เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1111 หนีไม่รอดสักคน + ตอนที่ 1112 คิดหาวิธี
ตอนที่ 1111 หนีไม่รอดสักคน + ตอนที่ 1112 คิดหาวิธี
ตอนที่ 1111 หนีไม่รอดสักคน
ขณะที่พวกเขาตื่นตกใจ เด็กหนุ่มชุดแดงซึ่งโดนล้อมไว้ตรงกลางพลันขยับมือ ผ้าแพรแดงลอยจากข้างเอวมาพันบนแขนของเฟิ่งจิ่ว อีกด้านก็มุ่งหน้ามาหาพวกเขาที่อยู่ข้างหน้า แล้วทุบคอของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งในนั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
“ฟิ้ว!”
ไม่ทันได้กรีดร้องหรืออุทาน ก็เห็นว่าผ้าแพรแดงที่บรรจุกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปพลันเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารวาดผ่านคอของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน เลือดสาดกระเซ็น ผ้าแพรแดงหดกลับก่อนโจมตีไปทางอีกคนหนึ่ง ส่วนผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานที่โดนปาดคอก็สิ้นชีพตกลงไปจากกลางอากาศเช่นนั้น
“ซี๊ด!”
คนข้างๆ เห็นภาพเช่นนี้ ในที่สุดก็ได้สติกลับมาจากความเสียขวัญ และหลบไปด้วยความรวดเร็ว ทว่าคนที่หลบช้าเพียงเห็นผ้าแพรแดงวาดผ่านเบื้องหน้า เมื่อพวกเขาคิดจะเบี่ยงหลบ กลับรู้สึกว่ามีแรงกดดันทรงพลังจู่โจมมาจากผ้าแพรแดง แล้วจึงห้อมล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง แรงกดดันที่แข็งแกร่งน่ากลัวทำให้พวกเขาตกตะลึงและไม่อาจหลบได้ ทำได้แค่เบิกตามองจิตสังหารมาเยือน
“อ๊าก!”
เสียงร้องดังออกจากปากของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานด้านหลัง ครั้นเห็นคนตายไปภายใต้ผ้าแพรแดงอย่างไม่ขาดสาย ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานข้างหลังหมุนตัวคิดจะหนีไปด้วยความตื่นกลัว
เขาสบโอกาสตอนเด็กหนุ่มชุดแดงกำลังรับมือสองสามคนด้านหน้า หันกายหมายหนีไปเป็นคนแรก
“กลับมา!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสามคนได้สติกลับมาจากความตกตะลึง เมื่อเห็นว่ามีคนจะหนีก็โมโหจนตะโกนดังลั่น แต่พอสิ้นเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดของพวกเขา ก็เห็นผ้าแพรแดงจู่โจมออกไปพันรอบเท้าของระดับสร้างรากฐานที่จะหนีไปคนนั้น แล้วลากเขากลับมาเสียดื้อๆ
“มะ ไม่! ปล่อยข้าไป! ข้ายังไม่อยากตาย!”
น้ำเสียงตื่นตระหนกเจือการร้องขอความเมตตาดังขึ้นมา เท้าที่โดนผ้าแพรแดงรัดไว้ สำหรับเขาแล้วราวกับโดนมัจจุราชจับลากลงนรก ทำเอาเขาดิ้นรนด้วยความตกใจ หมุนตัวตวัดกระบี่ไปทางผ้าแพรแดง คิดจะฟันให้ขาดเสีย
ใครจะรู้ เมื่อกระบี่ของเขาฟันไปหาผ้าแพรแดง กลับโดนกลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งต้านกลับไป พอเห็นภาพเช่นนี้แล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าผ้าแพรแดงเป็นของวิเศษไม่ธรรมดา?
“ฆ่ามันเสีย! มันไม่ตายเราก็ตาย!”
สามผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังตะโกนลั่น ในเมื่อถอยไม่ได้ก็ได้แต่ทุ่มเทกำลังทั้งหมดสังหารเด็กหนุ่มชุดแดงเสีย! มิเช่นนั้นไม่ว่าใครก็ไม่รอดชีวิต
เหล่าผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานที่คิดจะหนี เดิมทีในใจมีความหวาดกลัว หลังจากได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสาม เห็นว่าพวกเขาหนีไม่รอดแน่ๆ ชัดเจนว่ามีแต่ต้องสู้เท่านั้น จึงกัดฟันถือกระบี่เข้าไปรับหน้า
ในเมื่อหนีไม่ได้ พวกเขายอมสู้ตายเพื่อเอาชีวิตรอด!
จิตมุ่งต่อสู้ผุดขึ้นมา จิตสังหารปรากฏ คนที่เหลือไม่ถึงสิบล้อมเข้ามาโจมตี ตั้งใจจะสังหารเฟิ่งจิ่ว ทว่าเธอไม่ลงมือหรือไม่เกิดจิตสังหารก็ช่างเถิด แต่หากลงมือ เกิดจิตสังหาร คนพวกนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้อย่างไร?
เพียงเห็นว่ากลางเวหามีจิตสังหารรุนแรงพร้อมกระแสลมพัดหวีดหวิวออกไป ร่างสีแดงยืนอยู่บนขนนกเคลือบหลากสี ต่อสู้กับผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้น คลื่นพลังวิญญาณในอากาศกระเพื่อมดุจริ้วลายตามการหลั่งไหลของจิตมุ่งต่อสู้และจิตสังหาร
กระแสอากาศจับตัวแข็งเล็กน้อย ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสู้สุดกำลัง ทำให้ระดับสร้างรากฐานพวกนั้นหน้าขาวซีดเพราะรับการสะเทือนจากแรงกดดันไม่ไหว เลือดลมในร่างปั่นป่วน
“อั่ก!”
ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งรับไม่ไหวกระอักเลือดออกมา ร่างกายซวนเซอยู่บนกระบี่บิน ก่อนจะตกลงไป
ต่อมา ระดับสร้างรากฐานคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นกัน ถ้าไม่ถูกฆ่าก็โดนกระแทกร่วงลงไปยังป่าไม้เบื้องล่าง…
………………………………………………….
ตอนที่ 1112 คิดหาวิธี
เพราะอยู่บนที่สูงกลางอากาศ เหล่าผู้ฝึกตนในป่าย่อมเห็นได้เป็นธรรมดา เดิมทีตอนพวกเขาเห็นกลุ่มผู้ฝึกตนไร้สำนักล้อมเด็กหนุ่มชุดแดงไว้ ก็นึกว่าเขาได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย ใครเลยจะรู้ว่า…
สิบกว่าคนตกลงไปตายทีละคน แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสามคนที่เหลือยังบาดเจ็บสาหัส ชุดคลุมสีเทาบนร่างเปื้อนเลือด แม้อยู่ห่างไปเล็กน้อยก็เห็นภาพนองเลือดนั้นได้อย่างชัดเจนยิ่ง
เพียงไม่กี่อึดใจ หนึ่งในสามผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังก็โดนลูกหลง ร้องเสียงอู้อี้ถอยหลังไป ซ้ำยังโดนผ้าแพรแดงโจมตีร่วงจากอากาศไปกระแทกพื้น เสียงดังสนั่นทำให้พวกเขาทางนี้ล้วนได้ยินกัน
ครั้นเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาแอบชื่นชมอย่างอดไม่ได้ อีกทั้งไม่เกิดความโลภอีกเพราะเหตุนี้ มิเช่นนั้นผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นจะเป็นจุดจบของพวกเขาเช่นกัน
