เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1295 ให้นางอยู่ต่อ + ตอนที่ 1296 ได้กลิ่นหอมอะไรหรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1295 ให้นางอยู่ต่อ + ตอนที่ 1296 ได้กลิ่นหอมอะไรหรือไม่
ตอนที่ 1295 ให้นางอยู่ต่อ + ตอนที่ 1296 ได้กลิ่นหอมอะไรหรือไม่
ตอนที่ 1295 ให้นางอยู่ต่อ
ทว่า เธอเพิ่งพูดจบก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อก้าวเข้ามา ดึงมือเธอทำท่าจะเดินออกไป จึงรีบหยุดฝีเท้าแล้วตะโกนบอก “เดี๋ยวก่อน”
“ข้าจะพาเจ้ากลับไป” เขาหันมาบอก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดูก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด
“เสด็จพ่อของท่านให้ข้าอยู่ต่อสักสองสามวัน”
“ไม่ต้องไปสนใจเขา!”
“นั่นคือเสด็จพ่อของท่านไม่ใช่ใครอื่น อีกทั้งข้าเองก็อยากรู้ว่าเขาจะให้ข้าอยู่ในวังทำไม ท่านกลับไปก่อนเถิด! วางใจได้ เขาไม่ฆ่าข้าหรอก” ถึงบิดาของเขาจะทำหน้าบึ้งน้ำเสียงก็ไม่เป็นมิตร แต่แค่เธอไม่รู้สึกถึงจิตสังหารจากตัวเขาก็พอแล้ว
ได้ยินเช่นนั้น เขามองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปเนิ่นนานถึงกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าด้วย ตกลงตามนี้” สิ้นเสียง เขาเดินเข้าไปข้างใน หยุดยืนอยู่กลางตำหนักใหญ่ มองคนที่นั่งดื่มชาอยู่ข้างบนพลางถาม “เสด็จพ่อให้นางอยู่ในวังทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์จักรพรรดิกำลังดื่มชา ท่าทางผ่อนคลาย ราวกับคนที่เดือดดาลเมื่อสักครู่ไม่ใช่เขา ครั้นได้ยินวาจาของโอรสที่ยืนอยู่ข้างล่าง เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง แต่หันไปพูดกับผู้ติดตามข้างกายเหมือนไม่ได้ยินที่โอรสพูด “ชาวิญญาณนี้ไม่เลว”
“ทูลองค์จักรพรรดิ ชาวิญญาณนี้เป็นน้ำชาที่ต้มด้วยน้ำค้างดอกไม้ยามเช้าตรู่ รสชาติสดชื่นและหอมกว่าชาวิญญาณทั่วไปพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ติดตามคนนั้นทำใจดีสู้เสือตอบกลับ ไม่กล้าหันไปมององค์รัชทายาทที่กำลังหน้าบึ้งอยู่ข้างล่าง
“ในเมื่อนางอยู่ต่อ เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ในวังด้วย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อทิ้งวาจาไว้อย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกายจูงมือเฟิ่งจิ่วเดินจากไป
จวบจนทั้งสองเดินห่างออกไป จักรพรรดิบนที่นั่งประธานจึงค่อยเงยหน้าขึ้น ยามมองเงาร่างที่เดินจากไปพร้อมกันของพวกเขา มองดูโอรสของตนเองจูงมือเฟิ่งจิ่ว ท่าทางราวกับกำลังปกป้อง นัยน์ตาเขามีแววทอดถอนใจพาดผ่านอย่างอดไม่ได้
บุตรชายเติบโตแล้ว มีสตรีที่ตนอยากปกป้องแล้ว…
ทว่า สิ่งที่กล่าวออกมากลับเป็นการแค่นเสียงเอ่ยว่า “นิสัยร้ายเหมือนวัวไม่มีผิด”
ผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างก้มหน้างุด ไม่กล้ารับคำ
อีกด้านหนึ่ง รัชทายาทกับองค์หญิงชื่อสุ่ยที่นั่งอยู่ในสวนดอกไม้สีหน้าไม่ค่อยดีนัก หลังนิ่งเงียบอยู่นาน องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยถามอย่างเจ็บใจว่า “เสด็จพี่ พวกเราจะยอมปล่อยไปอย่างนี้หรือเพคะ?”
