เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1171 ทหารรับจ้างที่ถูกทอดทิ้ง + ตอนที่ 1172 เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1171 ทหารรับจ้างที่ถูกทอดทิ้ง + ตอนที่ 1172 เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้
ตอนที่ 1171 ทหารรับจ้างที่ถูกทอดทิ้ง + ตอนที่ 1172 เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้
ตอนที่ 1171 ทหารรับจ้างที่ถูกทอดทิ้ง
“ระวังหน่อย พยายามอย่าขยับขาของเขา”
“ได้” พวกเขาขานรับ แล้วกระโดดลงไปช่วยกันพาทหารรับจ้างออกมา
ทหารรับจ้างเห็นเช่นนี้ก็ตกใจ ทำเพียงมองพวกเขาอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะหลุบสายตา
เมื่อเห็นพวกเขายกทหารรับจ้างมายังพื้นที่ราบ ให้เขานั่งพิงก้อนหินใหญ่ เฟิ่งจิ่วถึงค่อยเผยรอยยิ้มและเอ่ยว่า “ได้แล้ว เช่นนี้เป็นพอ”
เฟิ่งจิ่วหยิบอาหารกับน้ำจากห้วงมิติมายื่นให้เขา “เจ้ากินอะไรก่อน ดื่มน้ำให้ชุ่มคอหน่อย”
“ขอบคุณมาก” เขาเปิดริมฝีปากแห้งแตกกล่าวขอบคุณ แล้วยื่นมือไปรับอาหารกับน้ำมา ในใจประเดประดังไปด้วยความรู้สึกร้อยพัน
ระหว่างที่เขากินอาหาร เฟิ่งจิ่วตรวจดูแผลตามร่างกายให้เขา ตรงหลังแขนล้วนมีบาดแผล แม้จะไม่ลึก แต่เพราะจัดการไม่ถูกต้องบาดแผลจึงแย่ลง แผลตรงขาซ้ายของเขาสาหัสที่สุด ไม่เพียงกระดูกหักแต่ยังเนื้อเหวอะหวะ น่าจะโดนกรงเล็บสัตว์ป่าตะปบมา
“เจ้าบาดเจ็บไม่น้อยเลย โดยเฉพาะขาข้างนี้” เฟิ่งจิ่วเอ่ยขึ้นและหยุดมือลง เพราะเขายังกินอาหารอยู่
“ใช่ ตอนนี้ข้าได้แต่รอความตายอยู่ตรงนี้” เขายิ้มๆ แต่รอยยิ้มกลับมีความเศร้าสลดอยู่บางส่วน “ตายไปเลยอาจดีกว่า รอความตายอย่างช้าๆ เช่นนี้ ช่างตายเสียดีกว่าอยู่จริงๆ”
เขาถูกกองกำลังและสหายทอดทิ้ง เขาอยากถามพวกเขาจริงๆ ว่าทำไมไม่ให้เขาสมหวังเสียเลย? เช่นนั้นจะไม่ดีกว่าหรือ?
หัวหน้ากลุ่มที่เขาติดตามมาหลายปีเพียงนั้น พี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมามากมาย กลับทิ้งเขาที่บาดเจ็บและเดินไปไหนไม่ได้เอาไว้ เขาไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตไปทำไม?
เขารู้แจ้งว่าไม่ช้าก็เร็วตนเองจะถูกฆ่าตายที่นี่หรือโดนสัตว์ร้ายลากไป แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หิวโหย เขายังคงใช้กริชที่พวกนั้นทิ้งไว้ให้เฉือนเปลือกไม้กิน
ที่แท้มนุษย์ก็สามารถเห็นแก่ตัวเช่นนั้นได้ ที่แท้พี่น้องที่บอกว่าจะฝ่าฟันอันตรายและช่วยเหลือกันเป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้น ตอนเขาถูกกลุ่มทอดทิ้ง พี่น้องที่อดีตเขาเคยช่วยชีวิตไว้พวกนั้น ไม่มีใครออกมาพูดเพื่อเขาเลยสักคน
ภายใต้สถานการณ์ที่เขาเดินและสู้ต่อไม่ได้ พี่น้องที่สนิทสนมยิ่งในวันวานทำเพียงมองอย่างเฉยชา ถึงขั้นเก็บไปแม้แต่ถุงฟ้าดินติดตัวเขา
เหลือไว้แค่กริชขึ้นสนิมเล่มหนึ่ง เหอะๆ กริชขึ้นสนิมเล่มเดียว!