จนกระทั่งเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงสังหารผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองคนที่เหลือ ก่อนจะยืนกลางอากาศและกวาดมองรอบๆ เหล่าผู้ฝึกตนทุกหนแห่งเบื้องล่างพลันประหวั่นพรั่นพรึง
แม้แต่คนจากตระกูลต่างๆ ซึ่งมีระดับกำเนิดวิญญาณดูแล ยังโดนเตือนว่าจะล่วงเกินคนคนนี้ไม่ได้
เขตพื้นที่ถัดจากนั้น เฟิ่งจิ่วจึงไม่เจอใครมาหาเรื่องอีก แม้แต่สัตว์อสูรเห็นเธอแล้วยังหลบกันไปเอง เพราะเธอปล่อยแรงกดดันเก่าแก่ออกไป สัตว์ร้ายข้างล่างพวกนั้นย่อมไม่กล้าเข้าใกล้
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับราชางู เดาว่าคงเพราะเธอแย่งต้นผลไม้วิญญาณไปมันจึงคลุ้มคลั่ง ไล่ตามเธอไม่ปล่อยโดยไม่สนใจอะไร แม้บนตัวเธอมีแรงกดดันเก่าแก่ มันก็ยังไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
ครั้นนึกถึงราชางูตัวนั้น เธอก็นึกถึงต้นผลไม้วิญญาณ ไม่รู้ว่าผลไม้วิญญาณพวกนั้นมีสรรพคุณอะไรกันแน่
ขณะเดียวกันนี้ พวกต้วนเยี่ยสี่คนแบ่งเป็นสองกลุ่มฝึกวิชาอยู่ในป่าใกล้ๆ เขตอาคม แม้มีพลังแค่ระดับสร้างรากฐาน แต่กำลังต่อสู้ของพวกเขาไม่อ่อนด้อย อีกทั้งร่วมมือสู้สองคน สองวันมานี้จึงเก็บรวบรวมผลึกอสูรได้ไม่น้อย
เพียงแต่ ภารกิจที่เฟิ่งจิ่วมอบให้พวกเขาคือในสิบวันผลึกอสูรจะน้อยกว่าหนึ่งร้อยไม่ได้ เมื่อคำนวณจากสองวันเพิ่งได้มาสิบกว่าก้อน สิบวันจะให้เกินร้อยก็ยากนัก
ซ่งหมิงกับหนิงหลางสองคนฆ่าสัตว์อสูรสองสามตัวก็เหนื่อยจนหอบแฮ่ก นั่งหอบหายใจพิงอยู่ใต้ต้นไม้
“ทำอย่างไรดี? เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่พอหรอก! สองวันเพิ่งได้ผลึกอสูรมาสิบกว่าก้อน แบ่งสองคนเท่าๆ กันยังไม่ถึงสิบก้อนด้วยซ้ำ” หนิงหลางเอ่ยด้วยใบหน้ายับยู่
ซ่งหมิงคิดๆ แล้วบอกว่า “เช่นนี้ผลึกอสูรของพวกเราจะไม่พอ ไม่สู้…”
“เช่นนี้? จะไหวได้อย่างไร พวกเรามีแค่สองคน หนำซ้ำกำลังยังไม่แข็งแกร่งมาก” หนิงหลางกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“ทำไมจะไม่ได้? คนส่วนมากในนี้ใช้วิธีปล้นชิง ขอแค่พวกเราปล้นผู้ฝึกตนตัวคนเดียวก็พอ คนพวกนั้นต้องมีผลึกอสูรติดตัวแน่ๆ”
“แต่เฟิ่งจิ่วบอกให้พวกเราหาผลึกอสูรจากสัตว์ร้าย อยากจะพัฒนากำลังต่อสู้ของพวกเราด้วย หากใช้วิธีปล้นเช่นนี้ ใช้ไม่ค่อยได้กระมัง?” เขาลังเลเล็กน้อย ฐานะทางบ้านของเขาร่ำรวย เรื่องการปล้นชิงเช่นนี้ไม่เคยทำเลยจริงๆ
มือใหญ่ของซ่งหมิงตบบนบ่าของเขา เอ่ยว่า “ปล้นก็ต้องต่อสู้นะ! เจ้าคิดว่าไม่ต้องสู้หรือ ผู้ฝึกตนพวกนั้นบางคนแข็งแกร่งกว่าเราอีก ถ้าปล้นผู้ฝึกตนไร้สำนักหรือผู้ฝึกวิชามาร ผลึกอสูรที่ได้มาต้องเยอะแน่ๆ อีกอย่างไม่แน่ว่าอาจจะมีสมบัติอื่นด้วย เจ้าไม่คิดบ้างหรือ?”
กล่าวถึงตรงนี้ ซ่งหมิงก็ยักคิ้วให้หนิงหลางด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม ในใจรู้ว่าด้วยนิสัยของอีกฝ่ายจะต้องเห็นด้วยแน่นอน
………………………………………………….