เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1155 เจ้าได้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่ + ตอนที่ 1156 หลอมแก่นพลังทองสำเร็จ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1155 เจ้าได้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่ + ตอนที่ 1156 หลอมแก่นพลังทองสำเร็จ
ตอนที่ 1155 เจ้าได้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่ + ตอนที่ 1156 หลอมแก่นพลังทองสำเร็จ
ตอนที่ 1155 เจ้าได้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่
เพียงแต่ยังไม่ทันคลานออกมาทั้งตัว ก็หมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว
“เฮือก! นะ นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?” ผู้ฝึกตนคนอื่นรอบๆ สูดลมหายใจเย็น ถามไถ่พลางมองผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองสามคนที่วิ่งออกมานั่งหอบหายใจบนพื้นอย่างอ่อนแรง
สีหน้าของพวกเขาซีดขาว นั่งหมดแรงบนพื้นเนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาเบิกกว้างอย่างหวาดผวา ริมฝีปากสั่นระริก ผ่านไปเนิ่นนานยังพูดอะไรไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นรอบๆ ล้อมเข้ามาถามไถ่ คนพวกนั้นก็ยังเรียกสติกลับมาไม่ได้
ผู้ฝึกตนไร้สำนักคนหนึ่งเห็นเช่นนี้ก็เกิดความโลภ จ้องผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองสามคนที่ยังตกใจไม่ได้สติกลับมา พลางลอบกุมกระบี่ยาวตรงเอวและลงมือทันที ประกายกระบี่ที่รุนแรงวาดผ่านไป แทงเข้าแผ่นหลังของผู้ฝึกตนคนหนึ่งซึ่งนั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่อย่างโหดเหี้ยม
กระบี่ยาวจู่โจม เสียงร้องอู้อี้ดังขึ้นมา เมื่อดึงกระบี่ยาวออก เลือดพุ่งกระฉูดเป็นสาย เปื้อนชุดคลุมของผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างหลังจนกลายเป็นสีแดงเลือด…
เรื่องน่าตกใจที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้คนรอบด้านตะลึง เมื่อเห็นว่าคนลงมือเป็นผู้ฝึกตนไร้สำนักก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ถอยหลังไปด้วยความรวดเร็ว เพราะนั่นเป็นผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มอย่างน้อยๆ ยี่สิบสามสิบคน
เดิมทีไม่สนใจคนพวกนี้สักเท่าไร เพราะคนในกลุ่มของพวกเขากระจายตัวออกไป บางคนนั่งใต้ต้นไม้ข้างหลัง บางคนพักผ่อนบนต้นไม้ บางคนจับกลุ่มกันสามถึงห้าคน พูดคุยหัวเราะดื่มน้ำดื่มสุรา ประหนึ่งว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
ทว่า หลังจากผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดลงมือสังหารระดับหลอมแก่นพลังที่นั่งอ่อนแรงอยู่บนพื้น คนข้างหลังก็พุ่งเข้ามาโดยเร็ว ท่าทางนั้นกำลังบอกอย่างชัดเจนว่า ใครกล้าเข้ามา อย่าหาว่าพวกเขาไม่เกรงใจ!
ครั้นเห็นผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นพลันทำท่าทางดุร้ายกระหายเลือด คนอื่นๆ รีบเร่งถอยหลังไป ไม่คิดจะต่อกรด้วย เพราะกำลังของคนกลุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทางนี้อย่างเห็นได้ชัด หากสู้กันพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะฆ่าศัตรูได้
“พวกเราไป!”
