เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1105 โมโหแทบตาย + ตอนที่ 1106 สารเลว
ตอนที่ 1105 โมโหแทบตาย + ตอนที่ 1106 สารเลว
ตอนที่ 1105 โมโหแทบตาย
เฟิ่งจิ่วพุ่งไปอย่างสบายๆ ฝีเท้าของเธอกำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด เคลื่อนที่ในพริบตา และทิ้งระยะจากเหล่าคนด้านหลังโดยไม่ลำบากอะไร ครั้นได้ยินเสียงตะโกนกร้าวที่ดังมาข้างหลังก็หันกลับไปยิ้มให้
“จะแย่งชิงยาทิพย์จากข้าไม่ใช่หรือ? เก่งจริงก็เข้ามาขวางสิ!”
คนอื่นด้านหลังได้ยินคำพูดนี้ก็แทบโกรธจนกระอักเลือด พวกเขาคิดปล้นยาทิพย์จากเด็กหนุ่มจริง แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายกลับถูกเขาปล้นแทน? เด็กหนุ่มคนนี้ยังวิ่งหนีพลางตะโกนว่า ‘โดนปล้นแล้ว’ ไปตลอดทางอีก
เห็นชัดๆ ว่าตนเองขโมยถุงฟ้าดินของพวกเขาไป กลับทำเสียเหมือนว่าพวกเขาจี้ปล้นตัวเอง น่าโมโหยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้พวกเขาโมโหที่สุดคือ ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มเรียนท่าเท้าอะไรมา ถึงได้ว่องไวเสียจนพวกเขาไล่ตามไม่ทัน ยามนี้พวกเขาไม่ทันนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง นั่นคือพละกำลังของเด็กหนุ่มลึกล้ำเกินคาดเดา ตรงกันข้าม พวกเขานึกได้แค่ว่ามีใครบ้างที่ไม่มีทักษะหรือสมบัติช่วยชีวิตสักอย่างสองอย่าง มิเช่นนั้นใครจะกล้าเข้ามาในเทือกเขาอเวจีง่ายๆ เช่นนี้?
“หยุดนะ! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“ทิ้งของไว้เสีย ข้ารับประกันว่าจะไม่ตีเจ้าตาย!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็เริงร่า หันกลับไปยิ้ม บอกพวกเขาเสียงดังว่า “คนโง่น่ะสิถึงจะหยุด! คำพูดของเจ้าเก็บไว้หลอกผีเถอะ!”
คำพูดเช่นนี้เธอเชื่อได้หรือ? ช่างน่าขันเสียจริงๆ ถึงแม้เชื่อได้ สิ่งของที่มาถึงมือเธอแล้ว อยากจะเก็บกลับไปก็ไม่ง่ายดายปานนั้น นับประสาอะไรกับที่จิตสังหารของพวกเขาชัดเจนเพียงนี้ เธอไม่ใช้แผนสกปรกเสียเดี๋ยวนี้เลยก็ถือว่าดีแล้ว
เมื่อกลุ่มผู้ฝึกวิชามารในพื้นที่ซึ่งมาปล้นทรัพย์สินจากคนอื่นโดยเฉพาะได้ยินเสียงดังกึกก้องในป่า แต่ละคนต่างหยุดลงและมองไปรอบด้าน
“มีการเคลื่อนไหว สำรวจหน่อยซิว่าเป็นทางไหน”
ผู้เป็นหัวหน้ากล่าวสั่ง ส่งสัญญาณมือให้คนใต้อาณัติไปตรวจสอบ เสียงนั้นดังสนั่นอยู่ในป่า พวกเขาตรงนี้ได้ยินแค่รางๆ จึงยืนยันไม่ได้ว่ามาจากทิศทางใด
“ขอรับ” ผู้ฝึกวิชามารสองสามคนใต้อาณัติขานรับ หลังจากพุ่งออกไปไกลหลายจั้งด้วยความรวดเร็วก็หมอบลงบนพื้นทั้งสี่ทิศเพื่อสอดแนมการเคลื่อนไหว ฟังเสียงจากพื้นดินจะชัดเจนกว่าฟังเสียงดังก้องในป่ามาก
ไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมารายงานโดยเร็ว “หัวหน้า ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มีคนวิ่งมาทางนี้ น่าจะมีคนกำลังไล่ฆ่าชิงทรัพย์ แต่เสียงฝีเท้าที่พวกเราได้ยินมีแค่สองสามคน”
“แค่สองสามคน?” ดวงตาของหัวหน้าผู้ฝึกวิชามารแวววาว นัยน์ตาฉายแววละโมบพาดผ่าน “เช่นนั้นพวกเราดักรอพวกเขาระหว่างทาง ฆ่าทิ้งเสีย แล้วเก็บสมบัติมาแบ่งให้พี่น้องทั้งหลาย!”
