เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1159 ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง + ตอนที่ 1160 สถานการณ์เปลี่ยนไป
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1159 ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง + ตอนที่ 1160 สถานการณ์เปลี่ยนไป
ตอนที่ 1159 ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง + ตอนที่ 1160 สถานการณ์เปลี่ยนไป
ตอนที่ 1159 ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง
“นี่…”
ทุกคนตกใจเป็นอย่างยิ่ง มองลมแรงพัดโหมจนฝุ่นดินปกลุมไปทั่วฟ้าด้วยความสะท้าน เมฆดำครึ้มด้านบนดุจดั่งเกลียวคลื่นม้วนไปมา รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังและน่าสะพรึงขวัญซึ่งกระจายอยู่ในอากาศ พวกเขาตื่นตกใจเสียจนพูดอะไรไม่ออก
โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่ากลิ่นอายนั้นเหมือนจะล้อมรอบอาศรมที่เฟิ่งจิ่วอยู่พลางส่งเสียงหวีดหวิว พวกเขายิ่งหวาดกลัว หรือว่าเฟิ่งจิ่วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างใน?
ในใจกังวล อยากจะเข้าไปตรวจสอบดู แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกแรงกดดันขุมหนึ่งดีดออกมา พวกเขากระเด็นออกไปไกลหลายจั้งก่อนล้มลงกับพื้นในทันที
“อั่ก!”
ทั้งสี่คนกระอักเลือด กุมหน้าอกยืนขึ้นมา เห็นกลืนเมฆาเข้ามาหาและใช้สายตาแปลกๆ มองพวกเขา
“พวกเจ้าทำอะไรกัน บุ่มบ่ามเช่นนี้ไม่กลัวตัวเองบาดเจ็บหรือ อาศรมของนายท่านข้านึกจะบุกก็บุกได้หรือไร?” มันกลอกตา มองพวกเขาที่กำลังกุมหน้าอกทั้งสีหน้าตกตะลึง ชัดเจนว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกดีดออกมา
มันจึงส่ายหน้าและบอกว่า “นายท่านกำลังบรรลุขั้น เขาบรรลุขั้นแตกต่างจากพวกเจ้า เขาเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณ อีกทั้งจะพูดอย่างไรดี…”
อสูรกลืนเมฆาคิดเล็กน้อย ยังไม่พูดเรื่องสัตว์ในพันธสัญญาของนางเป็นสัตว์เทวะโบราณออกมา เดาว่าท้องฟ้าแปรปรวนที่เกิดจากการบรรลุระดับกำเนิดวิญญาณครั้งนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับหงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณของนายท่านที่บำเพ็ญฌานอยู่ในห้วงมิติด้วย
ถึงอย่างไรหงส์ไฟก็บำเพ็ญฌานมานานเพียงนี้ ว่ากันว่าจวนจะทะลวงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว อาจเป็นโอกาสนี้พอดีกระมัง!
หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของอสูรกลืนเมฆาก็โล่งใจ
ที่แท้เป็นเพราะเฟิ่งจิ่วบรรลุขั้นถึงได้เกิดความเคลื่อนไหวมากมาย แม้ไม่รู้ว่าทำไมบรรลุระดับกำเนิดวิญญาณถึงได้เอิกเกริกเช่นนี้ แต่เห็นท่าทางของอสูรกลืนเมฆาก็รู้ว่าเฟิ่งจิ่วไม่มีอันตรายถึงชีวิต จึงค่อยวางใจลงได้
ทว่าพลังแห่งฟ้าดินที่ล้นหลามจากการบรรลุขั้นของเฟิ่งจิ่วทรงพลังเกินไป ทุกคนในป่าที่เดิมทีเคยชินกับการบรรลุขั้นที่นี่แล้วก็ตกตะลึงกันอีกครั้ง เพราะเห็นว่าความเคลื่อนไหวไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ครั้งนี้พวกเขาแต่ละคนจึงเรียกพลังตรงมา
“บรรลุขั้นกันไม่ขาดสาย ที่แห่งนี้ต้องมีสมบัติอะไรแน่!”
