เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1173 ทหารรับจ้างปี้ซาน + ตอนที่ 1174 ใช้พลังชีวิตครั้งแรก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1173 ทหารรับจ้างปี้ซาน + ตอนที่ 1174 ใช้พลังชีวิตครั้งแรก
ตอนที่ 1173 ทหารรับจ้างปี้ซาน + ตอนที่ 1174 ใช้พลังชีวิตครั้งแรก
ตอนที่ 1173 ทหารรับจ้างปี้ซาน
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะเบาๆ พร้อมโบกมือ “ไม่ต้องหรอกๆ ข้าช่วยเจ้าเพราะเห็นแก่ว่าเจ้าเคยมีน้ำใจชี้แนะและเอ่ยปากปกป้อง ถือว่าหายกันเถอะ!”
ทหารรับจ้างหลุบตาลง ก้มหน้าและเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าไม่มีครอบครัวเพื่อนฝูง ตลอดมาติดตามกลุ่มทหารรับจ้างไปฝึกวิชาทั่วทุกที่ พี่น้องในกลุ่มอย่างน้อยครึ่งหนึ่งข้าเคยช่วยชีวิตพวกเขามาแล้ว แต่หลังจากข้าต่อสู้และเดินไม่ได้อีกกลับถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครออกมาพูดเพื่อข้าสักคน ถึงขั้นเก็บถุงฟ้าดินและของติดตัวของข้าไป เหลือแค่กริชขึ้นสนิมไว้ให้ข้า ข้าจะไม่กลับไปกลุ่มทหารรับจ้างอีกแล้ว”
เฟิ่งจิ่วเท้าคางฟังโดยไม่ได้พูดอะไร
“คุณชาย ให้ข้าติดตามท่านไปเถอะ! ข้าเป็นคนอารักขาได้ ปกป้องท่านได้ ข้าเป็นผู้ฝึกตนหลอมแก่นพลังขั้นกลาง พอบาดแผลหายดีก็จัดการคนจำนวนหนึ่งได้”
“ข้าไม่ขาดคนอารักขา ไม่ต้องให้ใครมาคุ้มกัน! หรือจะให้ข้าช่วยเจ้าถามพวกเขา?” เธอเอียงคอมองเขาพลางถาม
“คุณชายต่างหากเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้” เขานิ่งมองเฟิ่งจิ่ว ประหนึ่งว่ายอมรับอีกฝ่ายแล้ว
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดเล็กน้อย จิตใจของคนคนนี้ไม่เลวเลย ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเธอก็รู้แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ลงมาช่วยเมื่อเห็นว่าคนด้านล่างนี้เป็นเขา
แต่จะติดตามเธอหรือ? ข้างกายเธอไม่ขาดคนจริงๆ
“คุณชาย ข้าเชี่ยวชาญทักษะการสะกดรอยและสำรวจเส้นทาง ความสามารถสะกดรอยของข้ามีชื่อเสียงอยู่บ้างในหมู่ทหารรับจ้าง คุณชายพาข้าไปด้วย ไม่แน่ว่าวันหน้าข้าอาจช่วยเหลือคุณชายได้”
เฟิ่งจิ่วเคาะนิ้วมือที่กำลังเท้าคางบนใบหน้าเบาๆ พลางครุ่นคิด จากนั้นกล่าวว่า “เป็นคนของข้าต้องสาบานตน สิ่งที่ข้าทนไม่ได้ที่สุดคือการทรยศหักหลัง”
เขาได้ยินเช่นนี้ก็ระรื่นยินดี สองนิ้วพลันชี้ฟ้าสาบานตน ทำพันธสัญญานายบ่าว เมื่อลำแสงพุ่งเข้าในหว่างคิ้ว ทหารรับจ้างก็เอ่ยด้วยความเคารพ “จากนี้ไปคุณชายเป็นนายของข้าปี้ซานแล้ว”
“นายอะไรกัน?”
ลั่วเฟยกับต้วนเยี่ยเดินกลับมา ทั้งสองแบกหมูป่ามาด้วยตัวหนึ่ง หนิงหลางกับซ่งหมิงตามมาข้างหลัง
“ข้าจะรับเขาไว้” เฟิ่งจิ่วหันไปยิ้มให้ มองพวกเขาพลางบอก
“หา? เจ้ารับเขาไว้? ทำไมไม่รับพวกเราไปด้วยล่ะ?”
