เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1225 คนที่ห่วงหา + ตอนที่ 1226 เรียกท่านลุงก็พอ
ตอนที่ 1225 คนที่ห่วงหา + ตอนที่ 1226 เรียกท่านลุงก็พอ
ตอนที่ 1225 คนที่ห่วงหา
“นายท่าน”
เสียงของฮุยหลางดังเข้ามา ทำให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างได้สติกลับมา แล้วมองไปหาเขา
บนร่างของฮุยหลางมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ทั่วร่างมีไอสังหารหนักอึ้ง ประหนึ่งหมาป่าดุร้ายที่กลับมาจากการต่อสู้กับคน ให้ความรู้สึกว่าดุดันยิ่งนัก
“ข้าน้อยทำลายจุดสุดท้ายหมดสิ้นแล้ว ทั้งหมดสองร้อยสี่สิบสองคน ไม่มีหนีรอดไปสักคนขอรับ” เขารายงานด้วยความเคารพ
“อืม อีกเดี๋ยวให้เจ้าสั่งการลงไป หลังจากเรื่องนี้ให้พวกเขาวางมือเสีย พยายามอย่าปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มอำนาจแต่ละฝ่าย พักรอคำสั่งไปสักพักเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อสั่งการเสียงเข้ม
“ขอรับ” ฮุยหลางขานรับ เห็นนายท่านหันหลังไปแล้วจึงค่อยถอยออกไป
ตั้งแต่นายท่านกลับมาก็จัดระเบียบกลุ่มอำนาจเสียใหม่ และทำลายล้างกลุ่มอำนาจฝ่ายศัตรู แม้ว่าสองปีกว่ามานี้พบเรื่องราวและความลำบากมาไม่น้อย แต่ในตอนนี้วิกฤติคลี่คลายลงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือพิษเหมันต์พันปีในร่างของนายท่านก็รักษาหายแล้ว ข้อนี้ต่างหากถึงจะทำให้พวกเขายินดีเป็นที่สุด
ไม่มีพิษเหมันต์พันปีทำให้นายท่านทรมาน พวกเขาถึงไม่ต้องห่วงว่าร่างกายของนายท่านจะเป็นเช่นไร
สองปีกว่ามานี้องค์จักรพรรดิไว้วางใจนายท่านเป็นอย่างยิ่ง เรื่องของจักรวรรดิส่วนมากจะส่งมาให้นายท่านจัดการ ข้อนี้ข้ารับใช้อย่างพวกเขาเห็นแล้วก็ปลาบปลื้มนัก
ในใจของพวกเขา นายท่านเป็นโอรสที่ยอดเยี่ยมที่สุดขององค์จักรพรรดิ เป็นจักรพรรดิเจ้าเหนือหัวโดยกำเนิดที่มีความสามารถในการปกครองที่สุด มีเพียงนายท่านของพวกเขาถึงจะทำให้จักรวรรดินี้เหนือกว่าจักรวรรดิอื่นๆ และสามารถปกครองทั้งจักรวรรดิ นำพาจักรวรรดิไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้!
ครั้นออกมาข้างนอก เขาเห็นอิ่งอีมาที่ด้านนอกตำหนักตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จึงเดินเข้าไปถาม “นายท่านยืนเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างมานานเท่าไรแล้ว กำลังคิดถึงภูตหมออีกแล้วใช่หรือไม่?”
อิ่งอีชายตามองเขา บอกว่า “เจ้าถามทั้งๆ ที่รู้ไม่ใช่หรือ?”
