เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1213 หมีดำตัวน้อยๆ + ตอนที่ 1214 ข่าวคราวของกวนสีหลิ่น
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1213 หมีดำตัวน้อยๆ + ตอนที่ 1214 ข่าวคราวของกวนสีหลิ่น
ตอนที่ 1213 หมีดำตัวน้อยๆ + ตอนที่ 1214 ข่าวคราวของกวนสีหลิ่น
ตอนที่ 1213 หมีดำตัวน้อยๆ
“ขอรับ ข้าทราบแล้ว” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าขานรับ ได้ยินเจ้าสำนักกำชับสอนสั่งเช่นผู้อาวุโส กระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยามถึงจะลุกขึ้นออกไปยังอาศรมของเธอ
จากนี้ไปคงไม่มาสำนักศึกษาหกดาราแล้ว เสี่ยวเฮยที่เฝ้าอาศรมเช่นนั้น ต้องดูว่ามันจะกลับเข้าป่าหรือทำเช่นไร
นั่งขนนกบินกลับอาศรม อสูรกลืนเมฆาออกมาจากห้วงมิติ แล้วกระโดดจากบนขนนกบินลงพื้นทันที หมีดำตัวใหญ่เบื้องล่างเห็นพลันกระโจนออกมาวิ่งรอบอสูรกลืนเมฆาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“กรรซ์!”
สิ้นเสียงคำรามอย่างเริงร่าก็เห็นเฟิ่งจิ่วเดินลงมาจากขนนกบิน
“เสี่ยวเฮย” เฟิ่งจิ่วขานเรียก เห็นหมีดำตัวใหญ่กระโจนมาตรงหน้า กอดขาคลอเคลียอย่างออดอ้อน เห็นท่าทางก็หัวเราะเบาๆ พร้อมลูบๆ หัวของมัน
“พวกเราจะไปแล้ว จากนี้จะไม่กลับมาที่นี่ เจ้าจะกลับเข้าป่าหรือไม่?”
“กรรซ์ๆ” มันร้องคำรามเสียงต่ำๆ หัวหมีใหญ่พลันสะบัดไปมา
“ไม่กลับไปหรือ?”
เฟิ่งจิ่วมานั่งใต้ต้นไม้ เอ่ยว่า “ไม่กลับไปก็ตามข้ากลับบ้านเถอะ! ถึงเวลานั้นไปเฝ้าบ้านให้ข้าก็ได้ แย่ล่ะ เจ้าตัวใหญ่เพียงนี้ย่อเล็กลงหน่อยได้ไหม?”
“กรรซ์!”
มันคำรามและลุกขึ้นมาหมุนตัว เห็นพลังวิญญาณบนร่างของมันไหลพล่าน กระแสลมกลายเป็นวังวนเข้าล้อมรอบมันไว้ด้านใน รอวังวนจางไป มันที่ตัวเล็กลงหน่อยก็ปรากฏตรงหน้าของเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วว่ามันหดตัวเล็กลงได้จริงๆ ก็แววตาเป็นประกาย มองหมีดำตัวใหญ่ที่ยืนนิ่งตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยอีกว่า “เล็กอีกหน่อย”
จึงเห็นหมีดำตัวใหญ่หมุนตัวอีกครั้ง จากนั้นก็ยืนมองเฟิ่งจิ่วอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ได้ยินนางบอกว่าเล็กลงอีก จึงหมุนตัวอีกครั้ง หมุนไปเรื่อยๆ หลายรอบ กระทั่งสุดท้ายกลายเป็นหมีดำตัวน้อยๆ ยืนนิ่งๆ ตรงนั้นและเซไปเซมา ประหนึ่งว่าหมุนเสียจนเวียนหัวจะล้มไปได้ทุกเมื่อ เฟิ่งจิ่วมองอย่างชอบใจ
