เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1299 บะหมี่หนึ่งชาม + ตอนที่ 1300 เก็บน้ำค้างดอกไม้
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1299 บะหมี่หนึ่งชาม + ตอนที่ 1300 เก็บน้ำค้างดอกไม้
ตอนที่ 1299 บะหมี่หนึ่งชาม + ตอนที่ 1300 เก็บน้ำค้างดอกไม้
ตอนที่ 1299 บะหมี่หนึ่งชาม
“อยากกินอะไร หลังจากกลับจวนข้าจะสั่งคนทำให้เจ้า” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงมือเฟิ่งจิ่ว มือหนึ่งจับเส้นผมของนางที่ตกลงมาไปทัดหลังหูให้
“ได้” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีตอบอย่างดีใจ จากนั้นเหมือนนึกอะไรได้ จึงถามว่า “ท่านยังไม่ได้กินหรือ?”
“นายท่านยังไม่ได้กิน รอเจ้ากลับมาตลอดเลย” ฮุยหลางกล่าวแทรก
เธอได้ยินคำพูดนี้ก็มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ถามว่า “ท่านอยากกินอะไร ข้าจะให้คนของห้องครัวทำมาส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ไม่กินมื้อเดียวไม่เป็นไร อีกอย่างข้าไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษ”
“ได้อย่างไร ไม่กินอะไรทั้งคืนจนถึงพรุ่งนี้ หิวนานๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ เอาเช่นนี้แล้วกัน! ท่านกับข้าไปห้องครัว ไปกัน” เธอลากเขาเดินออกไป
ฮุยหลางกับอิ่งอีสองคนเห็นดังนั้น จึงตามหลังไปด้วย
เพราะตอนนี้เลยเวลาอาหารค่ำมาแล้ว ถึงแม้ในห้องครัวมีอาหารทำเสร็จพร้อมกินไม่น้อย เฟิ่งจิ่วก็ไม่แตะต้อง แต่ให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อรอเธออยู่นอกห้องครัว ส่วนตนเองม้วนแขนเสื้อ ตั้งใจจะทำอาหารให้เขากินด้วยตัวเอง
“นายท่าน ภูตหมอคิดจะลงมือทำอาหารค่ำให้นายท่านด้วยตนเองขอรับ!” ฮุยหลางเห็นเจ้านายมองไปข้างในตลอด จึงเอ่ยขึ้นข้างกายเขาอย่างอิจฉา “ได้ยินว่าความจริงฝีมือทำอาหารของภูตหมอดีมาก ข้ายังไม่เคยลองเลยขอรับ”
ได้ยินเช่นนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อชายตามองเขา จากนั้นลุกขึ้นเดินไปยืนพิงประตูห้องครัว มองร่างชุดแดงที่กำลังยุ่งวุ่นอยู่ตรงนั้น หัวใจอ่อนยวบลงอย่างอธิบายไม่ถูก เพียงรู้สึกว่ามีกระแสธารอุ่นไหลพล่านและท่วมท้นห้องหัวใจของเขา
ในตอนนี้ เขารู้สึกแต่ว่าหัวใจตัวเองสงบเงียบ ในดวงตามีเพียงร่างที่กำลังวุ่นเพราะเขา ความรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้ประหนึ่งว่าหัวใจมีที่พักพิง ช่างวิเศษยิ่งนัก
ไม่ใช่ข้าวสวย ไม่ใช่ข้าวต้ม และยิ่งไม่ใช่ของว่าง สิ่งที่ทำมาเป็นเพียงบะหมี่หนึ่งชาม เฟิ่งจิ่วคิดว่าอาหารพวกนั้นเขากินจนเบื่อแล้ว เช่นนั้นก็ทำบะหมี่อย่างง่ายๆ ให้เขาสักชามแล้วกัน! บางทีความอยากอาหารของเขาอาจจะดีขึ้นบ้าง