ฮุยหลางได้ยินเช่นนี้ก็เกาศีรษะ เอ่ยด้วยความสงสัย “ข้าไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าคิดถึง? หากข้าไม่พบเจ้าสักสิบปี เดาว่าก็คงไม่คิดถึงหรอก”
อิ่งอีได้ยินดังนี้ก็กลอกตาใส่เขา หมดคำจะพูดเล็กน้อย “จะเหมือนกันได้หรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าไม่ใช่ผู้หญิง” ฮุยหลางพยักหน้าเอ่ย เห็นสีหน้าของอิ่งอีถมึงทึงขึ้นมาก็ฉีกยิ้ม ตบๆ ไหล่ของอีกฝ่ายพลางเอ่ยว่า “เอาละๆ อย่าโมโหเหมือนพวกผู้หญิงเลย ข้าแค่พูดไปเรื่อย เปรียบเทียบไปส่งเดช”
เขาไม่กล่าวคำพูดนี้ยังจะดีกว่า พอเอ่ยเช่นนี้สีหน้าอิ่งอีไม่เพียงบึ้งตึง แม้แต่ดวงตายังถลึงมอง ทั้งที่มีไฟโทสะลุกไหม้อยู่ในใจ กลับใช้น้ำเสียงสงบนิ่งเช่นเคยกล่าวว่า “ฮุยหลาง พวกเราไม่ได้ประลองกันมาตั้งนาน ไปฝึกสักหน่อยดีหรือไม่?”
“ฝึกสักหน่อย? เอาสิ! ไปๆๆ” เขาเอ่ยจบก็พยักหน้า สื่อให้อิ่งอีเดินนำไปก่อน
อิ่งอีเหลือบมองเขา สาวเท้าเดินนำไป ทว่าเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงลมพัดผ่านด้านหลัง พอหันกลับไปมองก็เห็นเพียงร่างของฮุยหลางปีนกำแพงออกไปอีกด้านแล้ว และยังได้ยินแต่เสียงของเขาดังมาในสายลม
“ฮ่าๆๆ เจ้าเห็นว่าข้าโง่หรือไร? ฝึกฝน? แค่จะหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลมาจัดการข้าไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าหรอก ข้าไปก่อนละ เจ้าฝึกกับเงาของตัวเองไปแล้วกัน!”
เสียงของฮุยหลางลอยห่างไปพร้อมเสียงลม ทำให้คนตามที่ลับและที่แจ้ง ทั้งในและนอกวังหลวงอดมุมปากกระตุกไม่ได้ แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก
ฮุยหลางเป็นคนสนิทที่นายท่านเชื่อใจที่สุด เขากำเริบเสิบสานได้ แต่พวกเขานั้นไม่กล้า
………………………………………………….
ตอนที่ 1226 เรียกท่านลุงก็พอ
“อิ่งอี”
เสียงของเซวียนหยวนโม่เจ๋อลอยมาจากด้านใน อิ่งอีที่อยู่ข้างนอกได้ยินก็ขานรับทันที แล้วหายตัวเข้ามาข้างใน
“นายท่าน”
“สองสามเดือนมานี้ไม่มีข่าวจากทางนั้นเลย เจ้าไปถามมาทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อหันหน้ามา มองเขาพลางเอ่ย “ข้าต้องการข่าวล่าสุดของนาง”
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปถามเดี๋ยวนี้” อิ่งอีขานรับแล้วถอยออกไป
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนอยู่ตรงหน้าต่างพักหนึ่ง ก่อนจะยกแขนขึ้นเผยให้เห็นเชือกแดงบนข้อมือ ดวงตาดำลึกล้ำฉายแววละมุน เมื่อนึกถึงนาง ในใจก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน…
ส่วนเฟิ่งจิ่วในอีกด้านหนึ่งอันแสนไกล ยามนี้กลับไม่คิดอะไรสักเท่าไร
ระหว่างทางเธอกับเยี่ยจิงเที่ยวเล่นกัน ทุกครั้งไปเมื่อถึงสถานที่หนึ่ง พวกเขาจะอาศัยเวลาพักผ่อนไปเดินเล่นรอบๆ การเดินทางที่เดิมทีใช้เวลากว่าครึ่งเดือนก็กลับถึงราชวงศ์เฟิ่งหวงได้ กลายเป็นใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เรือเหาะเข้าสู่เมืองหลวงของราชวงศ์เฟิ่งหวง บินผ่านไปกลางอากาศเหนือเมือง จนมาถึงประตูหลักของพระราชวัง
เมื่อเรือเหาะเข้ามาในเมืองหลวง องครักษ์ตระกูลเฟิ่งในเมืองก็ไปรายงานข่าวในวังอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ว่านายท่านกลับมาแล้ว แม้แต่ชาวบ้านในเมืองยังเงยหน้ามองเรือเหาะที่จู่ๆ ก็ปรากฏบนท้องฟ้า พลางพูดคุยกันอย่างแปลกใจ
“ดูสิ เรือเหาะของภูตหมอไม่ใช่หรือ?”