“ขอรับ!”
ผู้ฝึกวิชามารสามสิบกว่าคนได้ยินก็ขานรับด้วยความตื่นเต้น จากนั้นไปรับหน้ายังทิศทางนั้นภายใต้การนำของหัวหน้า วางแผนจะเข้าปิดล้อมเป้าหมายไว้
ณ จุดที่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณไล่ล่าเฟิ่งจิ่วมาเนิ่นนานก็ยังตามไม่ทัน ไฟโทสะในใจจวนจะระเบิดแล้ว ไอสังหารทั่วร่างและแรงกดดันระดับกำเนิดวิญญาณกระจายออกไป อยากจะบีบคอเจ้าเด็กชุดแดงตรงหน้าด้วยมือเดียวแทบทนไม่ไหว
สิ่งที่น่าแค้นใจคือ ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่สง่างามเช่นเขา นึกไม่ถึงว่าจะไล่ตามเจ้าเด็กชุดแดงไม่ทัน!
ทางด้านหลัง ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดก็เช่นกัน สีหน้าขุ่นเคือง จิตสังหารเดือดพล่าน หนำซ้ำพวกเขาสามคนต้องพาชายวัยกลางคนร่างผอมบางไล่ตามไปอีก ชายวัยกลางคนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ กลั่นยาเซียนได้ แต่ความเร็วและกำลังต่อสู้กลับใช้ไม่ได้เลย
ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าหนูชุดแดง ถ้าข้าจับเจ้าได้ จะเฉือนเนื้อของเจ้าออกมาทีละน้อยแน่!”
………………………………………………….
ตอนที่ 1106 สารเลว
เฟิ่งจิ่วทางด้านหน้าไม่ตอบกลับคำพูดของคนด้านหลัง แต่ดวงตาหรี่ลงจับจ้องเบื้องหน้า กลุ่มผู้ฝึกวิชามารที่ขวางทางอยู่ด้านหน้ากำลังยิ้มอย่างมุ่งร้าย ถือดาบกระบี่ยืนรอเธออยู่ตรงนั้น
“บ้าเอ๊ย! โชคอะไรของเรากันเนี่ย”
เธอถลึงตามอง เห็นผู้ฝึกวิชามารตรงหน้าพวกนั้นกำลังรอเธอ ความเดือดดาลกระหายเลือดก็ผุดขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ เห็นชัดว่าเธอไม่คิดจะระรานคนอื่น แต่คนพวกนี้ดันมาตอแยเธอ คิดว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ จริงๆ หรือไร?
เมื่อนึกถึงคนที่ไล่มาด้านหลัง แล้วมองคนที่ขวางทางด้านหน้าอีกที เฟิ่งจิ่วคิดในใจอย่างรวดเร็ว สายตามองผ่านร่างกลุ่มคนตรงหน้า ประกายจางๆ ลอยผ่านในดวงตา
“ช่วยด้วย! ข้าโดนปล้น! ช่วยข้าด้วย…”
เธอตะโกนอย่างตื่นกลัวพลางวิ่งไปหาผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น โดยหันกลับไปมองผู้ฝึกตนสองสามคนด้านหลังด้วยความเสียขวัญอยู่บ่อยครั้ง
เหล่าผู้ฝึกวิชามารได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว สายตาก็หยุดมองเหล่าผู้ฝึกตนด้านหลังโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าคนหนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ สามคนเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง และมีอีกคนถูกสามคนประคองวิ่งมา ดูไปแล้วร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ
เหล่าผู้ฝึกวิชามารเห็นคนพวกนี้ก็ยิ้มเย็น “จับพวกเขา!” เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนพุ่งเข้าไป
“ขวางมันไว้! เจ้าหนูนั่นขโมยถุงฟ้าดินของพวกเราไป!” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังด้านหลังกำลังตะโกนอย่างฉุนจัด แต่เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนพวกนั้นเป็นผู้ฝึกวิชามาร สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
“แย่แล้ว! เป็นผู้ฝึกวิชามาร! หนีเร็ว!”
