เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1235 เข้าสู่แปดจักรวรรดิใหญ่ + ตอนที่ 1236 แปลงโฉมเดินทาง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1235 เข้าสู่แปดจักรวรรดิใหญ่ + ตอนที่ 1236 แปลงโฉมเดินทาง
ตอนที่ 1235 เข้าสู่แปดจักรวรรดิใหญ่ + ตอนที่ 1236 แปลงโฉมเดินทาง
ตอนที่ 1235 เข้าสู่แปดจักรวรรดิใหญ่
ได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายพวกเขาก็เห็นด้วย ก็จริง เรื่องที่นางเป็นห่วงก็มีเหตุผลเหมือนกัน หากมีใครเชิญคนของแปดจักรวรรดิใหญ่ มาเล่นงานราชวงศ์เฟิ่งหวงของพวกเขาได้จริงๆ เกรงว่าถึงยามนั้นจะไม่มีใครกล้าออกหน้ามาช่วยเหลือ
ส่วนนาง ขอเพียงเก็บงำรัศมีบนร่าง บางทีอาจไม่มีปัญหาใหญ่ ทว่าคำนี้แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะไม่ว่านางไปที่ใดก็ไม่เคยอยู่อย่างสงบ
เฮ้อ! ช่างเถิดๆ ให้นางออกไปผจญโลกภายนอกเถิด! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาทำได้เพียงเชื่อนางเท่านั้น
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ข้ากลับมาหลายวันแล้ว ตั้งใจจะออกเดินทางในอีกไม่กี่วัน และจะส่งเยี่ยจิงกลับไปด้วย” เฟิ่งจิ่วมองทั้งสองคนแล้วกล่าว “ข้าจัดการกิจธุระเสร็จหมดแล้ว องครักษ์ตระกูลเฟิ่งทั้งแปดข้าตั้งใจว่าจะให้อยู่ที่นี่ ครั้งนี้พาไปเพียงเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาและตู้ฝานเพียงสามคน”
“องครักษ์ตระกูลเฟิ่งเจ้าก็ไม่พาไปหรือ นี่เจ้า…” เฟิ่งเซียวค่อนข้างกังวล ยังกล่าวไม่ทันจบ ก็ถูกแทรกขึ้นมาก่อน
“อย่าเพิ่งตื่นตูมไป แม่หนูเฟิ่งบอกไม่พาไป เช่นนั้นนางต้องมีเหตุผลแน่” เฟิ่งซานหยวนพูดพลางถลึงตามองเขา จากนั้นก็หันไปกล่าวกับเฟิ่งจิ่ว “แม่หนูเฟิ่ง เจ้าว่ามา ไม่ต้องฟังบิดาเจ้า”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่า บอกว่า “เพราะแปลกคนแปลกที่ยังไงเล่าเจ้าคะ! ยิ่งธรรมดาเท่าไรยิ่งน้อยปัญหา แม้แต่เหลิ่งซวงข้าก็อาจจะให้นางเปลี่ยนอะไรเล็กน้อย”
“ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องที่เจ้าตัดสินใจแล้ว พวกพ่อก็เชื่อใจเจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี หากมีอันตรายแล้วสู้ไม่ได้ต้องหนีเสีย ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ เข้าใจรึไม่?” เฟิ่งซานหยวนกำชับเสียงเคร่งขรึม
“อืม ข้ารู้แล้ว” เธอพยักหน้า “ข้าไม่อยู่บ้าน พวกท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ”
“วางใจเถิด! พวกข้ารู้แล้ว” คนทั้งสองพยักหน้ากล่าว
ด้วยเหตุนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วก็บอกลาครอบครัวแล้วค่อยส่งเยี่ยจิงกลับไป ขณะเดียวกันพวกเธอก็มุ่งหน้าไปยังแปดจักรวรรดิใหญ่…
