เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1169 งูยักษ์มอบของขวัญ + ตอนที่ 1170 ทำไมถึงเป็นเจ้า
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1169 งูยักษ์มอบของขวัญ + ตอนที่ 1170 ทำไมถึงเป็นเจ้า
ตอนที่ 1169 งูยักษ์มอบของขวัญ + ตอนที่ 1170 ทำไมถึงเป็นเจ้า?
ตอนที่ 1169 งูยักษ์มอบของขวัญ
ด้วยเหตุที่ไม่ง่วง พวกเขาจึงคุยกันอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฟ้าสว่างพวกเขาถึงค่อยเตรียมตัวออกเดินทาง คิดว่าจะออกไปจากที่นี่ก่อน
ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมจะขี่กระบี่จากไป กลับพบว่ามีงูยักษ์โผล่มาตรงหน้าพวกเขาห่างไปสามจั้งเมื่อใดไม่รู้ กำลังแหงนหน้าแลบลิ้นมองพวกเขา
“อ๊าก! งู!”
หนิงหลางสะดุ้งตกใจและร้องอุทาน เสียงร้องตกใจทำลายความสงบเงียบในป่ายามเช้า ทำให้คนที่เหลือตื่นตัวในพริบตา
“งูตัวนั้นที่เจ้าบอกใช่หรือไม่?” ต้วนเยี่ยมองเฟิ่งจิ่วพลางถาม
“ทำไมงูนี่ถึงไล่ตามเจ้าตลอดเลย?” ซ่งหมิงถามอย่างสงสัย
“แต่ว่างูตัวนี้มาตั้งแต่เมื่อไร นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะไม่เห็นกันสักคน?” ลั่วเฟยเผยสีหน้าประหลาดใจ หากงูตัวนี้จะโจมตีแล้วพวกเขาไม่รู้ เช่นนั้นไม่ใช่ว่า…
เฟิ่งจิ่วก็รู้สึกว่าแปลกอยู่บ้าง ทำไมงูยังไม่โจมตีพวกเขาอีก? อีกอย่างไม่นึกว่าจะดักซุ่มห่างออกไปสามจั้งโดยไม่ส่งเสียงสักนิด พวกเขาชะล่าใจเกินไปแล้ว
“ฟ่อๆ!”
หลังจากเห็นเฟิ่งจิ่วมองมาหา งูตัวนั้นส่งเสียงขู่ฟ่อๆ แล้วขยับตัวเล็กน้อยพลางมุ่งหน้าตรงมา
“ไปเร็ว งูตัวนี้มีพิษร้ายแรง” เฟิ่งจิ่วส่งสัญญาณให้พวกเขาขี่กระบี่ขึ้นฟ้า หลบห่างจากงูตัวนี้
ได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ขี่กระบี่ขึ้นฟ้า มารอเฟิ่งจิ่วอยู่กลางอากาศ เฟิ่งจิ่วก็โยนขนนกตามหลังไป หลังจากขึ้นนั่งขนนกบินก็เตรียมตัวออกเดินทาง ใครจะรู้ว่างูตัวนั้นกลับพลันพุ่งขึ้นมา หางของมันตบลงพื้น ไม่นานนักปากก็คายของออกมาไม่น้อย
สิ่งของพวกนั้นมีของจำพวกถุงฟ้าดิน หยกประดับ และกริช มีสมบัติล้ำค่าที่เปล่งแสงบางส่วน ทั้งเล็กทั้งใหญ่วางกองระเกะระกะตรงหน้า มันใช้หัวงูดันของ จากนั้นมองเฟิ่งจิ่วบนท้องฟ้าพร้อมส่งเสียงฟ่อๆ
“ว้าว! พวกนี้เป็นของมีค่าทั้งนั้นเลย!” หนิงหลางดวงตาเป็นประกาย มองเฟิ่งจิ่วและถามว่า “หรือมันจะมอบของพวกนี้ให้เจ้า?”