ดังนั้น เมื่อคนกลุ่มแรกตะโกนเสียงต่ำแล้วพากองกำลังจากไป ตระกูลอื่นๆ ที่มาฝึกวิชาในป่าก็ทยอยกันจากไป ไม่อยู่ต่อเช่นกัน
สายฟ้าครั้งที่สามผ่าลงมาเสียงดังในยามนี้ จากนั้นบริเวณรอบๆ ก็เหมือนจะกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ในเวลานี้ผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนั้นอาศัยเวลาตอนนี้ร่วมแรงกันสังหารผู้ฝึกตนไร้สำนักที่นั่งไร้เรี่ยวแรง และเก็บสิ่งของจำพวกถุงฟ้าดินที่ติดตัวพวกเขามา มีเพียงผู้ฝึกตนไร้สำนักระดับหลอมแก่นพลังคนหนึ่งที่เห็นคนข้างๆ โดนฆ่า จึงใช้ของวิเศษติดตัวหนีเอาชีวิตรอดไปได้…
“สมควรตาย! เจ้านั่นหนีไปแล้ว มันต้องมีของติดตัวเยอะแน่ๆ” ผู้ฝึกตนไร้สำนักคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ยามมองผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่จู่ๆ ก็หายไป ในดวงตาของเขาเผยความเสียดาย
เหยื่อที่มาถึงมือหลุดไปเช่นนี้ น่าเสียดายจริงๆ
“อย่าไปสนใจเขาเลย เก็บกวาดพื้นที่เร็วเข้า แล้วส่งสักสองสามคนไปเฝ้าระวังรอบๆ” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดคนหัวหน้ากล่าวเสียงขรึม โบกมือให้คนใต้อาณัติไปเก็บรวบรวมถุงฟ้าดินมาโดยเร็ว
“พี่ใหญ่ คนตายไปในนั้นไม่น้อย พวกเราจะเข้าไปดูเสียหน่อยหรือไม่? คนตายพวกนั้นล้วนมีถุงฟ้าดินติดตัว ไม่แน่ว่าอาจมีสิ่งของไม่น้อย” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งแนะนำ เขานึกถึงคนพวกนั้นที่เข้าไปในค่ายกลแล้วยังไม่ออกมา ก็คิดไปถึงสมบัติเงินทองบนตัวพวกเขา
ได้ยินเช่นนี้ ระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดคนหัวหน้าก็เอ่ยว่า “เจ้ากล้าเข้าไปหรือ เช่นนั้นได้ เจ้าเข้าไปสิ! ของที่ได้มาข้าจะให้ส่วนแบ่งเจ้าก้อนใหญ่เลย”
………………………………………………….
ตอนที่ 1156 หลอมแก่นพลังทองสำเร็จ
ชายฉกรรจ์ได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ้มเจื่อนๆ “เรื่องนี้…ข้าไม่กล้าเข้าไปหรอก” ล้อกันเล่นแล้ว แม้เงินทองจะมากมาย แต่สิ้นชีพไปได้เงินทองมาเยอะแยะก็เปล่าประโยชน์ ให้เขาเข้าไปหรือ หากไปตายข้างในจะทำอย่างไร?
อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา “สายฟ้าครั้งที่สามผ่าลงมาแล้ว คนในนั้นน่าจะบรรลุขั้นเรียบร้อย พี่ใหญ่ ข้าว่าพวกเราอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ต้องออกไปเสียเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นคนในนั้นออกมา มีแต่จะ…”
“อืม เรียกพี่น้องทุกคนมา ออกไปกันทั้งหมด!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดโบกมือตะโกนสั่ง ทุกคนจึงเร่งมารวมตัวกัน กลายเป็นกองกำลังคุ้มกันแล้วจากไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงศพบนพื้น รวมถึงกลิ่นคาวเลือดในอากาศที่ยังไม่จางหายไป…
ภายในเขตอาคม เฟิ่งจิ่วที่นั่งขัดสมาธิไม่สนใจการเคลื่อนไหวด้านนอก เธอแค่ให้อสูรกลืนเมฆาไปตรวจสอบ ส่วนตนเองเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ห่างไปแม้สักก้าว