เมื่อหนิงหลางได้ยินคำพูดของพวกเขาก็วิ่งกลับมาทันที ทิ้งกิ่งไม้ไว้ข้างๆ แล้วเร่งฝีเท้ามาข้างกายเฟิ่งจิ่ว “เฟิ่งจิ่ว เจ้ารับพวกเราไว้เถอะ! พวกเราจะเป็นลูกน้องให้เจ้า”
“รับอะไรกัน ข้าคร้านจะดูแลเด็กๆ อย่างพวกเจ้า ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว ออกจากที่นี่ไปพวกเจ้าก็กลับสำนักศึกษาไปรายงานตัวด้วยตนเอง ข้ามีธุระต้องทำ! จะไม่พาพวกเจ้ากลับไป”
“หา? เจ้าไม่กลับไปด้วยกันหรือ” พวกเขาได้ยินแล้วก็พลันทำหน้าจะร้องไห้ นึกว่าจะกลับสำนักศึกษาด้วยกันเสียอีก!
“ไม่ละ ข้ามีเรื่องต้องรีบไปจัดการ” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย
“เช่นนั้นภายหน้าพวกเราจะไปหาเจ้าอย่างไร?”
“มาหาข้าทำไม หนึ่งปีมานี้ปัญหาที่เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าก่อให้ข้าน้อยนักหรือ? พวกเราไม่เจอกันได้ก็อย่ามาเจอกันจะดีกว่า” เธอยิ้มบอกอย่างเหมือนจริงเหมือนแกล้ง พลางโบกๆ มือและไม่บอกพวกเขาว่าไปหาเธอได้ที่ไหน
“หา? เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” พวกเขาเบิกตาโต
“แน่นอน หากวันหน้าพวกเจ้าไปแปดจักรวรรดิใหญ่ พวกเราอาจได้เจอหน้ากัน” ครั้นกล่าวถึงตรงนี้ เธอยิ้มเล็กน้อย มองทั้งสี่คนตรงหน้า “แต่หากพวกเจ้าไปไม่ได้ เช่นนั้นอย่าได้พูดว่าข้าจะพาพวกเจ้าไป และอย่าเอ่ยด้วยว่าพวกเรารู้จักกัน”
………………………………………………….
ตอนที่ 1174 ใช้พลังชีวิตครั้งแรก
พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็ถอนใจ นี่หวังว่าพวกเขาจะไปแปดจักรวรรดิใหญ่หรือ? แม้ตระกูลของพวกเขาก็มีความตั้งใจเช่นนี้ แต่ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอะไร วันนี้พอได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดถึง ในใจกลับมีความฮึกเหิมรางๆ แล้ว
“พวกเราควรเข้าไปสำนักศึกษาหนึ่งดารา เตรียมตัวไว้ถึงเวลาพิธีรับคนของสำนักหมอกดารา” พวกเขาเอ่ยขึ้น ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะรอไปรายงานตัวที่สำนักศึกษา จากนั้นกลับบ้านและค่อยไปสำนักศึกษาหนึ่งดารา
“อืม แค่นั้นก็หมดเรื่อง” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ “รีบๆ จัดการหมูป่าเสีย แล้วกินกันให้เรียบร้อย”
“ได้”
พวกเขาแบ่งงานร่วมมือกัน ไม่ทันไรก็จัดการย่างหมูป่าบนราวแขวน นั่งล้อมรอบกองไฟย่างเนื้อไปพลางพูดคุยไปพลาง จนกระทั่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายถึงจะหยิบมีดเล็กๆ มาแล่ ใช้ใบไม้ห่อไว้ก่อนส่งให้เฟิ่งจิ่วชิ้นหนึ่ง
“เจ้าชิมเสียหน่อย”
เฟิ่งจิ่วรับมาอย่างไม่เกรงใจ หั่นชิ้นเล็กมาลองกินดู ก่อนจะพยักหน้า “อืม แห้งดี อย่าย่างไหม้ล่ะ”
“มา ชิ้นนี้ให้เจ้า” หนิงหลางยื่นให้ปี้ซานชิ้นหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าติดตามเฟิ่งจิ่ว เช่นนั้นก็เป็นคนกันเองแล้ว ไม่ต้องเกรงใจเรา”
ปี้ซานกล่าวขอบคุณ แล้วรับไปกิน
“น่าแปลก เหมือนนกอินทรีตัวนั้นไปแล้วยังไม่กลับมา” หนิงหลางมองเฟิ่งจิ่ว “จะโดนคนจับไปหรือไม่?”