ทว่าหลังจากที่เธอออกเดินทางไปได้ไม่นาน ตระกูลซั่งกวนก็ส่งผู้อาวุโสสามมาเยือน เฟิ่งเซียวทำตามที่หารือไว้กับเฟิ่งจิ่วแต่แรก ไม่ยอมนับญาติ ปฏิเสธความคิดของพวกเขา
แม้ภายหน้าหากซั่งกวนหวั่นหรงจะกลับมา พวกเขาก็อยากจะนับญาติกับซั่งกวนหวั่นหรงเพียงคนเดียว ไม่อยากนับญาติกับคนของตระกูลซั่งกวน
เฟิ่งจิ่วไม่ได้พาหงส์ไฟเดินทางไปด้วยกัน แต่พาเหล่าไป๋ เสี่ยวเฮย รวมถึงอสูรกลืนเมฆาไปด้วย เพียงแต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา เธอจึงเก็บพวกมันไว้ในห้วงมิติ
เธอคิดว่าไปถึงที่นั่นแล้ว จะจัดแจงหาที่พักในเมืองใกล้สำนักโอสถตะวันให้พวกเหลิ่งซวงทั้งสามก่อนค่อยว่ากัน
สำหรับคนทางนี้ แปดจักรวรรดิใหญ่เป็นสถานที่ลึกลับ มันไม่เพียงอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก จุดที่สำคัญคือตลอดเส้นทางอันตรายมาก หากต้องการไปแปดจักรวรรดิใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คนของสำนักหมอกดาราเดินทางมาคัดเลือกลูกศิษย์ นอกจากนั่งเรือเหาะกลับไป ยังมีบางส่วนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อรับส่งลูกศิษย์ที่คัดเลือกมา
และวิธีไปกลับที่เร็วที่สุดก็คือการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย เพียงแต่การเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายแต่ละครั้งจำต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก สามารถไปกลับได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ทว่าไม่ใช่ทุกสำนักที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้
แม้แต่สำนักขนาดใหญ่อย่างหมอกดารายังใช้เพียงเรือเหาะเท่านั้น เพราะการนั่งเรือเหาะกลับไป ระหว่างทางยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนขนบธรรมเนียมพื้นบ้าน รวมถึงเรื่องที่ต้องระวังเมื่อไปถึงที่นั่นและกฎเกณฑ์ของสำนัก ขณะเดียวกันก็ยังให้เวลาพวกเขาได้เตรียมใจกับการเปลี่ยนตัวตนและฐานะต่อจากนี้ด้วย
เฟิ่งจิ่วกับพวกใช้เวลาเดินทางสามเดือนเต็มๆ ระหว่างทางพบเจออันตรายมากมาย ถึงได้เข้าสู่เขตแดนของแปดจักรวรรดิใหญ่ในที่สุด…
……………………………………
ตอนที่ 1236 แปลงโฉมเดินทาง
“เหลิ่งซวง ของในนี้ให้เจ้า เป็นหน้ากากอันหนึ่ง”
เฟิ่งจิ่วมองนางพลางบอก “หน้าตาของเจ้าโดดเด่นเกินไป ซ้ำยังเป็นผู้หญิง ในสถานการณ์ที่พลังยังไม่แข็งแกร่งเช่นนี้จะปกป้องตัวเองได้ยากนัก สวมหน้ากากนี้ไว้ก็พอ เมื่อสวมหน้ากากนี้เดินเข้าไปในฝูงชนก็จะหาเจ้าไม่เจอแล้ว มา ข้าจะสอนเจ้าว่าใช้อย่างไร”
“ขอบคุณนายท่าน” เหลิ่งซวงรับไป แล้วเดินมาด้านข้าง ยกหน้ากากขึ้นสวมโดยมีเฟิ่งจิ่วคอยชี้แนะ
หลังสวมหน้ากากเสร็จ นางลูบใบหน้า แววตาไหวระริกเล็กน้อย หน้ากากนี้สวมแล้วรู้สึกเหมือนเป็นใบหน้าตนเองไม่มีผิด ไม่เหมือนกำลังสวมหน้ากากแม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลังสวมหน้ากากแล้วจะเป็นเช่นไร?
