เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1293 พวกเจ้ารู้ความผิดหรือไม่ + ตอนที่ 1294 หยุด
ตอนที่ 1293 พวกเจ้ารู้ความผิดหรือไม่ + ตอนที่ 1294 หยุด
ตอนที่ 1293 พวกเจ้ารู้ความผิดหรือไม่
รัชทายาทชื่อสุ่ยได้ยินแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย หันไปมองเขาและไม่พูดอะไร
แต่เมื่อองค์หญิงอิ๋งเสวี่ยได้ยิน กลับอดลุกขึ้นมาไม่ได้ แล้วมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยความโมโห “องค์รัชทายาทเซวียนหยวน พระองค์หมายความว่าอย่างไร หรือการทำร้ายพี่ชายรัชทายาทของหม่อมฉันจนบาดเจ็บคือวิธีต้อนรับแขกของพวกท่าน?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนระคนเย้ยหยัน “หรือไม่ใช่ที่เขาหาเรื่องใส่ตัว? ในเมื่อต้องการประลองกับข้า แต่หันมาทำร้ายคนของข้าลับหลัง ข้าไม่สังหารเขาทันทีก็ถือว่าเขาโชคดีมากแล้ว”
องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยชะงักงัน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังเถียงไม่ออก นางจึงหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นต้นเหตุ!” สิ้นเสียง นางหันไปเอ่ยกับผู้ที่นั่งบนตำแหน่งประธาน “องค์จักรพรรดิ วันนี้หม่อมฉันหวังว่าพระองค์จะให้คำอธิบายแก่พวกเราด้วยเพคะ!”
“อืม พวกท่านวางใจได้ ข้าจะให้คำอธิบายแก่พวกท่านแน่นอน” องค์จักรพรรดิที่นั่งบนตำแหน่งประธานกล่าว มองพวกเขาสองคนพลางเสนอ “เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน! องค์รัชทายาทยังไม่หายดี นั่งอยู่ตรงนี้นานก็ไม่ดีนัก กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”
องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยอึ้งไป “แต่ผู้หญิงคนนั้น…”
“หึๆ นี่องค์หญิงสามไม่เชื่อข้าหรือ?” องค์จักรพรรดิเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นไปถึงดวงตา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกหม่อมฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
รัชทายาทชื่อสุ่ยกล่าว ลุกขึ้นแล้วหันไปประสานมือให้จักรพรรดิบนที่นั่งประธาน “แม้องค์จักรพรรดิจะนำยาฟื้นสภาพวิญญาณระดับหกมาให้กระหม่อมกินแล้ว แต่เรื่องนี้หากไร้คำอธิบาย จักรวรรดินทีแดงของเราไม่ยอมง่ายๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิขมวดคิ้ว จ้องมองเขา เสียงพูดที่ราวกับสายฟ้าดังขึ้นในตำหนักทันที “นี่เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ? หากคนของข้าดูไม่ผิด องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยถูกทำร้ายจนหายใจรวยริน ข้าต้องเอายาฟื้นสภาพวิญญาณระดับหกออกมาช่วยเจ้า และก็เหมือนจะเป็นเจ้าเองที่ไปแตะต้องคนที่ไม่ควรแตะต้อง หาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่อง ทำไมรึ? หรือสตรีข้างกายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเซวียนหยวนเรา ใครนึกจะแตะต้องก็แตะต้องได้ อยากฉีกทึ้งเสื้อผ้าก็ฉีกทึ้งได้? จักรวรรดินทีแดงของพวกเจ้ามีความชอบเช่นนี้ด้วยหรือ?
เหอะ! ข้าอ่อนข้อให้เจ้าสามส่วน พวกเจ้ายังไม่พอใจอีก? กล้าข่มขู่ข้ารึ? เช่นนั้นก็กลับไปบอกเสด็จพ่อพวกเจ้าให้มาคุยกับข้า! ข้าอยากรู้นักว่าหากเขารู้เรื่องเข้า จะมีหน้ามาที่จักรวรรดิเซวียนหยวนของเราหรือไม่!”