“ว้าว ที่แท้ตัวเล็กได้เท่านี้จริงๆ เสี่ยวเฮย เจ้าเป็นเช่นนี้น่ารักเกินไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วอุ้มมันขึ้นมา ความนุ่มฟูทำให้เธอตัดใจปล่อยไปไม่ได้
“ช่างเถอะ หากเจ้าเปลี่ยนเป็นตัวเล็กเช่นนี้ได้ อีกหน่อยก็ติดตามข้างกายข้าไปแล้วกัน!” เธอเปลี่ยนใจ รู้สึกว่าตนเองไม่อาจต้านทานเสี่ยวเฮยที่น่ารักน่าชังเช่นนี้ได้
อสูรกลืนเมฆานอนอยู่ข้างๆ เห็นก็ส่ายหาง ดวงตาหันมองไปหานายท่าน พบว่านายท่านเหมือนจะชอบสัตว์ขนฟูตัวเล็กๆ มากๆ
เห็นชัดว่าร่างแท้จริงของมันงามสง่าน่าเกรงขามไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แต่นายท่านก็ชอบรูปร่างเช่นสุนัขของมันในตอนนี้ โอกาสที่มันจะคืนร่างได้มีเพียงระหว่างต่อสู้ ปกติติดตามข้างกายนายท่านได้แต่ปรากฏตัวด้วยร่างกายเล็กๆ เช่นนี้ กล้ามั่นใจได้ว่าหากมันคืนสู่ร่างแท้จริง เดาว่านายท่านคงทิ้งไว้ราชวงศ์เฟิ่งหวงไม่พาไปด้วย
แต่ความชอบของนายท่านเป็นเช่นนี้ หากภายหน้าเจอสัตว์ขนฟูตัวน้อยๆ เดาว่าคงเก็บมาไว้ข้างกาย มันกล้ามั่นใจได้ว่าเสี่ยวเฮยจะไม่ใช่ตัวสุดท้าย
“มาๆ ข้าจะให้เจ้ากินยาสัจจะเสียหน่อย นี่เป็นของดี กินไปแม้ไม่ทำสัญญาก็พูดได้” เธอคว้ายาอายุวัฒนาออกมาจากในห้วงมิติ แล้ววางบนฝ่ามือให้เสี่ยวเฮยกินเสีย
เสี่ยวเฮยได้กลิ่นหอมของยาอายุวัฒนะก็เข้าไปใกล้ๆ แลบลิ้นออกมาตวัดกลืนยาอายุวัฒนะเข้าปาก
“จะไม่สบายนิดหน่อย แต่สักพักก็หาย เจ้าอดทนเสียหน่อยก็ผ่านไปแล้ว”
………………………………………………….
ตอนที่ 1214 ข่าวคราวของกวนสีหลิ่น
เธอลูบหัวของเสี่ยวเฮยพลางปลอบใจ รู้สึกว่ามันอยู่ในอ้อมแขนไม่สบายตัวเพราะยาออกฤทธิ์ ได้ยินมันคำรามเบาๆ ไม่นานนักร่างกายที่ตึงเกร็งก็ผ่อนคลายลง
“เสี่ยวเฮย เป็นอย่างไรบ้าง? พูดให้ฟังหน่อยซิ” เธอลูบหัวของมัน พร้อมมองมันด้วยความคาดหวัง
“หา?” หมีดำตัวน้อยเอ่ยปากส่งเสียงเช่นมนุษย์ จากนั้นก็นิ่งไป มองเฟิ่งจิ่วอย่างว่างเปล่า
เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็หัวเราะขึ้นมา แล้วลูบหัวของมัน “ดีแล้ว รู้ว่าเจ้าโง่ พูดได้เป็นพอ ไม่ต้องพูดไม่หยุดเหมือนเหล่าไป๋หรอก”
เธอลุกขึ้นมามองที่นี่ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “อยู่ที่นี่มาสักพัก วันนี้ไปแล้ว ภายหน้าเดาว่าคงมีโอกาสกลับมาน้อยนัก”
เธอกล่าวจบพลันนึกอะไรบางอย่างได้ แปลกใจเล็กน้อย “จริงด้วย ทำไมไม่เห็นเยี่ยจิงเลย?”
