เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1147 เคราะห์ดีอายุยืน + ตอนที่ 1148 หนีไป
ตอนที่ 1147 เคราะห์ดีอายุยืน + ตอนที่ 1148 หนีไป
ตอนที่ 1147 เคราะห์ดีอายุยืน
“ทิศทางที่เจ้าเด็กอ้วนวิ่งไปเลยละแวกถิ่นของเสือเหินฟ้าไปแล้ว ถิ่นของหมีกินคน นอกจากพวกหมีละก็ สัตว์อสูรอื่นๆ อยากจะเข้าไปล้วนต้องต่อสู้ มิเช่นนั้นเสือเหินฟ้าข้ามไปก็ได้แต่ตายเป็นอาหารของพวกมัน”
นกอินทรีกล่าวจบก็เร่งความเร็วและเอ่ยว่า “ต่างจากนกอินทรีอย่างพวกเรา สัตว์ร้ายบนพื้นทำอันตรายพวกเราไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงเข้าใจพื้นที่เขตแดนในนี้มากกว่าสัตว์ร้ายอื่นๆ ให้ดีที่สุดเจ้าก็เร็วเข้าหน่อย มิเช่นนั้นกำลังของเจ้าเด็กอ้วนคงโดนหมีกินคนฉีกทึ้งเป็นแน่”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้จึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ไม่นานนักก็มาถึงพื้นที่ของเสือเหินฟ้า เห็นเสือเหินฟ้าตัวหนึ่งนอนใต้ต้นไม้ข้างล่างเลียขาหน้าที่บาดเจ็บ ยังมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเพื่อตามหาตำแหน่งของหนิงหลาง
หนิงหลางที่วิ่งไปในป่าหลังจากวิ่งซวนเซไปสักระยะ เห็นว่าเสือเหินฟ้าข้างหลังไม่ไล่ตามมาแล้ว ก็ถอนหายใจเบาๆ และนั่งลงใต้ต้นไม้ทันควัน
“ข้ากลัวแทบตายเลย” เขาประคองขาที่บาดเจ็บมานั่งพิงตรงต้นไม้ มองซ้ายขวาไม่เห็นเงาของเสือเหินฟ้า จึงรีบร้อนหยิบยามาหยุดเลือดและพันแผลตรงน่องขา
เมื่อเห็นรอยโดนกรงเล็บเสือตะครุบตรงขาของตนเอง หัวใจสั่นสะท้าน น้ำตาไหลคลอเบ้า “โดนรังแกข้าก็สู้เสือสองตัวไม่ไหว นึกไม่ถึงว่าขาของข้าจะบาดเจ็บเป็นเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน”
“ซี๊ด! เจ็บนัก”
โรยยาลงไปขาของเขาเจ็บเสียจนกระตุกขึ้นมา เขากัดฟันใช้ผ้าพันบาดแผลอย่างเร่งรีบ หอบหายใจได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ในอากาศและมองไปรอบๆ
“นี่ที่ไหนกัน? ทำไมข้าวิ่งมานานเพียงนี้ ส่งสัญญาณไปตั้งหลายครั้งยังไม่เห็นพวกของต้วนเยี่ยเลย?” เขาพึมพำพลางมองไปรอบข้าง หน้าหลังซ้ายขวาล้วนเป็นต้นไม้ หากไม่มีดวงอาทิตย์คงแยกแยะทิศทางไม่ออกแน่ๆ
ทว่ากำลังคิดถึงข้อนี้ ร่างกายของเขาแข็งทื่อ มองไปยังทิศทางของดวงอาทิตย์ก็ตะลึงในทันใด “ไม่ใช่กระมัง? นะ นี่…” ทำไมเขาถึงวิ่งไปทางตรงข้าม? จำได้ว่าตอนนั้นตรงที่พวกเขาอยู่กันรอบนอกคือ…
“กรรซ์!”
ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามลอยมา เขาตกใจเสียจนหัวใจสั่นไหว รีบเร่งค้ำต้นไม้และกระโดดขึ้นไป อาศัยแมกไม้ซ่อนตัวยืนบนที่สูง เห็นหมีดำตัวใหญ่ในป่าสูงเกือบหนึ่งจั้งวิ่งกำลังวิ่งเข้ามา ทั้งยังใช้จมูกดมกลิ่นรอบๆ
เขาเห็นภาพเช่นนั้นก็อึ้งไป ก้มหน้ามองคราบเลือดที่ไหลจากบาดแผลตรงขา เช่นนี้จะโดนพบได้ง่ายมากไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นเขานึกๆ ไปแล้ว คิดว่าแม้ตนเองวิ่งไปทิศทางตรงข้ามและห่างจากพวกของต้วนเยี่ยไกลมาก ก็น่าจะใกล้กับบริเวณที่เฟิ่งจิ่วอยู่ เช่นนั้นแทนที่จะซ่อนข้างล่าง ไม่สู้ร่อนกระบี่ไปรอเขาบนฟ้า เช่นนี้เฟิ่งจิ่วจะหาเขาเจอได้ง่ายกว่าไม่ใช่หรือ?
แต่ด้วยสภาพของเขาตอนนี้ หากร่อนกระบี่ขึ้นไปต้องเป็นอันตรายแน่ เขาต้องป้องกันสัตว์ร้ายอย่างเสือเหินฟ้าพุ่งออกมากัดเขา ยังมีนกประหลาดกินคนพวกนั้นอีก
หากไม่เดินจะอยู่ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัย ไม่ว่าเลือกอย่างไรความเสี่ยงล้วนเป็นครึ่งต่อครึ่ง
“เอาเถอะ! ข้าจะสู้สุดชีวิต! แม่ของข้ามักบอกว่าข้าเคราะห์ดีอายุยืน คงไม่ตายเร็วเพียงนี้หรอก” เขาตบๆ หน้าอกสงบใจที่ตื่นกลัวเสียจนเต้นแรงมาตลอดทาง ก่อนจะกัดฟันไม่ร่อนกระบี่ แต่หยิบพาหนะเหาะเหินออกมา
………………………………………………….
ตอนที่ 1148 หนีไป
เขานั่งพาหนะบินออกจากป่า เมื่อมาถึงกลางอากาศและเห็นร่างคุ้นเคยตามมาไม่ไกล พลันตื่นเต้นเสียจนแทบจะน้ำตาไหล “เฟิ่งจิ่ว!”
หลายวันมานี้พวกเขาเชื่อใจและพึ่งพาเฟิ่งจิ่วเสียจนเป็นนิสัย ไม่ว่าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ขอแค่มีเฟิ่งจิ่วอยู่พวกเขาเชื่อว่าสุดท้ายเรื่องร้ายจะกลายเป็นดีได้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้เขาโดนนกอินทรีจับไปเช่นนั้น ตอนนี้ก็เช่นกัน แต่ทำไมนกอินทรีถึงตามมาข้างกายเฟิ่งจิ่ว?
ในใจของเขานึกสงสัยไม่สงบใจ มีความตื่นเต้น กังวล และแคลงใจ
ทันทีที่หลิงหลางบินขึ้นมาเฟิ่งจิ่วก็วางใจ ในที่สุดเจ้าอ้วนก็วกกลับมา ทว่าเวลาต่อมาเธอกลับสีหน้าเปลี่ยนไปและส่งเสียงร้องอุทาน
“ระวัง!”
เสือยักษ์ตัวหนึ่งพลันพุ่งจากในป่าขึ้นฟ้า แตกต่างจากตัวบาดเจ็บที่เธอเห็นก่อนหน้า ขาหน้าของมันไม่ได้รับบาดเจ็บ ปีกที่กางออกสะบัดใบมีดลมบินตรงเข้าไป พร้อมอ้าปากกระโจนไปทางเจ้าอ้วน
“อ๊าก!”