พวกของต้วนเยี่ยข้างๆ กันมองไปทางเฟิ่งจิ่ว นึกไม่ถึงว่างูจะคายของพวกนั้นมาให้เขา? ช่างน่าแปลกนัก
เฟิ่งจิ่วอึ้งไปเช่นกัน “ข้าไม่รู้! ครั้งก่อนมันพางูตัวเล็กฝูงหนึ่งมาไล่ตามข้า! แต่ครั้งนี้รอบๆ เหมือนจะมีมันแค่ตัวเดียว ถุงฟ้าดินอะไรพวกนั้น เดาว่าคงได้มาจากคนที่โดนมันกิน แต่ทำไมถึงเอามาให้ข้า ข้อนี้ข้าไม่รู้จริงๆ”
“เช่นนั้นจะลงไปเก็บไหม?” หนิงหลางเสนอ
“ลงไป? เจ้าไม่กลัวโดนงูกินหรือไร?” ลั่วเฟยมองเขาพลางกล่าว
“ไม่น่ากระมัง? เจ้าดูท่าทางของมันไม่เหมือนจะสู้กับพวกเราเลย หนำซ้ำพวกเจ้าดูสิ! กองสมบัติราวภูเขาเล็กๆ นั่น ขนาดภายนอกยังมากมายเพียงนั้น ไม่รู้ว่าในถุงฟ้าดินจะมีอีกเท่าไร! สมบัติมาส่งถึงตรงหน้า พวกเราไม่ไปเก็บก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไร!”
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็นั่งขนนกบินลดระดับลงมาเล็กน้อย มองงูยักษ์พลางเอ่ยถามว่า “ให้ข้าหรือ?”
“ฟ่อ!”
งูยักษ์ร้องฟ่อและพยักหน้า เหมือนจะฟังคำพูดของเฟิ่งจิ่วเข้าใจ
ถูกต้องแล้ว อสูรศักดิ์สิทธิ์เบิกปัญญาเรียบร้อย ฟังเข้าใจก็เป็นเรื่องปกติ
“ให้ข้าจริงหรือ?”
เธอแปลกใจเล็กน้อย ถามไปอีกครั้ง เธอย้ายต้นผลไม้วิญญาณกลับเข้าห้วงมิติแล้ว งูยักษ์ตัวนี้ก็คิดจะกินเธอมาตั้งนาน ทำไมจู่ๆ ถึงใจดีเพียงนี้?
“ฟ่อๆ”
มันพยักหน้าอีกครั้งเพื่อแสดงความจริงใจ ซ้ำยังหมอบลงและถอยห่างออกไป ขณะที่จ้องมองเฟิ่งจิ่ว
………………………………………………….
ตอนที่ 1170 ทำไมถึงเป็นเจ้า?
เมื่อเห็นเช่นนี้ เธอถึงจะลงมาจากขนนกบิน เดินมาตรงหน้าสมบัติกองนั้น เพียงสะบัดแขนเสื้อก็เก็บของทั้งหมดเข้าห้วงมิติไป เวลานี้เห็นงูยักษ์ตบหาง หมอบลงร้องฟ่อๆ ท่าทางเหมือนอยากจะเข้ามาแต่กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจหนีไป เธอก็อดหัวเราะไม่ได้
“ของของเจ้าข้าจะเก็บไว้ เจ้าดีมาข้าดีตอบ จะให้อะไรเจ้าด้วยแล้วกัน!” เธอโยนยาขวดหนึ่งไปให้ งูยักษ์รับโดยกัดไว้ในปาก
“ยาในขวดนี้จะช่วยให้เจ้าทะลวงระดับสัตว์เทวะได้ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนเล็กน้อยสำหรับเจ้า” สิ้นเสียง เธอถึงค่อยเหยียบขนนกบินกลับไปข้างคนที่เหลือ
พวกเขาเห็นงูยักษ์เบื้องล่างแหงนหน้าส่ายหางอยู่ตรงนั้น ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังบอกลาพวกเขา ในใจก็รู้สึกแต่ว่าแปลกและประหลาดใจ
งูเป็นสัตว์เลือดเย็น เป็นพวกที่ไร้ความรู้สึกที่สุด งูทำให้คนรู้สึกว่าดุร้ายกระหายเลือดและเย็นชาไร้ปรานี ไม่นึกว่างูยักษ์พิษร้ายแรงที่มีก้อนแดงใหญ่บนหัวจะมอบของขวัญให้พวกเขา
“เอาละ พวกเราไปกันเถอะ! อยู่ที่นี่นานไปจะไม่เหมาะ” เฟิ่งจิ่วเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะพาพวกเขาบินไปทางด้านนอกป่า