ตั้งแต่นวดแป้งไปจนถึงยืดเส้นบะหมี่ ต้มน้ำและเอาใส่หม้อ จากนั้นใส่ชามจัดเครื่องเคียงด้านบนเรียบร้อย ทั้งหมดใช้เวลาไปครึ่งชั่วยามเต็ม เมื่อบะหมี่ร้อนๆ ถูกเธอยกมาวางบนโต๊ะข้างนอก เธอยิ้มแย้มเอ่ยว่า “เรียบร้อยแล้ว ท่านรีบชิมหน่อยว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”
“ได้” เขาพยักหน้าตอบรับก่อนมานั่งตรงโต๊ะ บะหมี่เบื้องหน้าที่ธรรมดาทั่วไปเมื่อผ่านมือของเธอก็เปลี่ยนไปไม่ธรรมดาแล้ว
“มีผักเขียว ไข่ไก่ เนื้อ และต้นหอมซอย ข้ามองจนหิวแล้ว” ฮุยหลางลูบๆ ท้อง มองเฟิ่งจิ่วอย่างเอาใจ “ภูตหมอ ข้าเห็นว่าเจ้าเหมือนจะทำไว้เยอะเลย ข้างในมีส่วนของพวกเราหรือไม่ ยังไม่ลงหม้อต้มสินะ?”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยิ้มขึ้นมา ขณะกำลังจะบอกว่ามีก็ได้ยินเสียงของเซวียนหยวนโม่เจ๋อดังมา
“อยากกินก็ไปทำเอง นั่นเป็นของข้า!” เขากล่าวอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกิน นี่เป็นบะหมี่ที่เฟิ่งจิ่วทำให้เขา สองคนนี้อยากกินรึ? คิดดีๆ เถอะ!
คนทั้งสามได้ยินคำพูดของเขาแล้วอดตกใจไม่ได้ ฮุยหลางมองบะหมี่ชามตรงหน้า เอ่ยถามช้าๆ ว่า “นายท่าน ท่านกินบะหมี่ชามใหญ่เท่านี้ จะกินต่อไหวหรือขอรับ?”
เมื่อได้ยิน สายตาเขาเหลือบมองฮุยหลางอย่างเย็นเยือก จากนั้นค่อยหันมองเฟิ่งจิ่ว “ข้างในเก็บไว้เป็นของว่างคืนนี้”
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่ไหว “ได้ ข้าฟังท่านทั้งนั้นแหละ” กล่าวจบก็ยิ้มขอโทษฮุยหลาง ช่วยไม่ได้นะ ผู้ชายของเธอเอาแต่ใจ ตัดใจให้พวกเขากินอาหารที่เธอทำไม่ได้หรอก!
………………………………………………….
ตอนที่ 1300 เก็บน้ำค้างดอกไม้
ฮุยหลางกับอิ่งอีมองหน้ากัน แอบคิดว่านายท่านเจริญอาหารดีเสียจริง!
นายท่านออกปากแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าไปกินบะหมี่ที่ภูตหมอทำอีก เพียงแต่เห็นนายท่านกินอย่างออกรสออกชาติ ท้องของพวกเขาก็อดร้องดังขึ้นมาไม่ได้
“ข้าไม่กินบะหมี่ที่ภูตหมอทำ ข้าจะไปหาอย่างอื่นในห้องครัวกิน” ฮุยหลางเอ่ยขึ้น ก่อนเดินเข้าห้องครัวหยิบของว่างออกมา
เฟิ่งจิ่วเห็นเข้าก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอนั่งลงตรงโต๊ะ มือหนึ่งเท้าคางมองชายหนุ่มกินบะหมี่ ในใจแสนสุขอย่างอบอุ่นใจ จนกระทั่งเขากินบะหมี่ในชามหมด ถึงจะเอ่ยด้วยว่า “พวกเราไปเดินเล่นกัน ย่อยอาหารเสียหน่อย”
เธอจูงมือเขาลุกขึ้น บอกสองคนข้างๆ ว่า “พวกเจ้ายังไม่กินก็รีบๆ ไปกินเสีย ไม่ต้องตามมา อยู่ในวังคงไม่เกิดเรื่องหรอก” กล่าวจบก็ออกไปพร้อมเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
หลังจากเห็นทั้งสองคนออกไป ฮุยหลางยกอาหารมานั่งตรงโต๊ะ ถามขึ้นว่า “อิ่งอี เจ้าว่าเป็นเช่นนี้องค์จักรพรรดิพอใจหรือไม่พอใจภูตหมอ?”