“จริงด้วย! มิเช่นนั้นก็ไม่น่าบรรลุขั้นกันเป็นระยะๆ อีกอย่างที่นั่นวางค่ายกลและเขตอาคมไว้ เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าเป็นขุมทรัพย์!”
“ครั้งนี้จำต้องทำลายค่ายกลและเขตอาคม ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลย!”
ผู้ฝึกตนแต่ละฝ่าย กลุ่มผู้ฝึกตนไร้สำนัก และกองกำลังของตระกูลในป่ารอบนอกรวมตัวกันอย่างน้อยๆ หลายสิบกอง ยามนี้ล้อมเข้าจู่โจมมาจากทั่วทุกแห่ง พยายามจะทำลายค่ายกลของที่นี่ และทำลายเขตอาคมให้เห็นกันอย่างชัดเจน
ความเร็วของการทะลวงระดับกำเนิดวิญญาณของเฟิ่งจิ่ว ไม่รู้ว่าฟ้าผ่าสองสามครั้งก็จบเรื่องตามปกติเหมือนพวกต้วนเยี่ยหรือไม่ แต่ชั้นเมฆบนฟ้ายังไหลพล่าน เฟิ่งจิ่วกำลังดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้อาศรมเป็นดั่งวังวนที่ไร้ก้นบึ้ง ดูดกลืนกลิ่นอายพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าไป
“เฮือก! แรงดึงดูดแข็งแกร่งนัก ต้องมีสมบัติอะไรข้างในเป็นแน่!”
“กลิ่นอายพลังวิญญาณในอากาศมุ่งไปข้างในหมดเลย!”
“สวรรค์! พวกเจ้าดูเร็ว เกิดเรื่องอะไรกัน? ทำไมต้นไม้แถวนี้ถึงเหี่ยวเฉารวดเร็วเช่นนี้?”
เมื่อทุกคนที่เร่งรุดไปที่นั่นเห็นต้นไม้ในป่าเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ลมพัดครั้งหนึ่งก็โรยราไปเป็นแถบ แต่ละคนประหลาดใจเป็นที่สุด เกิดมาเพิ่งเคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก…
………………………………………………….
ตอนที่ 1160 สถานการณ์เปลี่ยนไป
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ พลังชีวิตของต้นไม้พวกนี้…”
ทุกคนมองต้นไม้ในป่าอย่างสั่นสะท้าน ถึงขั้นแม้แต่พืชหญ้าที่เติบโตบนพื้นดิน เวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและเหี่ยวเฉาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับโดนสูบพลังชีวิตออกไป จึงแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว
ป่าไม้ละแวกนี้ที่เคยเขียวขจีก็เปลี่ยนไปเป็นป่าผีสิง เพราะโดนสูบพลังชีวิตและดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณ ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนในป่าที่กำลังตระหนกตกใจรู้สึกเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
ป่าไม้กว้างใหญ่ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นเช่นนี้ได้? คนในค่ายกลเขตอาคมกำลังทำอะไรกันแน่ ถึงทำให้กลิ่นอายพลังวิญญาณกับพลังชีวิตในผืนป่าถูกดึงไปจนหมด น่ารังเกียจเสียจนไม่อาจน่ารังเกียจได้อีกจริงๆ!
นี่หมายจะตัดขาดทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของพวกเขา ทำให้ปักหลักอยู่รอบนอกต่อไปไม่ได้ และกำจัดพวกเขาเสียให้สิ้นซาก!
ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เช่นเดียวกัน พวกเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด จะต้องหยุดคนคนนั้นให้ได้!