“เป็นเรือเหาะในตอนนั้น ภูตหมอกลับมาอีกแล้วหรือ เร็วเข้า ไปดูกัน!”
ชาวบ้านในเมืองเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี พากันปรี่ไปหาเรือเหาะที่บินไปทางพระราชวัง เพียงแต่เมื่อพวกเขาเร่งไปถึงประตูวัง ก็มาทันเห็นจากไกลๆ แค่ร่างสีแดงซึ่งมุ่งหน้าเข้าวังไปท่ามกลางฝูงชนแออัดเท่านั้น…
“เสี่ยวจิ่วกลับมาแล้ว?” เฟิ่งเซียวได้ยินองครักษ์รายงานก็อดลุกขึ้นมาอย่างแปลกใจไม่ได้ “ถึงไหนแล้ว?”
“เข้าประตูวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แจ้งจักรพรรดิหลวงแล้วหรือยัง?” เขาถามพลางสาวก้าวยาวเดินออกไป
“ส่งคนไปรายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินคำพูดนั้น เฟิ่งเซียวสั่งการว่า “สั่งให้คนเตรียมการ คืนนี้จะจัดงานเลี้ยงครอบครัวต้อนรับเสี่ยวจิ่ว” สิ้นเสียงก็โฉบไปข้างหน้าเสียแล้ว
องครักษ์ตระกูลเฟิ่งด้านหลังเห็นเช่นนั้นจึงรีบไปสั่งคนเบื้องล่างให้จัดการ จากนั้นค่อยตามออกไป
เฟิ่งเซียวที่อยู่ไกลๆ เห็นร่างสีแดงแพรวพราวนั้น เห็นว่าลูกสาวกลับบ้านแล้ว ใบหน้าเคร่งขรึมของเฟิ่งเซียวก็เผยรอยยิ้มกว้างทันที “เสี่ยวจิ่ว!”
“ท่านพ่อ” เฟิ่งจิ่วเร่งฝีเท้าเข้าไป มาที่ข้างกายและกอดแขนของบิดาไว้ สองตายิ้มหยี ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มและยินดี “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านจังเลยเจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ พ่อก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน! แม่เด็กคนนี้ ดูซิครั้งนี้เจ้าไปตั้งปีกว่า กลับทำแค่ส่งจดหมายกลับมา ทำให้พ่อเป็นห่วงนัก” เขาลูบๆ มือของลูกสาว ก่อนมองสาวน้อยข้างๆ กันอย่างแปลกใจ “ผู้นี้คือ?”
“ท่านผู้ครองแคว้น” เยี่ยจิงยอบกายคารวะ จากนั้นเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ข้านามว่าเยี่ยจิง เป็นเพื่อนของเฟิ่งจิ่วเพคะ”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของเสี่ยวจิ่ว! ลูกสาวของข้าพาเพื่อนกลับมาน้อยครั้งนัก ท่าทางพวกเจ้าต้องสนิทกันมากแน่” เฟิ่งเซียวยิ้มเอ่ยพลางพยักหน้า
“ระหว่างทางกลับมาข้าแวะไปบ้านนาง ต่อมาก็เลยพานางกลับมาด้วย ให้นางมาเที่ยวเล่นที่นี่ มาอยู่เป็นเพื่อนข้าพอดีเจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วกล่าวจบ ก็บอกเยี่ยจิงว่า “เจ้าอย่าเรียกท่านพ่อของข้าว่าผู้ครองแคว้นเลย เรียกท่านลุงก็พอ ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบท่านปู่กับท่านย่าของข้า แนะนำพวกเขาให้เจ้ารู้จักเสียหน่อย”
“ใช่ๆๆ เรียกท่านลุงก็ได้ ไม่ต้องเขินเพียงนั้นหรอก” เฟิ่งเซียวหัวเราะร่า
………………………………………………….