อิ่งอีนั่งลงและตอบว่า “ใครจะไปรู้ความคิดของจักรพรรดิได้ แต่พระองค์น่าจะกำลังสังเกตการณ์นาง ดูว่าภูตหมอมีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้หญิงอยู่ข้างนายท่านหรือไม่”
ฮุยหลางได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า พูดอย่างเห็นด้วย “ใช่ ในเมื่อองค์จักรพรรดิเป็นเจ้าของจักรวรรดิเซวียนหยวน ซ้ำยังเป็นบิดาของนายท่าน แม้บอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับนายท่านไม่ค่อยลงรอยกัน แต่มั่นใจเลยว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงข้างกายนายท่านอ่อนด้อยหรืออ่อนแอเกินไป ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นพ่อคนไหน ก็จะหาสิ่งที่ดีและโดดเด่นที่สุดให้ลูกชายตนเองอยู่แล้ว”
“เรื่องของพวกนายท่านพวกเขาจะจัดการกันเอง เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องไปกังวล” อิ่งอีเอ่ย ชำเลืองมองฮุยหลางที่นั่งตรงข้ามกัน “ทำไมเจ้าถึงใช้มือเลย ไม่แม้แต่จะหยิบตะเกียบมาสักสองคู่?”
ฮุยหลางกินเกี๊ยวเนื้อใส ยื่นอุ้งเท้าไปหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง พอได้ยินคำพูดของสหายก็ชะงัก จากนั้นบอกว่า “เช่นนี้สะดวกดี อีกอย่างเมื่อครู่ข้าลืมหยิบตะเกียบมา กินๆ ไปไม่เป็นไรหรอก”
สิ้นเสียงยังหยิบเกี๊ยวเนื้อใสอีกชิ้นมายัดเข้าปาก เห็นอิ่งอีนั่งอยู่ตรงนั้นไม่กินจึงถาม “เจ้าไม่กินล่ะ ไม่หิวหรือไร?”
“ข้าไม่ใช่หมาป่าเสียหน่อย กินอาหารต้องใช้อุ้งเท้าหยิบ” อิ่งอีลุกขึ้นเดินไปในห้องครัว ไม่นานก็หยิบตะเกียบคู่หนึ่งกับน้ำแกงหนึ่งถ้วยรวมถึงของวางบางส่วนออกมา
“ทำไมเจ้าไม่หยิบเพิ่มมาอีกคู่ให้ข้าล่ะ?” ฮุยหลางถลึงตาถาม
อิ่งอีชายตามองเขา “เจ้าใช้อุ้งเท้าสะดวกกว่าไม่ใช่หรือ อีกอย่างข้าว่าเจ้าใกล้กินหมดแล้ว”
“อุ้งเท้าอะไรกัน? นี่มือต่างหาก” เขาเบิกตามองอิ่งอี หลังจากกินเสร็จอย่างรวดเร็วถึงลุกขึ้นมา “เจ้าค่อยๆ กินไปเถอะ!” กล่าวจบก็ก้าวยาวๆ จากไป
อิ่งอีไม่สนใจเขา ตนเองกินส่วนของตนเองไป
เช้าตรู่วันต่อมา ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี เฟิ่งจิ่วก็ออกจากเรือนไปที่สวนดอกไม้หลวง
เธอไม่ลืมว่าวันนี้รับปากว่าจะเก็บน้ำค้างดอกไม้ไปชงชาให้จักรพรรดิดื่ม แม้เรื่องเช่นนี้ให้คนอื่นทำก็ได้ แต่ในเมื่อระบุชื่อให้เธอมาแล้ว จึงได้แต่ฝืนความง่วงตื่นนอนมาแต่เช้า
เธอเดินหาวมาถึงสวนดอกไม้หลวง ขณะมองดอกไม้งามที่ขึ้นอยู่เต็มสวน รวมถึงน้ำค้างที่รวมตัวกันบนกลีบดอก เธอครุ่นคิดดู คนจะเก็บน้ำค้างต้องเก็บทีละหยดๆ หรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง ดอกไม้ยามเช้าสองสามวันก็เก็บน้ำค้างได้แค่ไม่ถึงหนึ่งกาน้ำชา
ระหว่างคิด เธอหยิบขวดที่เตรียมมาเก็บน้ำค้างดอกไม้ออกมา ก่อนนำเข้าไปวางกลางพุ่มดอกไม้
………………………………………………….