เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1161 ไม่อาจควบคุม + ตอนที่ 1162 ขาดแค่ครั้งสุดท้าย
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1161 ไม่อาจควบคุม + ตอนที่ 1162 ขาดแค่ครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 1161 ไม่อาจควบคุม + ตอนที่ 1162 ขาดแค่ครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 1161 ไม่อาจควบคุม
“น่าจะเป็นพวกผู้ฝึกตนข้างนอกคิดร่วมมือกันทำลายค่ายกล” ซ่งหมิงเอ่ยขึ้นมา สีหน้าจริงจังเล็กน้อย
แม้พวกเขาอยู่ระดับหลอมแก่นพลัง แต่บรรลุระดับหลอมแก่นพลังมาเป็นเวลาไม่นาน หากสู้กันจริงๆ ก็สำแดงกำลังต่อสู้ที่ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังพึงมีออกมายากยิ่ง
อีกทั้งคนข้างนอกนั่น พวกเขามีแค่สี่คนกับสัตว์สองตัว หากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ต่อให้เพิ่มมาอีกสักสองสามคนก็ต้านทานการล้อมโจมตีของหลายร้อยคนข้างนอกไม่ไหว
“คุ้มกันภายในเขตอาคมให้มั่นพอ” ต้วนเยี่ยกล่าว มองพวกเขาและเอ่ยว่า “เฟิ่งจิ่วเคยกำชับว่าอย่าออกจากเขตอาคม”
“ข้ากลัวว่าเขตอาคมจะต้านไว้ไม่ได้นานเพียงนั้น” หนิงหลางพูดพลางเดินไปเดินมารอบๆ มองไปทางอาศรมอยู่บ่อยครั้ง นึกแปลกใจว่าทำไมเมฆลมบนฟ้าปั่นป่วนนานเพียงนั้นแล้ว สายฟ้าแรกกลับยังไม่ผ่าลงมาเลย?
“ต้านไม่ไหวก็ต้องต้าน”
ลั่วเฟยกล่าว “เขตอาคมต้านไม่ไหว พวกเราก็เข้าขวาง แม้พวกเรามีแค่สี่คน แต่พวกเรามีสัตว์เทวะอย่างกลืนเมฆาและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างสิงโตไฟ หากอินทรีกลับมาได้เช่นกันอาจจะยิ่งดีกว่า จะยื้ออย่างไรก็ต้องยื้อไว้ ข้าเชื่อว่าขอแค่พวกเราร่วมมือกันจะสามารถยื้อให้เฟิ่งจิ่วบรรลุขั้นสำเร็จลุล่วงได้แน่”
“ถูกต้อง! ต้านไม่ไหวก็ต้องต้านไว้!” พวกเขาเอ่ยพลางสบตากัน แล้วยื่นมือไปจับประสานกัน “นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องทำ!”
เฟิ่งจิ่วคุ้มกันพวกเขา ปกป้องพวกเขา ตอนนี้ถึงคราพวกเขาปกป้องเฟิ่งจิ่วบ้างแล้ว!
อสูรกลืนเมฆานั่งหมอบอยู่ข้างๆ พลางเงยหน้ามองโดยไม่พูดอะไร ทำแค่มองพวกเขา แล้วหันกลับไปมองท้องฟ้า รวมถึงอาศรมที่กำลังดูดกลิ่นอายพลังวิญญาณรอบๆ มา
ไม่รู้ว่านายท่านทะลวงขั้นครั้งนี้จะต่อเนื่องไปนานอีกเพียงใด?