รัชทายาทชื่อสุ่ยเหลือบมองนาง “เจ้าคิดว่าเรามีปัญญาต่อกรกับคนของเซวียนหยวนหรือ?” เขาลุกขึ้นยืน เอามือไพล่หลังเดินออกจากศาลา “ถึงพวกเราเองจะเป็นหนึ่งในแปดจักรวรรดิใหญ่ แต่ในจักรวรรดิเองก็มีการแบ่งระดับแข็งแกร่งและอ่อนแอ หากเซวียนหยวนไม่ได้แข็งแกร่งมาก จะกล้าไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเช่นนี้หรือ? เรื่องนี้แม้เสด็จพ่อจะอยู่ที่นี่ด้วยก็ต้องยอมให้พวกเขา ในโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ เรื่องนี้เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้”
“แต่จะให้กล้ำกลืนโทสะเช่นนี้ ข้าเจ็บใจนัก!” นางพูดอย่างเคียดแค้น “โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้น หากไม่สังหารเสียก็ยากจะระบายโทสะในใจข้าได้!” มาอยู่ที่นี่นางถูกหมิ่นเกียรติครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!
เมื่อได้ยินวาจาที่ดังมาจากข้างหลัง แววตาขององค์รัชทายาทไหวระริก “ผู้หญิงคนนั้น หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่?”
“ซี๊ด!”
ขณะที่เขากำลังคิดถึงสตรีชุดแดงที่ทำให้ผู้พบเห็นตะลึงในความงาม จู่ๆ ก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่มือ อดสูดปากไม่ได้ เขารีบดึงมือมาจากข้างหลัง พอเห็นมือของตนบวมแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็ต้องตกใจ
องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยที่อยู่ในศาลาข้างหลังได้ยินเสียงเขาสูดปากก็ตกใจเบาๆ เดินเข้ามาถาม “เสด็จพี่ เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ทว่าพอเดินมาถึงข้างกายเขา เห็นเขาจับมือตัวเองยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น นางร้องด้วยความตกใจทันที “กรี๊ด!”
………………………………….
ตอนที่ 1296 ได้กลิ่นหอมอะไรหรือไม่
“ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
นางร้องอุทาน เห็นเพียงมือข้างหนึ่งของพี่ชายรัชทายาทบวมแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน มือข้างนั้นก็บวมใหญ่ขึ้นมาเกือบเท่าตัว หนาและใหญ่เหมือนอุ้งตีนหมี สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากที่สุดก็คือ ตอนที่นางยื่นมือออกไปแตะดู กลับเหมือนสัมผัสถูกไฟ นางถูกลวกจนต้องรีบชักมือกลับ
“เสด็จพี่ พวกเรารีบกลับกันเถอะ ไปให้คนดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นางประคองเขาไว้ นึกได้ว่าแม้เขาจะค่อยๆ ฟื้นตัวหลังกินยาฟื้นสภาพวิญญาณระดับหก แต่หากอยากจะหายดีเหมือนเดิมก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ตอนนี้จู่ๆ มือข้างนี้เกิดบวมอย่างไม่รู้สาเหตุอีก นี่….นี่จะทำเช่นไรดี?
องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยมองฝ่ามือของตนเอง แววตาจากที่เหม่อลอยกลับมาได้สติ ชัดเจนว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาจำได้ว่าเขาใช้มือข้างนี้ฉีกเสื้อผู้หญิงคนนั้น หรือว่า…
นึกมาถึงตรงนี้ แววตาเขาไหวระริก หากเป็นอย่างนี้จริง เหตุใดหมอที่ตรวจให้เขาจึงตรวจไม่พบตั้งแต่แรก?
หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยอดฝีมือด้านการใช้พิษ? ครั้งที่แล้วทำให้เขาแทบหมดแรง ครั้งนี้มือข้างนี้ก็บวมเหมือนอุ้งตีนหมี ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของนาง!
ความรู้สึกแสบร้อนบนฝ่ามือลุกลามไปตามร่างกาย ทั้งแสบร้อนและเจ็บปวดยากจะทานทน ทำให้หน้าผากของเขามีเหงื่อเท่าเม็ดถั่วซึมออกมา อดทนต่อความเจ็บปวดแสบร้อนจนเริ่มหายใจลำบาก เขาหอบหายใจเฮือกใหญ่ ปล่อยให้น้องสาวประคองตัวเองกลับไป
แต่ทว่า ขณะผ่านด้านหน้า ก็เห็นสองคนที่เดินเคียงมาด้วยกัน ยามเห็นสองคนนั้น แววตาเขามืดทะมึนทันที นึกในใจว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งชื่อสุ่ย กลับถูกสองคนนั้นเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างน่าแค้นใจนัก!
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินมาเห็นรัชทายาทชื่อสุ่ย สายตาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่ครั้นสังเกตเห็นฝ่ามือที่บวมเป่งของเขา ในดวงตาจึงฉายแววประหลาดใจ
องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยมองสตรีชุดแดงที่ผูกผ้าปิดหน้าแวบหนึ่ง กัดฟันกรอด แล้วประคองพี่ชายรัชทายาทของนางเดินผ่านพวกเขาไป เวลานี้เอง กลับได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา
“องค์รัชทายาทชื่อสุ่ย มือของพระองค์ทำไมถึงได้บวมแดงเช่นนั้น เป็นอะไรมากหรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วแย้มยิ้มมององค์รัชทายาทที่กำลังพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด จิตใจเบิกบานเหมือนดอกไม้ กล้าฉีกเสื้อเธองั้นหรือ? คิดว่าเสื้อเธอฉีกง่ายนักหรือไร?
“แม่นางร้ายกาจนัก!” เขาหอบหายใจ สายตาจับจ้องสตรีชุดแดงเขม็ง เห็นเพียงดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“นี่เป็นผลตอบแทนที่องค์รัชทายาทฉีกเสื้อคนของข้า ไม่ต้องซาบซึ้งนักก็ได้”
“เป็นเจ้า! เป็นเจ้าเองที่วางยาพิษเสด็จพี่รัชทายาท?” อิ๋งเสวี่ยแผดเสียงถาม หากไม่ใช่เพราะเซวียนหยวนโม่เจ๋ออยู่ตรงนี้ นางจะเข้าไปฉีกหน้าผู้หญิงคนนี้แน่
“ยาพิษ? ไม่ๆ หม่อมฉันจะวางยาพิษใส่องค์รัชทายาทชื่อสุ่ยได้อย่างไร พวกท่านเป็นแขก วางยาพิษแขกถือเป็นเรื่องไร้มารยาท” เฟิ่งจิ่วส่ายหน้ากล่าว เห็นว่าองค์หญิงอิ๋งเสวี่ยท่าทางเหมือนอยากจะลงมือกับเธอเต็มที่ จึงเตือนด้วยความหวังดี “องค์หญิงอิ๋งเสวี่ย อย่าเข้าใกล้หม่อมฉันจนเกินไป ของจำพวกยาที่ติดตัวหม่อมฉันยังคงมีเหลืออยู่นะเพคะ!”
“เจ้า!”
“จริงสิ พวกท่านได้กลิ่นหอมอะไรหรือไม่?” พอเธอพูดอย่างนี้ รัชทายาทชื่อสุ่ยกับองค์หญิงอิ๋งเสวี่ยหน้าถอดสีทันที ไม่กล้ารั้งอยู่นาน รีบสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ขณะมองร่างที่รีบร้อนจากไปของพวกเขา เฟิ่งจิ่วอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ “ช่างขี้ขลาดจริงๆ”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเธอเผยรอยยิ้ม ก็ยกมุมปากยิ้มตามไปด้วยเช่นกัน…
………………………………….