ครั้นเห็นองค์จักรพรรดิบอกจะแตกหักก็แตกหักกันเลย และได้ยินวาจาไร้ความปรานีนั้นดังก้องไปทั่วตำหนักใหญ่ องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยกับองค์หญิงสามอับอายจนโมโห ทั้งยังเจ็บใจ
ไหนว่าจะให้คำอธิบายกับพวกเขา? ไม่นึกว่าจู่ๆ ก็จะเปลี่ยนท่าทีเลยเช่นนี้?
“ยังไม่กลับไปอีก!”
เขาตวัดสายตามองสองคนนั้น สายตาคมปลาบเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ เขาที่เดิมทีเป็นคนใจร้อนอยู่แล้วถูกข่มขู่ ย่อมไม่เผยสีหน้าดีๆ ให้พวกเขาดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้สองคนจะเป็นองค์รัชทายาทและองค์หญิงของจักรวรรดินทีแดง แต่อยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงผู้น้อย กลับยังกล้าใช้วาจาเช่นนั้นพูดกับเขา นี่ถือเป็นการไม่ให้เกียรติกันมากเกินไปแล้ว
องค์รัชทายาทกับองค์หญิงแห่งชื่อสุ่ยเห็นเขาโกรธ และรู้ว่าตนเองพูดเกินไป ทั้งสองจึงสบตากันแล้วรีบถอยหลัง เดินออกไปจากตำหนัก
ก่อนออกจากตำหนักใหญ่ ตอนเดินผ่านเฟิ่งจิ่ว รัชทายาทชื่อสุ่ยชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ดวงตาที่ฉายแววประหลาดของเขาเหลือบมองเธอ จากนั้นจึงสาวเท้าเดินจากไป
จนกระทั่งทั้งสองคนจากไปแล้ว จักรพรรดิบนตำแหน่งประธานจึงค่อยแค่นเสียงขึ้นจมูก ตบฝ่ามือลงบนที่วางแขนแรงๆ สายตาคมกริบตวัดมองสองคนด้านล่างอย่างเดือดดาล ก่อนตวาดเสียงเข้ม “พวกเจ้ารู้ความผิดตัวเองหรือไม่!”
……………………………………..
ตอนที่ 1294 หยุด
“สั่งสอนคนโอหังคนหนึ่ง จะมีความผิดใดได้พ่ะย่ะค่ะ?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและแข็งกร้าว
เฟิ่งจิ่วก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วคำนับองค์จักรพรรดิเบื้องบน “แม้หม่อมฉันเองก็รู้สึกไม่ดีที่ทำร้ายรัชทายาทของจักรวรรดิหนึ่งจนมีสภาพเช่นนั้น ทว่า คนผู้นี้มาหาเรื่องก่อน หากไม่ตอบโต้กลับไปก็เกรงจะไม่ใช่เรื่อง ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันเองก็ไม่คิดว่าตนมีความผิดใดเช่นกันเพคะ”
ฟังวาจาของสองคนข้างล่างแล้ว องค์จักรพรรดิหรี่ตา จับจ้องเฟิ่งจิ่ว แต่กลับกล่าวกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “เจ้าออกไปก่อน”
ครานี้เซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับไม่ขยับ ยืนอยู่ตรงนั้นพลางจ้องมององค์จักรพรรดิ “หากมีโทสะก็มาลงที่ข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง”
“ข้าบอกให้เจ้าออกไปก่อน ไม่ได้ยินหรือ? ออกไป!” ดวงตากรุ่นโกรธตวัดมอง สายตาคมกริบจับจ้องที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วดึงแขนเสื้อเขา “ท่านออกไปรอข้าข้างนอก วางใจได้ ไม่เป็นไรหรอก”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเฟิ่งจิ่วข้างกายแวบหนึ่ง แล้วจึงหันไปมองบิดาบนที่นั่งประธาน กล่าวเสียงเข้มว่า “หากนางบาดเจ็บแม้แต่ขนเส้นเดียว ข้าจะมาเอาเรื่องกับเสด็จพ่อ!” เอ่ยจบจึงค่อยหันตัวเดินออกไป
แววตาของจักรพรรดิมืดทึม นัยน์ตาคมกริบดุจมีดตวัดมองแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จากนั้นหันมามองสตรีชุดแดงที่ยืนอยู่กลางตำหนัก “เจ้าชื่ออะไร เอาผ้าปิดหน้าลงเสีย”