คนนอกไม่รู้ว่า ยามนี้เฟิ่งจิ่วไม่เพียงมีพลังวิญญาณเอ่อล้นบนร่าง ร่างกายก็กำลังดูดกลืนพลังชีวิตของต้นไม้โดยรอบ แม้แต่หงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณที่บำเพ็ญฌานอยู่ในห้วงมิติ ตอนนี้ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
นี่ทำให้เหล่าไป๋ที่เฝ้าอยู่ข้างในเห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่หลบไปไกลๆ อีกด้าน คอยสังเกตการณ์เงียบๆ
ภายในห้วงมิติ หงส์ไฟที่ขดตัวราวทารกแรกเกิดขยับอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ กลิ่นอายพลังวิญญาณข้างนอกที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของมันเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
คนข้างนอกไม่มีทางรู้เรื่องนี้เลย
เม็ดบัวเขียวตรงจุดตันเถียนของเฟิ่งจิ่วที่กำลังนั่งขัดสมาธิในอาศรมแผ่ประกายสีเขียวพลางหมุนขยับ ดูดพลังชีวิตด้านนอกอย่างรวดเร็วและกลืนลงไปด้วยความตะกละตะกลาม
นั่นเป็นการดูดซับที่ไม่อาจควบคุมได้ แม้แต่เฟิ่งจิ่วก็หยุดไม่ได้ มิเช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้ตนเองรับมาตลอด ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหญ่โตเพียงนี้
เพียงแต่ตอนแรกเริ่มทะลวงขั้น ร่างกายดูดซับกลิ่นอายพลังวิญญาณและพลังชีวิตข้างนอกโดยอิสระ จนกระทั่งทั้งหมดไหลเข้าสู่ร่างกาย เฟิ่งจิ่วลองทำดูจึงค่อยๆ ควบคุมได้แล้ว
แต่แม้เป็นเช่นนี้ พลังชีวิตที่โดนดูดซับพวกนั้นกลับไม่มีทางส่งกลับไปได้อีก เพราะต้นไม้เหล่านั้นสูญสิ้นพลังชีวิตไปแล้ว ที่เหลืออยู่มีแค่ต้นไม้แห้งตายเท่านั้น
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าครั้งแรกวาดผ่านฟากฟ้า ผ่าลงมาจากฟ้าสูง ความแข็งแกร่งของพลานุภาพสะเทือนจนคนด้านนอกที่กำลังทำลายค่ายกลสะดุ้งตกใจและพากันหมอบลง
ทั้งพื้นดินเหมือนแตกออกมา พวกเขาได้ยินเสียงแกรกดังสนั่นลอยมาจากด้านในค่ายกลเขตอาคมรางๆ คล้ายว่ามีบางอย่างแตกออกจากกัน…
ไม่ต้องพูดถึงว่าคนข้างนอกตกใจ แม้แต่พวกของต้วนเยี่ยด้านในก็เช่นกัน
………………………………………………….
ตอนที่ 1162 ขาดแค่ครั้งสุดท้าย
ครั้นหันกลับไปมอง ก็เห็นเพียงว่าอาศรมถูกผ่าเป็นรอยแยก รอยแยกนั้นขยายออกไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งหินก้อนยักษ์กลิ้งลงมา
“เฮือก!”
พวกเขาทั้งหลายสูดลมหายใจ ตื่นตระหนกเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เช่นนี้เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างในจะไม่เป็นอะไรหรือ เขายังไม่ออกมา หากอาศรมถล่มลง เขาจะโดนฝังอยู่ข้างในทั้งเป็นหรือไม่?”
“พูดอะไรของเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร?” หนิงหลางถลึงตามองลั่วเฟย แต่ฝ่ามือมีเหงื่อจากความตึงเครียดไหลซึมเพราะเหตุนี้
พวกเขาอารักขาอยู่ในนี้พลางเฝ้ารอ แทบจะร้อนรนยิ่งกว่าตอนพวกเขาทะลวงขั้นกันเองเสียอีก ด้านหนึ่งต้องกังวลว่าคนข้างนอกจะทำลายค่ายกลบุกเข้ามา อีกด้านก็หวั่นใจไม่รู้ว่าเฟิ่งจิ่วจะเกิดเรื่องอะไรหรือไม่
ถึงอย่างไรระดับหลอมแก่นพลังก็ยังมีคนบรรลุขั้นได้ โอกาสสำเร็จก็มากเช่นกัน แต่ระดับกำเนิดวิญญาณไม่ใช่บอกว่าจะบรรลุขั้นก็บรรลุได้ โชคดีว่าเฟิ่งจิ่วเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยา น่าจะซ่อนสิ่งของที่ช่วยเหลือได้ไว้บ้าง มิเช่นนั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นต้องบรรลุหนึ่งขั้นตายหนึ่งคนเป็นแน่
สายฟ้าระดับกำเนิดวิญญาณไม่ใช่จะรับได้ง่ายเพียงนั้น หากปราศจากตัวยาหรือยาอายุวัฒนะ ใครจะกล้าบุ่มบ่ามพยายามทะลวงระดับกำเนิดวิญญาณ?