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนตอนเจอกันครั้งแรก ใบหน้าของเขาไม่เผยอารมณ์อะไร บนร่างไม่มีพลังชีวิตอีก มีแต่ความเย็นชา ความเศร้าโศก และกลิ่นอายที่สิ้นหวังหมดหนทางเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ถามว่าช่วงนี้เขาเจออะไรมาให้มากความ เฟิ่งจิ่วเพียงเอ่ยว่า “เจ้าทนหน่อย ข้าจะทำแผลให้เจ้า” จากนั้นค่อยให้สัญญาณพวกที่เหลือถอดเสื้อผ้าของเขาออก พร้อมทั้งกรีดกางเกงสกปรกนั่น เผยให้เห็นบาดแผลตรงต้นขา
“ลั่วเฟย หากิ่งไม้ให้เขากัดไว้” เธอสั่งโดยไม่เงยหน้า
“ไม่ต้อง ความเจ็บแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก” เขาปฏิเสธ แล้วบอกกับเฟิ่งจิ่วว่า “ข้าทนไหว”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็มองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นถึงจะพยักหน้าและหยิบมีดเล่มเล็กๆ มาตัดเนื้อที่เน่าเพราะอักเสบตรงแขนรวมถึงตรงแผ่นหลังให้เกลี้ยง ก่อนจะใช้ยาดองเหล้าทำความสะอาดแผล หลังจากโรยยาก็พันแผลให้
เมื่อทำแผลตรงแขนและหลังของเขาเรียบร้อย เฟิ่งจิ่วก็จัดการแผลตรงต้นขา ตรงนั้นนอกจากเป็นแผลแล้วยังกระดูกหัก ค่อนข้างเป็นปัญหา
ทหารรับจ้างเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงทำแผลด้วยท่าทางชำนิชำนาญก็ตกใจ ถามว่า “เจ้าคือภูตหมอรึ?”
………………………………………………….
ตอนที่ 1172 เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้
“ไม่เหมือนหรือ?”
“เหมือนสิ” เขามองเฟิ่งจิ่วกำลังทำแผลโดยไม่เงยหน้า กล่าวว่า “ท่าทางของเจ้าชำนาญมาก”
“อาจเพราะข้าบาดเจ็บหรือช่วยคนพันแผลบ่อย” ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วเงยหน้าขึ้นมา แล้วเผยรอยยิ้มให้เขา “แต่ข้าคงไม่ช่วยใครง่ายๆ และยังเป็นเดือดเป็นร้อนเพื่อคนอื่นอย่างเจ้าหรอก”
ทหารรับจ้างอึ้งไป รู้ว่าเด็กหนุ่มหมายถึงตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก แล้วตนเองออกหน้าปกป้องพวกเขา ระหว่างที่เขานิ่งอึ้งใจลอยเพราะคำพูดของเด็กหนุ่มก็พลันได้ยินเสียงดังกร๊อบ เขาร้องเสียงอู้อี้ เม็ดเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก
“เอาละ กระดูกที่เคลื่อนไปช่วยเจ้าต่อเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะใส่ยาและดามไว้” เธอเอ่ยพลางเงยหน้ามองเขา เห็นว่าเขาฝืนทนเสียจนเหงื่อไหล ก็ยิ้มเอ่ยว่า “วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
คนอื่นข้างๆ ฉีกยิ้ม “เจ้าเนี่ยนะ โชคดีไม่เลวจริงๆ มาเจอพวกเราที่นี่ได้ มิเช่นนั้นถ้าไม่โดนสัตว์ร้ายลากไป เดาว่าคงเสียเวลาอยู่ที่นี่จนไม่เหลือแม้แต่ชีวิต”
“พอแล้ว อย่ามัวพูดพล่าม พวกเจ้าดูทีว่าในถุงฟ้าดินของใครมีเสื้อผ้าที่เขาใส่ได้บ้าง เอามาให้เขาสักชุด” หลังจากทำแผลอย่างรวดเร็ว เฟิ่งจิ่วก็ดามกระดูกขาที่หักของเขาให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปล้างมือด้านข้างด้วยน้ำสะอาด