เฟิ่งจิ่วดึงผ้าปิดหน้าลงตามที่เขาบอก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ก่อนเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ด้านบน “หม่อมฉันชื่อเฟิ่งจิ่วเพคะ”
“หน้าตาไม่เลว มิน่าถึงได้ทำให้เขาหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น และยังทำร้ายรัชทายาทชื่อสุ่ยจนบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ลังเล” องค์จักรพรรดิจ้องเธอพลางกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วแย้มยิ้ม “เขาไม่ใช่คนฉาบฉวย เขาไม่ได้สนใจที่ใบหน้าของหม่อมฉัน แต่เขาชอบที่หม่อมฉันเป็นตัวหม่อมฉันมาตั้งแต่แรกเพคะ” นึกถึงตอนแรก เธอคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาในสภาพขอทานน้อยด้วยซ้ำ
ด้านนอก เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนเอามือไพล่หลัง มองดูชั้นเมฆบนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อย แววตาลึกล้ำยากคาดเดา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ถึงแม้เดินออกมาแล้ว แต่เพราะไม่วางใจเท่าใด จิตใจจึงอยู่ที่ในตำหนักตลอดเวลา กลับพบว่าข้างในถูกกางเขตอาคมปิดกั้นเสียงไว้ นัยน์ตาเขาไหวระริก หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงทั้งสองคนไม่รู้คุยอะไรกันอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ยินเสียงใด แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะลงไม้ลงมือ เขาจึงไม่ได้เข้าไป เพียงยืนรออยู่ข้างนอก กระทั่งผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม
องครักษ์นายหนึ่งเดินออกมา หยุดยืนตรงหน้าแล้วคำนับเซวียนหยวนโม่เจ๋ออย่างนอบน้อม ก่อนกล่าว “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิรับสั่งให้พระองค์กลับไปก่อน แม่นางท่านนั้นต้องรั้งอยู่ในวังพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยิน เขาหน้าเครียดทันที น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “อะไรนะ?”
องค์รักษ์ผู้นั้นใจสั่น ก้มหน้ากล่าวว่า “องค์จักรพรรดิรับสั่งให้แม่นางท่านนั้นอยู่ในวังสักสองสามวัน แล้วรับสั่งให้พระองค์กลับไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อสาวเท้าเดินเข้าไปข้างใน แต่กลับถูกคนชุดเทาที่ไหวร่างออกมาขวางไว้ก่อน “องค์รัชทายาทโปรดเสด็จกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ไสหัวไป!” เขาคำรามเสียงเย็นแล้วสะบัดแขนเสื้อ พลังขุมหนึ่งพรั่งพรูออกไป โจมตีไปยังสองคนนั้น
เฟิ่งจิ่วที่กำลังคุยอะไรไม่รู้กับองค์จักรพรรดิอยู่ด้านในตำหนักหันมาเหลือบมอง เห็นว่าด้านนอกเริ่มสู้กัน จึงหันไปกล่าวกับองค์จักรพรรดิว่า “แม้จะให้หม่อมฉันรั้งอยู่ ก็ควรให้หม่อมฉันออกไปบอกกับเขาด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวเขาอาละวาด ก็มีแต่จะทำให้คนพวกนั้นบาดเจ็บนะเพคะ”
“ฮึ! ปีกกล้าขาแข็ง! กล้าใช้กำลังในวังแล้วสินะ!” องค์จักรพรรดิแค่นเสียง ตะคอกใส่เฟิ่งจิ่วอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าจะยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น รีบไปสิ!”
เฟิ่งจิ่วลอบถอนใจ หันกายเดินไปข้างนอก
“หยุด!”
เธอตะโกนเสียงดัง ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหว แล้วจึงก้าวเข้าไปหยุดยืนข้างกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
………………………………….