ทางด้านนอก คนพวกนั้นร้อนใจจนเดินวนไปมา คิดว่าจะรีบเข้าไปหลังจากที่คนข้างในเรียกสายฟ้าครั้งที่สามได้ มิเช่นนั้นขืนอีกฝ่ายบรรลุขั้นสำเร็จ พละกำลังเพิ่มพูนแล้วจะไม่เป็นผลดีนักสำหรับพวกเขา
เพียงแต่ยิ่งอยากให้เร็วขึ้น ก็ยิ่งไม่อาจเข้าค่ายกลได้ บวกกับค่ายกลที่เฟิ่งจิ่ววางไว้เป็นค่ายกลซ้อนค่ายกล แต่ละค่ายกลเชื่อมต่อกัน จะแก้ง่ายเพียงนั้นได้อย่างไร?
หลังจากสายฟ้าครั้งที่หนึ่งผ่าลงมา จนถึงช่วงพลบค่ำสายฟ้าครั้งที่สองก็ยังไม่ผ่า ทำให้ผู้ฝึกตนข้างนอกนึกยินดีในใจ เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลงก็เร่งสั่งให้คนเตรียมคบเพลิงไว้ ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด หวังว่าจะหาหนทางทำลายค่ายกลได้
ในตอนนี้ เวลาผ่านมาแล้วทั้งวัน พวกเขาทำลายไปสองค่ายกลติดกัน แต่นี่เป็นค่ายกลซ้อนค่ายกลและในค่ายกลยังมีกลไกกับดักอีก ทำให้ยากจะไหวตัวทัน ยิ่งไปถึงข้างในความเร็วในการทำลายค่ายกลยิ่งช้าลง
“เปรี้ยง!”
เวลาเที่ยงคืน ขณะที่ทั้งป่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายแปลกประหลาด ผู้ฝึกตนที่ทำลายค่ายกลเหล่านั้นกำลังพักผ่อนด้วยทนความเครียดรุนแรงไม่ไหว สายฟ้าสายหนึ่งก็วาดผ่านผืนฟ้ามืดมิด และผ่าลงมาอีกครั้งเสียงดังสนั่น
สายฟ้าครั้งที่สองผ่าลงมา ทำให้ทุกคนที่กำลังพักตกใจจนโดดผลุงขึ้นมาจากบนพื้น ขยี้ตาแล้วอาศัยคบเพลิงพยายามทำลายค่ายกลอีกครั้ง
แต่ในค่ำคืนมืดสนิทจะทำลายค่ายกลช่างไม่สะดวกยิ่งนัก ไม่เพียงทำลายไม่สำเร็จ กลับมีคนตายไปไม่น้อยด้วยเพราะพลาดไปโดนกลไกในค่ายกล ทำให้สุดท้ายคนเหล่านั้นจำต้องหยุดลงอย่างไม่ยอม
เมื่อไร้แสงสว่าง ไม่มีทางทำลายค่ายกลได้เลย พวกเขาเองก็ทำลายค่ายกลโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เสียสละเพียงนั้น ถึงจะยอมอุทิศชีวิตของตนเองเพื่อคนอื่น
ภายในเขตอาคม พวกต้วนเยี่ยสี่คนไม่กล้าหลับตา พวกเขาคุ้มกันอยู่ในเขตอาคม นับเสียงฟ้าร้อง ยามสายฟ้าครั้งที่สองผ่าลงมาแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้
สายฟ้าครั้งที่สองแล้ว ขาดอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เหลือเพียงสายฟ้าครั้งสุดท้าย
เดิมทีนึกว่าการทะลวงระดับกำเนิดวิญญาณของเฟิ่งจิ่วจะช้ามาก ถึงขั้นใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนถึงจะบรรลุขั้นสำเร็จ แต่ยามนี้สายฟ้าครั้งที่สองผ่าลงมาแล้ว เช่นนั้นก็รอแค่ครั้งสุดท้าย
พวกเขาเชื่อว่าคงไม่ต้องรอนานนัก พอนึกถึงตรงนี้ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
………………………………………………….