เทียบกับตอนแรกที่เข้ามาแล้วยังแยกทิศทางไม่ได้ ไม่รู้สถานที่ชัดเจน พวกเขาที่อย่างไรเสียก็ใช้ชีวิตอยู่ในนี้มาเกือบหนึ่งปีคุ้นเคยกับเส้นทางออกไปเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ตอนเข้ามาเป็นเพียงระดับสร้างรากฐาน หนึ่งปีออกไปกลับเป็นผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลังแล้ว แค่คิดก็ตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก เดาว่าหากพวกเขากลับถึงบ้าน ครอบครัวเห็นว่าพละกำลังของพวกเขาพัฒนาขึ้นจะต้องดีใจมากแน่
พวกเขาโอบกอดความรู้สึกปลาบปลื้มขี่กระบี่บินออกไป ทว่าเมื่อพ้นป่าผืนนี้แล้วมาถึงป่าภูตต้นไม้ที่บินไม่ได้ ยังไม่ทันลงมาจากกลางอากาศ เฟิ่งจิ่วก็ส่งเสียงร้อง
“เป็นอะไรไป?” คนอื่นข้างๆ เอ่ยถาม
“พวกเจ้าดูคนคนนั้นข้างล่าง คุ้นๆ ใช่หรือไม่?” เธอให้สัญญาณพลางชี้ไปยังร่างสะบักสะบอมซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาด้านล่างตรงจุดที่สองป่ามาบรรจบกัน
“คุ้น? พวกเราไม่มีคนรู้จักข้างในนี้ เดาว่าเป็นศัตรูเสียมากกว่า” ลั่วเฟยกล่าวขณะมองไปข้างล่าง เห็นว่าร่างนั้นสกปรกมอมแมมไปหมด ยังขยับได้ แต่เหมือนจะบาดเจ็บและอยู่ตรงนั้นไปแบบนั้น
“นั่นใคร?” หนิงหลางเอ่ยถาม มองคนข้างล่างนั้นแต่ว่าจำไม่ได้
“ลงไปดูกันเถอะ” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบ ขนนกบินก็พุ่งลงจากกลางฟ้าแล้ว พริบตาเดียวก็มาถึงด้านล่างก่อนจะลงเดินไปทางหุบเขา
คนที่หลบซ่อนในหุบเขาเหมือนรู้สึกได้ว่ามีคนมา แต่เขาไม่ขยับและไม่หนี ทำเพียงนั่งพิงโคลนพลางแทะเปลือกไม้ไปเช่นนั้น
เฟิ่งจิ่วเดินไปใกล้ทีละก้าวๆ ตอนที่ไปถึงตรงนั้นและเห็นเขา ก็ตกใจเล็กน้อยทันที “เป็นเจ้าเอง?”
เขาเป็นทหารรับจ้างระดับหลอมแก่นพลังที่สำรวจเส้นทาง และเป็นคนที่เคยพูดช่วยพวกเขา แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? ซ้ำยังหมดสภาพเช่นนี้?
“เอ๋? เจ้าคือทหารรับจ้างคนนั้นนี่!” หนิงหลางจำเขาได้เช่นกัน จึงร้องอุทาน “ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้?”
ต้วนเยี่ยกับลั่วเฟยได้ยินก็จำได้แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าทหารรับจ้างคนนั้นจะกลายเป็นเช่นนี้ นี่พบเจอเรื่องอะไรมา? อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลัง ทำไมถึงสะบักสะบอมเช่นนี้ได้?
ทหารรับจ้างผู้นั้นเคี้ยวเปลือกไม้เงยหน้ามองพวกเขา ดวงตาที่สงบนิ่งดุจสายน้ำฉายแววไม่คาดคิด “ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้า?”
“ขาเจ้าบาดเจ็บรึ?” เฟิ่งจิ่วถาม ทว่าไม่รอให้ทหารรับจ้างเอ่ยปากก็บอกหลายคนข้างกายว่า “พาเขาออกมาก่อน ข้าจะดูแผลให้เขา”
………………………………………………