ชายวัยกลางคนร่างผอมที่มีสองสามคนช่วยประคองตะโกนขึ้นมา พลางคว้าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนหนึ่งในนั้นหมายจะให้เขาพาตนเองออกไปเดี๋ยวนี้ “หนีเร็วเข้า! ไม่ต้องเอาถุงฟ้าดินแล้ว จะตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ฝึกวิชามารไม่ได้!”
ขณะที่ระดับหลอมแก่นพลังคนนั้นขานรับและจะพาเขาหนีไป ก็เห็นร่างสีแดงตรงหน้าที่วิ่งด้วยฝีเท้าประหลาดพุ่งผ่านข้างกายผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นไปอย่างขวัญกล้าเทียมฟ้า วนรอบพวกเขารอบหนึ่ง และเก็บถุงฟ้าดินบนตัวไปจนหมด จากนั้นจึงจากไปอย่างสง่าผ่าเผย…
ภาพเช่นนี้ไม่ใช่เพียงพวกเขาที่อึ้งไป แม้แต่ดาบและกระบี่ที่ผู้ฝึกวิชามารซึ่งกำลังพุ่งเข้ามายกขึ้นกวัดแกว่งยังตะลึงงันนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ เนิ่นนานยังไม่ร่วงลงมา จนกระทั่งพวกเขาก้มหน้ามอง ถุงฟ้าดินเก็บสมบัติข้างเอวก็หายไปแล้ว
“สมควรตาย! เจ้าเด็กนั่นขโมยถุงฟ้าดินของพวกเรา!”
“สารเลว! หันมาเล่นลูกไม้กับพวกเราเสียได้! รนหาที่ตายนัก!”
“จับมันมา!”
“ฆ่ามันเสีย!”
ทันใดนั้น เสียงของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นดังขึ้นเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เวลานี้ทุกคนที่เดิมทีพุ่งไปหากลุ่มผู้ฝึกตนจ้องมองร่างสีแดงที่วิ่งผ่านกลางวงพวกเขาไปไกล แต่ละคนตาแดงก่ำไล่ตามไป
“คืนถุงฟ้าดินของพวกเรามา!”
“คืนสมบัติของพวกเรามาเสีย!”
“เจ้าเด็กบ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณด้านหลัง รวมถึงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสามคนและชายวัยกลางคนต่างนิ่งอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา เห็นว่าผู้ฝึกวิชามารตั้งมากมายข้างหน้าไล่ตามเด็กหนุ่มชุดแดงไป ในที่สุดพวกเขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
“ข้าอยากเห็นนักว่าครั้งนี้มันจะหนีไปไหนได้!”
“ใจกล้าเสียจริง! ในหมู่ผู้ฝึกวิชามารพวกนี้มีสองคนเป็นระดับกำเนิดวิญญาณ กลับกล้าใช้อุบายกับพวกเขา รนหาที่ตายชัดๆ”
“ตามไป! พวกเราตามต่อเถอะ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะหนีไปได้ภายใต้สายตาคนมากมายเพียงนี้!”
คนพวกนั้นตะโกนกราดเกรี้ยว แล้วจึงไล่ตามร่างสีแดงไปติดๆ สิ่งที่แตกต่างกันคือด้านหน้าพวกเขามีผู้ฝึกวิชามารหลายสิบคนกำลังด่ากราด…
………………………………………………….