“รูปร่างเขาใหญ่เพียงนี้ สวมเสื้อผ้าของพวกเราไม่ได้แน่ๆ แต่ในของที่พวกเราได้มามีเสื้อผ้าคนอื่นไม่น้อย น่าจะมีเสื้อผ้าที่เขาใส่ได้”
หนิงหลางพูดพลางหยิบถุงฟ้าดินมาควานหา ไม่นานนักก็เอาเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง เทียบรูปร่างของทหารรับจ้างบนพื้นแล้วยิ้มเอ่ยว่า “อืม ตัวนี้น่าจะได้”
“มานี่ๆ ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า” ลั่วเฟยลากเฟิ่งจิ่วไปด้านข้าง ก่อนจะกดเสียงเบาถาม “ตอนนี้จะทำอย่างไรกัน เพิ่มมาอีกคนแล้ว พวกเราจะอยู่ที่นี่รอรักษาแผลเขาจนหายแล้วไปด้วยกันหรือไม่?”
“อืม รอรักษาแผลตรงขาของเขาให้หาย แล้วไปด้วยกันเถอะ!” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าตอบ
“จะไปด้วยกันจริงหรือ? กระดูกหักไม่ใช่จะฟื้นสภาพกลับมาได้ในสองสามวันนะ” ลั่วเฟยมองทหารรับจ้างทางนั้น ถึงแม้คิดว่าเขาเหลือตัวคนเดียวน่าสงสารนัก แต่จะให้พวกเขาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขาสิบวันครึ่งเดือนก็…
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มๆ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ให้เขาพักก่อนสักหน่อย ไม่ถึงสามวันก็ไปได้แล้ว”
“หา? เป็นไปได้อย่างไร นั่นเขากระดูกหักนะ” ลั่วเฟยกล่าว แต่เห็นว่าหว่างคิ้วของเฟิ่งจิ่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ จึงกลืนความเคลือบแคลงในใจกลับลงไปทันควัน
ช่างเถอะ เขาบอกว่าได้ก็ได้สิ! อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้รีบไปกันเดี๋ยวนี้ อีกทั้งช่วงนี้ผู้แข็งแกร่งที่มาจากส่วนลึกพวกนั้นคงจากไปไม่ตามหาพวกเขาต่อแล้ว ต่อให้อยู่อีกสิบวันครึ่งเดือนก็รอได้
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพักผ่อนกันที่นี่ แม้ในห้วงมิติมีอาหาร แต่ถ้าอยากจะกินมื้อใหญ่กลับไม่เพียงพอ ในหมู่สี่คนสองคนไปเก็บกิ่งไม้ อีกสองคนไปล่าอาหารป่า ส่วนเฟิ่งจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นกับทหารรับจ้าง
“พวกเจ้าทะลวงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้ว?” ทหารรับจ้างมองเฟิ่งจิ่ว ภายในดวงตามีความประหลาดใจที่ไม่อาจปกปิด
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “ใช่! บรรลุขั้นช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ถึงได้วางแผนจะกลับ การฝึกวิชาครั้งนี้จบลงแล้ว” กล่าวจบ เฟิ่งจิ่วยังถามอีกว่า “เจ้าจะกลับไปสมาคมทหารรับจ้างหรือไม่?”
ได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขามองเด็กหนุ่มข้างกาย เงียบไปเนิ่นนานถึงเอ่ยว่า “เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ หากเป็นไปได้โปรดให้โอกาสข้าได้ตอบแทนเถอะ”
………………………………………………….