หนิงหลางเปล่งเสียงอุทาน หยิบกระบี่ยาวเรียกกลิ่นอายพลังวิญญาณโจมตีไปทางเสือร้ายที่กระโจนมาในทันที พลังกระบี่ดุดันปล่อยกระแสพลังวิญญาณตัดออกไป กลับทำให้บาดเจ็บได้เพียงปลายปีกของเสือเหินฟ้า ทว่าสิ่งที่แลกมาหาใช่การโจมตีของมันที่หยุดลง แต่เป็นจิตสังหารกระหายเลือดของมันที่ดุร้ายยิ่งขึ้น
“กรร!”
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดจู่โจมไปพร้อมแรงกดดันระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ สั่นสะเทือนเสียจนหนิงหลางเจ็บแก้วหู เลือดลมในร่างหมุนตลบ จวนจะกระอักออกมารางๆ
ภายใต้แรงกดดันระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของเขาขาวซีด พยายามจะประคองร่างกายไว้ให้มั่น แต่ยังคงร่างกายโซเซเพราะต้องหลบจากเสือเหินฟ้าที่กระโจนมา ร่างกายก็ตกจากพาหนะเหาะเหินลงไป
“อ๊าก!”
น้ำเสียงตื่นตระหนกวาดผ่านฟากฟ้า ทันใดนั้นร่างสีแดงก็พุ่งออกไปรับเขาไว้ก่อนจะตกโหม่งพื้น ภายใต้แรงกดดันระดับสัตว์เทวะของนกอินทรีเสือเหินฟ้าบนเวหาก็วิ่งกลับไปในป่าด้วยความหวาดกลัว และไม่กล้าอยู่ต่อไปอีก
“เฟิ่งจิ่ว ข้านึกว่าตนเองจะตายแน่แล้ว” หนิงหลางอ้าสองแขนจะเข้าไปกอดเฟิ่งจิ่ว ไหนเลยจะรู้ว่าเขากลับดันไหล่ไว้ไม่มีทางเข้าใกล้แม้ครึ่งก้าว เห็นเช่นนี้หนิงหลางจึงได้แต่มองเขาทั้งน้ำตานองหน้า
“ทำไมถึงบาดเจ็บหนักเพียงนี้?” เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วมองเลือดที่ไหลตรงขาของเขา แล้วประคองเขามานั่งพิงตรงต้นไม้ “เจ้าพันแผลเช่นนี้ไม่ได้ มันลวกๆ เกินไป แผลยังเลือดไหลอยู่เลย!”
“เสือสองตัวนั้นตะปบข้า พวกมันสองตัวเป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังมารังแกข้าคนเดียว ข้าก็วิ่งมาเรื่อยๆ หากวิ่งได้ไม่เร็ว ไม่ทันรอเจ้ามาช่วยข้าคงโดนพวกมันกินไปแล้ว” เอ่ยถึงตรงนี้เขานึกน้อยใจในใจ
เฟิ่งจิ่วแกะผ้าเปื้อนเลือดตรงขาของเขาออกดู ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันควัน เลือดไหลเนื้อเละ เนื้อตรงนั้นเปิดออกมาหมดเลย เห็นได้ว่าบาดเจ็บไม่น้อย
“ใส่ยาและพันแผลทันทีโดยไม่ทำความสะอาดจะติดเชื้อได้ง่ายมาก เจ้าอดทนหน่อย ข้าจะล้างแผลใส่ยาให้เจ้าเสียใหม่” เธอกล่าวไปพลางหยิบสิ่งของมาจากในห้วงมิติเพื่อล้างแผลให้เขา
“เฟิ่งจิ่ว ทำไมนกอินทรีถึงตามเจ้ามาด้วยกัน?” เขามองนกอินทรีที่วนเวียนบนฟ้าและบินลงมา ร่างกายของเขาตึงเกร็งโดยฉับพลัน มือหนึ่งก็ปกป้องไข่ในอ้อมอกตามสัญชาตญาณ
“เดิมทีมันตามข้ามาเอาไข่ แต่ภายหลังโดนคนจับ ข้าเข้าไปช่วย มันจึงบอกว่าจะตามข้ามาเอาไข่กลับไป” เอ่ยถึงตรงนี้ เธอชำเลืองมองนกอินทรีข้างหลังที่ไปหยุดอยู่ข้างๆ
………………………………………………….