“ไม่น่าหรอก เดาว่าคงรู้ว่าพวกเจ้าจะไปกันแล้ว ก็เลยไม่มากระมัง!” เฟิ่งจิ่วหั่นเนื้อชิ้นหนึ่งกิน มองหนิงแวบหนึ่งแล้วถามว่า “สัตว์เลี้ยงของเจ้าเล่า?”
“อยู่ในห้วงมิติสัตว์วิญญาณ ข้าเห็นว่ามันยังเล็ก เลยให้มันอยู่ข้างในไม่ต้องออกมาวุ่นวาย”
“อืม ไม่มีกำลังก็อย่าเผยตัว จะได้ไม่ถูกคนแย่งไป” เธอกล่าวเตือน
“ข้ารู้แล้ว” หนิงหลางพยักหน้ารับ
พวกเขาพูดคุยกันพลางกินเนื้อ จนกระทั่งตกดึกถึงจะหลับตาพักผ่อน ทุกคนนอนพักแต่เฟิ่งจิ่วไม่ได้ทำ เธอรับผิดชอบระวังความปลอดภัยโดยรอบ ด้วยเหตุนี้หลังจากปล่อยดวงจิตไปสำรวจว่ารอบๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ซ้ำยังเห็นพวกเขาหลับสนิทแล้ว จึงมายังข้างๆ ปี้ซาน
“นายท่าน?”
เพียงเฟิ่งจิ่วเข้าไปใกล้ ปี้ซานที่หลับตาพักก็รับรู้ได้ จึงลืมตาขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเฟิ่งจิ่วก็แปลกใจเล็กน้อย
“ข้าจะช่วยรักษาแผลให้” เธอพูดพร้อมสื่อให้เขาอย่าส่งเสียงให้พวกที่เหลือตกใจตื่น มือข้างหนึ่งวางตรงขาที่บาดเจ็บของเขา จากนั้นประกายแสงสีเขียวราวกับพลังชีวิตต้นไม้พลุ่งพล่านออกมาจากฝ่ามือเธอ แล้วไหลเข้าสู่ในไขกระดูกของเขา ซ่อมแซมจุดที่กระดูกหักด้วยความรวดเร็ว แม้แต่แผลพวกนั้นก็ยังฟื้นสภาพอย่างเร็วไวด้วย เพียงแต่พันผ้าไว้จึงไม่มีใครเห็น
นั่นเป็นกลิ่นอายสีเขียวที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังชีวิตหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง อบอุ่นดั่งเปลวไฟ ทำให้ปี้ซานแอบนึกประหลาด จนกระทั่งประมาณครึ่งก้านธูปผ่านไป เห็นสีหน้าของเจ้านายขาวซีดเล็กน้อยและมีเหงื่อไหลตรงหน้าผาก ก็รีบถามว่า “นายท่าน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ?”
“ไม่เป็นไร แค่ใช้พลังมากเกินไป เจ้าลุกขึ้นมาขยับดูหน่อย” เฟิ่งจิ่วเช็ดๆ เหงื่อ เธอใช้ความสามารถของพลังชีวิตมารักษาเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
“ละ ลุกขึ้นได้แล้ว?” ปี้ซานถามด้วยความตกใจเล็กน้อย ครั้นเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าถึงค่อยขยับขา ทว่าขยับคราวนี้ กลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนยิ่งว่าความเจ็บที่แผ่ซ่านมาบนขาหายไปจนหมดสิ้น ประหนึ่งว่าขาของเขาไม่เคยบาดเจ็บ
หลังจากตื่นตกใจ เขารีบร้อนลุกขึ้นมา พอตรวจดูก็อดแปลกใจไม่ได้ “นายท่าน ขาของข้า ขาของข้าดีขึ้นจริงๆ ไม่เจ็บ เดินได้แล้ว”
………………………………………………….