จนกระทั่งเห็นสายฟ้าครั้งที่สามผ่าลงมา กลิ่นอายพลังวิญญาณบนร่างต้วนเยี่ยปะทุพุ่งขึ้นไป พละกำลังก้าวกระโดด เมื่อผ่านเข้าสู่ระดับวรยุทธ์หลอมแก่นพลัง กลิ่นอายพลังวิญญาณรอบข้างค่อยๆ หยุดนิ่งลง เธอถึงจะเผยรอยยิ้มสบายใจออกมา
โชคดีที่บรรลุขั้นสำเร็จแล้ว
ก็ถูกต้องแล้ว มียาของเธอช่วยเหลือ หากไม่บรรลุขั้นก็ไม่ปกติแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพรสวรรค์แต่เดิมของต้วนเยี่ยก็ไม่ธรรมดา บรรลุระดับหลอมแก่นพลังเป็นแค่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว
หลังจากเก็บกลิ่นอายพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย ต้วนเยี่ยที่กำลังหลับตารู้สึกด้วยดวงจิตว่าเห็นแก่นพลังทองเล็กๆ ปรากฏตรงจุดตันเถียนของเขา
ที่แท้นั่นก็คือแก่นพลังทอง ในที่สุดเขาก็เข้าสู่วรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้ว!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็ตื่นเต้นในใจ ต้วนเยี่ยลืมตาขึ้นมา เห็นร่างสีแดงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าไม่ไกล ครั้นมองเห็นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาทันควัน
ไม่ใช่ญาติพี่น้องกลับเป็นยิ่งกว่าญาติพี่น้อง บอกว่าเป็นอาจารย์แต่เป็นเช่นมิตรสหาย เฟิ่งจิ่ว ต้วนเยี่ยโชคดีเพียงใดถึงได้มาพบเขา?
“เฟิ่งจิ่ว ข้าบรรลุขั้นแล้ว”
ใบหน้าอ่อนวัยคลี่รอยยิ้มร่าเริง นั่นเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่เผยออกมาเต็มเปี่ยม เป็นใบหน้ายิ้มที่ทั้งบริสุทธิ์และสดใส ทำให้คนเห็นอดยิ้มตามไม่ได้
แม้ในใจมีคำพูดเป็นหมื่นล้าน มีความซาบซึ้งใจไม่สิ้นสุดก็ยากจะเอื้อนเอ่ย บุญคุณที่ช่วยสอนสั่งของเฟิ่งจิ่ว ต้วนเยี่ยจะจดจำไว้ในใจตลอดไป
“อืม บรรลุขั้นก็ดีแล้ว”
ไม่มีคำพูดหรือคำชมมากมาย แค่คำพูดหนึ่งประโยคง่ายๆ กลับทำให้อารมณ์ของต้วนเยี่ยฮึกเหิมขึ้นมา ยินดีราวกับเด็กน้อยได้ลูกกวาด
เขาลุกขึ้นมาที่ข้างกายร่างชุดแดง น้ำเสียงกระตือรือร้นเอ่ยถามด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าบรรลุขั้นคนแรกใช่หรือไม่?” ในช่วงเวลาที่ฝึกบำเพ็ญต้องปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหก หมกมุ่นฝึกบำเพ็ญ จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ของคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง
“ถูกต้อง เจ้าบรรลุขั้นเป็นคนแรก ไปเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปดูพวกเขาสักหน่อย” เฟิ่งจิ่วยิ้มน้อยๆ แล้วไปอีกด้านหนึ่งพร้อมเขา ภายในเขตอาคมนี้ พวกเขาสี่คนแยกย้ายกันวางค่ายกลรวมพลังวิญญาณไว้สี่ทิศทาง
เมื่อทั้งสองมาหาคนอื่นๆ อีกสามคน เข้าไปดูทีละคน สุดท้ายก็มาหยุดตรงค่ายกลรวมพลังวิญญาณของซ่งหมิง
“ต่อจากเจ้า คนที่บรรลุระดับหลอมแก่นพลังคนต่อไปน่าจะเป็นซ่งหมิง” เฟิ่งจิ่วกล่าว สายตามองซ่งหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิ ร่างกายมีกลิ่นอายพลังวิญญาณที่หนาแน่นเอ่อล้นอยู่
“ข้าเป็นผู้คุ้มกันให้เขาได้”
เขามองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างกายพลางเอ่ย “เจ้ากำลังฝึกบำเพ็ญเหมือนกันไม่ใช่หรือ ตอนนี้ข้าบรรลุขั้นแล้ว ข้าจะช่วยเป็นผู้คุ้มกันให้พวกเขาแล้วกัน!”
………………………………………………….