ทุกคนนึกถึงข้อนี้ จึงเร่งความเร็วมาที่ด้านนอกค่ายกล ผู้ฝึกตนเกือบสองร้อยกว่าคนล้อมที่นี่ไว้ ครั้นเห็นสภาพท้องฟ้าเปลี่ยนไป พื้นดินเกิดลมพัดกระโชก กลิ่นอายพลังวิญญาณในอากาศหลั่งไหลไปข้างในอย่างรวดเร็ว แม้แต่ต้นไม้ก็กำลังแห้งเฉา ท่ามกลางพวกเขามีคนส่งเสียงตะโกนลั่น
“ใครรู้เรื่องค่ายกลบ้าง ใครรู้เรื่องค่ายกลจงออกมา ทุกคนร่วมแรงกัน จะต้องทำลายค่ายกลนี้ได้แน่ ดูเสียหน่อยว่าด้านในนั้นใครกำลังล้างผลาญพลังชีวิตและทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของที่นี่!”
คนที่ตะโกนเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด เสียงของเขาดังก้องไปโดยรอบ ลอยเข้าหูของทุกคนรอบข้างอย่างชัดเจน แน่นอนว่าดังไปถึงหูพวกต้วนเยี่ยข้างในเขตอาคมด้วย
เมื่อคนด้านนอกที่รู้เรื่องค่ายกลเหล่านั้นทยอยกันเดินออกมา ภายในเขตอาคม พวกของต้วนเยี่ยก็ตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนหวั่นใจและเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ทำอย่างไรดี เหมือนจะเรียกคนมาไม่น้อยเลย จะมาจัดการพวกเราหรือไม่?” หนิงหลางถามอย่างวิตกเล็กน้อย
“เฟิ่งจิ่วกำลังบรรลุขั้น ไม่ว่าอย่างไรพวกเราต้องคอยคุ้มกัน ให้เขาบรรลุขั้นได้อย่างสงบใจ หากคนพวกนั้นกล้าเข้ามา เจอใครก็ฆ่าเสียเลย!” ต้วนเยี่ยกล่าวอย่างดุร้าย ก่อนจะเรียกสัตว์พันธสัญญาออกมาและเตรียมพร้อมต่อสู้
“ถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไร พวกเราต้องคุ้มกันเฟิ่งจิ่วอย่างดี ให้เขาบรรลุขั้นได้อย่างสบายใจ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำและจะต้องทำ!” ซ่งหมิงกล่าวบ้าง มือกุมบนกระบี่ยาวแล้ว
ส่วนลั่วเฟยมองต้นไม้รอบๆ ในเขตอาคมอย่างนิ่งอึ้ง ตกตะลึงเล็กน้อย ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะพึมพำว่า “รอบก่อนตอนที่ได้รับข้อมูลมาบอกว่าเฟิ่งจิ่วเข้าไปฝึกวิชาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช้พลังวิญญาณและพลังชีวิตด้านในไปหมดสิ้น ตลอดมาข้าคิดว่าพวกเขาตื่นตูมทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต แต่พอเห็นภาพตรงหน้า ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว”
ต้นไม้เบื้องหน้าพวกนั้นกำลังแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังชีวิตเหมือนโดนสูบออกไป กลิ่นอายพลังวิญญาณก็เช่นกัน ทั้งหมดหลั่งไหลไปทางอาศรม ภาพเช่นนั้นช่างน่าเหลือเชื่อนัก หากไม่เห็นด้วยตาตนเองก็ไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ
เพียงแต่ทำไมคนอื่นบรรลุขั้นไม่เป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วบรรลุขั้นกลับต่างออกไป? ตอนข้ามขั้นวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักศึกษาก็เป็นเช่นนี้ เวลานี้บรรลุเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่นี่ยังเป็นเหมือนกัน หรือจะบอกว่าในร่างกายของเขามีความลับอะไร? มิเช่นนั้นทำไมถึงผิดแผกได้น่ากลัวเช่นนี้?
“ปังๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างนอก พวกเขาสามสี่คนมองหน้ากัน
………………………………………………….