กวนสีหลิ่นยังไม่เท่าไร เจ้าสำนักบอกว่าตั้งแต่ออกไปถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวกลับมา คิดว่าเดี๋ยวจะไปถามที่ตลาดมืดเสียหน่อย แต่ทำไมเธอกลับมาถึงไม่เห็นเยี่ยจิง?
นึกถึงตรงนื้เธอพาสองสัตว์อสูรนั่งขนนกบินมาสอบถามถึงสำนักพลังวิญญาณ
“เยี่ยจิงหรือ? สองสามเดือนก่อนครอบครัวเรียกนางกลับไป ได้ยินว่ากลับไปแต่งงาน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” อาจารย์คนหนึ่งกล่าว
“กลับไปแต่งงาน?” เฟิ่งจิ่งอึ้งไป “ไม่เคยได้ยินว่านางมีคนที่ชอบเลย!”
“เล่ากันว่าเป็นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูล เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจเท่าไร วันนี้คนที่มารับนางไปบอกแค่ว่าเป็นงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูล แต่ข้าว่าเยี่ยจิงเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจ ไม่รู้ทำไมถึงตามกลับไป นี่เป็นเรื่องของตระกูลพวกเขาและเป็นเรื่องส่วนตัว พวกเราเป็นอาจารย์จะถามก็ยาก”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า หลังจากคารวะบอกลา ถึงจะออกจากสำนักศึกษาไปยังตลาดมืดในเมือง
เธอไม่รู้ว่าหลังจากออกไป เนี่ยเถิงกับโอวหยางซิวสองคนมาหาเจ้าสำนัก วางแผนจะล่วงหน้าไปสมัครเรียนที่สำนักศึกษาหนึ่งดารา
รู้แน่ว่านางจะไปแปดจักรวรรดิใหญ่ พวกเขาก็ต้องไปเช่นกัน!
ได้ยินว่าเฟิ่งจิ่วมาหัวหน้าตลาดมืดก็รีบร้อนออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เชิญนางเข้ามาข้างในและนั่งลง หัวหน้าตลาดมืดยิ้มเอ่ยว่า “คุณชายเฟิ่ง ข้ารอท่านมานานแล้ว”
“โอ้? รอข้ามีเรื่องอะไร?” เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยมองเขา
“เหอะๆๆ ข้าไม่มีอะไร เรื่องเป็นเช่นนี้คุณชายกวนให้คนนำจดหมายมา ข้ารู้ว่าท่านไม่อยู่สำนักศึกษาหกดารา จึงเก็บจดหมายไว้ที่นี่ตลอดมา ยามนี้ท่านมาแล้ว ในที่สุดก็ได้ส่งจดหมายให้ท่าน” เขากล่าวจบก็หยิบจดหมายที่เก็บไว้ที่นี่มาตลอดมายื่นให้นาง “อยู่ตรงนี้”
เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็รับมาพลางยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเข้ามาครั้งนี้เดิมทีจะถามว่ามีข่าวจากเขาหรือไม่ ไม่คิดว่าเขาจะส่งจดหมายมาให้ท่านที่นี่” ระหว่างพูดยังแกะเปิดจดหมายมาอ่าน
ในจดหมายไม่บอกอะไรมาก แค่บอกเธอว่าระหว่างฝึกวิชาข้างนอกเขาพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับที่อยู่ของพ่อ จะไม่กลับมาสักพัก ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
เฟิ่งจิ่วรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรก็วางใจได้ ถึงอย่างไรออกไปนานเพียงนี้ไม่ได้ข่าวจากเขา ยามนี้มีจดหมายกลับมาก็พอแล้ว
เธอเก็บจดหมายมา เอ่ยว่า “ข้าวางแผนจะกลับไปราชวงศ์เฟิ่งหวง ภายหน้าหากมีจดหมายของข้า สั่งคนส่งไปที่นั่นได้”
“คุณชายเฟิ่งจะกลับไปแล้วหรือ?” เขาประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็คิดว่าถูกต้องแล้ว “ใช่ คุณชายเฟิ่งคงไม่กลับบ้านเสียนาน ถึงเวลากลับไปแล้ว”
………………………………………………….