของเฟิ่งจิ่ว คนและสัตว์ร้ายใดๆ ข้างนอกถึงไม่เคยเข้ามาที่นี่ ดังนั้นความสงบในนี้จึงทำให้พวกเขาลืมไปว่าตอนนี้กำลังอยู่ในเทือกเขาอเวจี…
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไป เฟิ่งจิ่วในอาศรมที่ไม่เดินออกมาตั้งครึ่งเดือนวันนี้ก็เดินออกมา ยังคงสวมชุดแดงแพรวพราวสะอาดเช่นตอนแรก ไม่ขาดหรือสกปรกเลย ทำให้คนเห็นอดสงสัยไม่ได้ว่าช่วงนี้เขากลั่นยาเซียนในอาศรมจริงๆ หรือ?
ท่าทางนั้นประหนึ่งว่าพักผ่อนในอาศรมมาเต็มๆ หนึ่งเดือน ไม่เห็นซูบผอมหรือเหนื่อยล้าสักนิด ยังคงมีท่าทางกระฉับกระเฉง ในดวงตาสดใสแฝงไปด้วยความดุดัน
แม้รู้สึกแปลกในใจแต่พวกเขาไม่กล้าถาม สวรรค์รู้ว่าพวกเขาท่าทางเช่นอาจารย์ที่เขาแสดงออกมาข่มขวัญไว้ ในใจมีความกลัวไปตามสัญชาตญาณ ไหนเลยจะกล้าถามเรื่องของเขา?
อสูรกลืนเมฆาเห็นเฟิ่งจิ่วออกมา ก็มานั่งยังข้างกายนางอย่างเริงร่า ท่าทางเชื่องๆ ไม่เห็นดุร้ายเหมือนตอนไล่กันพวกเขาสักนิด ทุกคนมองเสียจนถลึงตาอย่างโหดเหี้ยม
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขา สายตามองผ่านบนร่างของพวกเขาไป ถึงจะเอ่ยปาก…
………………………………………………….
ตอนที่ 1092 รางวัลและบทลงโทษแบ่งแยกชัดเจน
“เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว จากร่างกายของพวกเจ้า ข้ามองออกได้ว่าการฝึกฝนช่วงนี้ได้ผลดี”
ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดที่ร่างกายกำลังเติบโต ไม่พบกันหนึ่งเดือนเหมือนจะสูงขึ้นอีกครึ่งศีรษะ เฟิ่งจิ่วจึงพอใจอย่างยิ่ง
“เฟิ่งจิ่ว เช่นนั้นจากนี้ไปพวกเราต้องทำอะไร?” ลั่วเฟยหยีตายิ้มถาม
คนอื่นๆ ที่เหลือได้ยินลั่วเฟยถามก็รอคำพูดต่อไปจากเขา หนึ่งเดือนก่อนเขาเคยบอกว่าเรื่องอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า รอให้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยว่ากัน เช่นนั้นวันนี้ก็เป็นเวลานั้นแล้ว
“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ เป็นเวลาสิบวัน พวกเจ้าต้องออกจากเขตอาคมไปหาประสบการณ์ในป่า ฆ่าสัตว์ร้ายเก็บผลึกอสูรมา ผลึกอสูรในสิบวันจะต่ำกว่าร้อยก้อนไม่ได้ นอกจากนี้ทุกสิบวันจะตรวจนับด้วยหนึ่งครั้ง คนที่มีผลึกอสูรน้อยที่สุดจะได้รับบทลงโทษขั้นเด็ดขาด อีกอย่างผลึกอสูรที่ทุกคนได้มาต้องมอบให้ข้าครึ่งหนึ่ง ส่วนคนที่มีผลึกอสูรน้อยที่สุดต้องยกส่วนที่เหลือให้คนที่ได้มากที่สุดเป็นรางวัล”
ทุกคนได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วก็อ้าปากค้าง ทว่าไม่เอ่ยคำพูดไม่พอใจอะไร
พวกเขาสบตากันและกัดฟัน สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า “พวกเรารู้แล้ว”
ในใจแอบกังวลขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะหนิงหลาง เขาที่กระหายเงินตราเป็นชีวิตกำลังคิดว่าจะชนะอีกสามคนได้อย่างไร ถึงแม้เอาชนะไม่ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นคนรั้งท้าย มิเช่นนั้นก็ลำบากเกินไปจริงๆ
สายตาของเฟิ่งจิ่วมองผ่านร่างพวกเขา ถามว่า “ทุกคนคงไม่มีความเห็นกระมัง? หากมีก็ว่ามาเสียตอนนี้เลย ภายหน้าจะไม่อนุญาตให้เอ่ยถึงอีก”
“ไม่มี” พวกเขาส่ายหน้าเอ่ยไป
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ถึงจะโยนขวดเล็กสี่ใบไปให้ “นี่เป็นยารักษาแผลภายในและภายนอก กินเม็ดยาเข้าไปจะรักษาแผลภายในได้ บดเป็นผงโรยบนบาดแผลก็ห้ามเลือดได้”
พวกเขาได้ยินก็ตาเป็นประกาย หลังจากรับมาต่างพากันเปิดออกดู ต้องรู้ไว้ว่ายาขวดหนึ่งของภูตหมอราคาแทบเทียมฟ้า หนำซ้ำบางอย่างต่อให้มีเงินยังซื้อหาไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพาพวกเขามาฝึกวิชาที่นี่ คุ้มกันความปลอดภัย ทั้งยังมอบยาอายุวัฒนะให้ ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงและประหลาดใจอย่างยิ่งจริงๆ
“เอาละ ไม่มีอะไรก็อย่ามารบกวนข้า หากเจอปัญหาและอันตรายที่พวกเจ้ารับมือไม่ไหว มาขอความช่วยเหลือจากข้าได้” เธอโยนหยกสื่อสารให้พวกเขาสองสามอัน “อยู่แถวๆ นี้เป็นพอ อย่าเดินไปไกลนัก”
“รับทราบ” พวกเขาขานรับอย่างเริงร่า แล้วเก็บสิ่งของที่เธอมอบให้ไว้เป็นอย่างดี
หลังจากกำชับ เฟิ่งจิ่วไม่กลับเข้าอาศรม แต่เดินไปนอกเขตอาคมแทน พวกเขาเห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากัน รีบร้อนถามว่า “เจ้าจะออกไปหรือ?”
“อืม ออกไปยืดเส้นยืดสาย ตามหายาทิพย์สักหน่อย” เธอกล่าวโดยไม่หันหน้ากลับมา
พวกเขาด้านหลังได้ยินเช่นนี้ก็เร่งเข้าไป “ให้พวกเราไปด้วยเถอะ! เจ้าหายาทิพย์อะไร? พวกเราจะได้ช่วยด้วย”
“ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าดูแลตนเองดีๆ ก็พอ” เธอโบกๆ มือ ก่อนจะก้าวออกไปด้านนอก ไม่ทันไรก็หายไปจากครรลองสายตาของทุกคน
จนกระทั่งไม่เห็นร่างของเฟิ่งจิ่ว สามสี่คนชะงักไปนิด หนิงหลางถามขึ้นว่า “พวกเราจะทำอย่างไร? แยกย้ายไปฝึกวิชา หรือว่าจับกลุ่มสองคน?”
“แยกย้ายไปฝึกวิชาพวกเจ้ามั่นใจหรือ?” ต้วนเยี่ยมองอีกสามคนพลางถาม
“น่าจะไหว เจออะไรที่ตนเองจัดการไม่ได้ อย่างมากก็หนีเสีย” ลั่วเฟยเอ่ยขึ้น คิดว่าแยกย้ายกันไปจะดีกว่า เช่นนี้ผลึกอสูรที่ทุกคนได้มาถึงจะต่างกัน
ซ่งหมิงส่ายหน้า “คนเดียวอันตรายเกินไป ข้าว่าจับกลุ่มสองคนไว้ก่อนดีกว่า”
………………………………………………….