ขณะคิด ก็เห็นเหลิ่งหวาหยิบกระจกออกจากห้วงมิติมายื่นให้ “พี่สาว ท่านดู หน้ากากที่นายท่านทำขึ้นมาดีนัก ขนาดข้ายังจำท่านไม่ได้เลย”
เหลิ่งซวงรับกระจกมาดู เห็นว่าใบหน้างดงามแต่เดิมถูกบดบังไว้ ใบหน้ายามนี้นับได้ว่าเกลี้ยงเกลาเท่านั้น ไม่เป็นที่สังเกตจริงๆ เห็นเช่นนั้นนางก็คลี่ยิ้ม “หน้ากากของนายท่านดีนัก ข้าจะสวมไว้ตลอดเลยเจ้าค่ะ”
“สวมตลอดอะไรกัน” เฟิ่งจิ่วส่ายหน้ายิ้มๆ “หน้ากากนี้ใส่นานๆ ไม่ได้ ต้องให้ใบหน้าภายในหน้ากากได้หายใจหายคอบ้าง แต่ปกติใส่ไว้ก็ไม่มีปัญหา แค่เจ้าต้องจำไว้ว่าให้ถอดหน้ากากออกเป็นครั้งคราว”
“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้ารับ
ตู้ฝานที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเห็นแล้วตาเป็นประกาย หันไปมองเฟิ่งจิ่ว “นายท่าน ท่านยังมีหน้ากากเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่ ให้ข้าด้วยได้ไหม? ท่านดูสิหน้าตาข้าหล่อเหลาไม่ธรรมดา ข้าเองก็กลัวถูกคนหมายตาเช่นกัน!”
ได้ยินถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วกลอกตาใส่เขา “เจ้าคิดว่าของสิ่งนี้เป็นเต้าหู้ที่ขายอยู่ตามข้างทาง อยากได้เท่าใดก็มีเท่านั้นหรือ? ข้าเตรียมไว้ให้เหลิ่งซวงคนเดียว ของพวกเจ้าไม่มี อีกอย่าง เจ้าไม่ได้เรียกตนเองว่าบัณฑิตหน้าหยกหรอกหรือ รูปร่างเช่นนี้ก็ดีแล้วนี่?”
“ข้าเห็นว่าของล้ำค่าของท่านดีนัก ใส่แล้วราวกับกลายเป็นคนละคน” เขายิ้มเหนียมๆ จ้องของดีตาเป็นมันแล้ว
“เอาเถอะ เจ้าก็อย่าเอาแต่จ้องตาเป็นมันเช่นนั้น ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้าหมดแล้ว” ขณะเอ่ย เธอหยิบของออกมาจากห้วงมิติ “ของพวกนี้ให้พวกเจ้า ในนี้มีวัตถุเวทที่เอาไว้ใช้ป้องกันตัว ยังมียาอายุวัฒนะที่เอาไว้ใช้ยามมีอันตรายถึงชีวิต มารับเอาไว้”
เธอแบ่งของให้พวกเขาสามคน พลางกำชับว่า “ทำตามแผนที่ตกลงกันไว้ระหว่างทาง ซื้อบ้านในเมืองที่อยู่ใกล้กับสำนักโอสถตะวันที่สุดก่อน ถึงเวลานั้นดีที่สุดให้ทำร้านค้าขายพวกวัตถุดิบยาสักหน่อย เอาเป็นว่าหาที่ลงหลักปักฐานทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“นายท่านวางใจได้ พวกเราเข้าใจแล้ว”
ทุกคนรับคำ รีบเก็บของที่เธอให้อย่างระมัดระวังด้วยความดีใจ ของพวกนี้หากอยู่ข้างนอกต้องมีราคาสูงเสียดฟ้าแน่นอน นายท่านกลับให้พวกเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้
“พวกเจ้ารอข้าเดี๋ยว เหลิ่งซวง ตามข้ามา” เฟิ่งจิ่วกำชับ สั่งให้ตู้ฝานกับเหลิ่งหวารอก่อน ก่อนที่ตนเองกับเหลิ่งซวงจะเดินเข้าไปในป่า
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เดินออกมา เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีสวมชุดสีแดงทั้งตัวเปลี่ยนไปสวมชุดอื่นแล้ว เปลี่ยนจากชุดแดงเป็นชุดสีเขียว บนใบหน้าประดับแต่งแต้มเล็กน้อย รัศมีทั่วร่างถูกเก็บซ่อนไปไม่น้อย
“เอาละ พวกเราไปกันเถิด!” ชุดสีแดงทั้งตัวสะดุดตาเกินไป ไม่แน่อาจโดนคนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อพบได้ง่ายๆ เธอยังอยากหาโอกาสแอบไปสอดส่องดูว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง! จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอมาถึงที่นี่แล้ว
ในขณะนี้ ทางเริ่นเสียงที่อยู่ในแคว้นเหินเวหายังไม่รู้ว่าพวกเฟิ่งจิ่วจากไปแล้ว…
………………………………………..