เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1301 เข้าผิดห้อง + ตอนที่ 1302 จัดชามตะเกียบมาเพิ่มอีกชุด
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1301 เข้าผิดห้อง + ตอนที่ 1302 จัดชามตะเกียบมาเพิ่มอีกชุด
ตอนที่ 1301 เข้าผิดห้อง + ตอนที่ 1302 จัดชามตะเกียบมาเพิ่มอีกชุด
ตอนที่ 1301 เข้าผิดห้อง
เฟิ่งจิ่วยืนตรงหน้าพุ่มดอกไม้ สองมือรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณ เห็นเพียงนิ้วมือของเธอชี้ออกไป น้ำค้างดอกไม้ในพุ่มดอกไม้ทั้งหมดก็ถูกดูดเข้ามา รวมกันกลายเป็นสายน้ำเล็กๆ ไหลตามนิ้วมือเธอและเข้าไปในขวด
ในมุมมืด องครักษ์ลับที่เห็นภาพนี้แปลกใจเล็กน้อย ใช้พลังรวบรวมเก็บน้ำค้าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ ต้องรู้ไว้ว่าสิ่งที่เก็บมาเป็นเพียงน้ำค้างดอกไม้ หากควบคุมพลังวิญญาณไม่ดี ไม่เพียงแต่จะทำลายดอกไม้พวกนั้น ยังจะทำให้น้ำค้างดอกไม้ในพลังวิญญาณระเหยเป็นไอน้ำด้วย
ปกติน้ำค้างดอกไม้ชงชาที่จักรพรรดิดดื่ม พวกสาวใช้ในวังจะตื่นเช้ามาเก็บทีละหยดกลับไป แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีคนลองใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณเก็บน้ำค้างดอกไม้ อีกทั้งยังทำสำเร็จ
ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วใช้พลังวิญญาณเก็บน้ำค้างดอกไม้ ในห้วงความคิดพลันเกิดความคิดหนึ่ง น้ำค้างร้อยดอกไม้พวกนี้ หากเพิ่มพลังวิญญาณเข้าไปและนำใช้มากลั่นลูกกลอนรวมกลิ่นหอมจะดีหรือไม่? น้ำค้างร้อยดอกไม้นอกจากจะหอมสดชื่นแล้ว ยังเป็นน้ำไร้แหล่งที่มา หากใช้กลั่นยาเซียนหรือปรุงยา…
นึกถึงข้อนี้แล้ว เธอก็มีแรงบันดาลใจอยากจะลองกลั่นยาเซียนดู แต่รู้ว่ากลั่นยาเซียนที่นี่ไม่ค่อยดีเท่าไร จึงได้แต่เก็บความคิดนี้เอาไว้ก่อน ถึงอย่างไรหากกลั่นยาเซียนสำเร็จก็ดีไป ทว่าถ้าไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องและการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง
เธอเข้าไปดูน้ำค้างในขวด เห็นว่ายังไม่ถึงครึ่งขวด จึงเปลี่ยนสถานที่มาเก็บน้ำค้างดอกไม้อีกครั้ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เก็บน้ำค้างในสวนดอกไม้หลวงทั้งหมดเรียบร้อย เธอเก็บขวดเล็กๆ ไว้ให้ตนเอง จากนั้นนำส่วนที่เหลือเข้าไปในตำหนักและตามหานางกำนัลคนเมื่อวาน
“นี่เป็นน้ำค้างดอกไม้ เจ้าเอาไปชงชาให้จักรพรรดิที” เฟิ่งจิ่วส่งน้ำค้างดอกไม้ที่เก็บมาให้นางกำนัลพลางเอ่ย ก่อนจะหันหลังตั้งใจว่าจะกลับไปงีบสักหน่อย
“นะ น้ำค้างดอกไม้? มากเพียงนี้เชียว?” นางกำนัลมองขวดที่เต็มเปี่ยมสองสามใบด้วยสีหน้าตะลึง
นางเก็บมาจริงหรือ? ผสมน้ำไปหรือไม่? ยามนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของนางกำนัลพลันแปลกประหลาดขึ้นมา น่าจะเติมน้ำไปจริงๆ มิเช่นนั้นนางคนเดียวจะเก็บมามากมายเพียงนี้ในเช้าวันหนึ่งได้อย่างไร?
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองนาง รู้ว่านางกำลังคิดอะไร จึงบอกไปว่า “วางใจได้ เป็นน้ำค้างดอกไม้ไม่ผสมน้ำ” กล่าวจบก็โบกๆ มือเดินจากไป
อีกด้านหนึ่ง แววตาเฉียบคมของจักรพรรดิที่ได้ยินองครักษ์ลับรายงานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อ้อ? มีฝีมือเช่นนี้เชียว?”
“พ่ะย่ะค่ะ ซ้ำยังชำนาญมาก”
องครักษ์ตอบรับเสียงเบา อันที่จริงเขาได้รับคำสั่งให้คอยจับตามองสาวน้อยคนนั้น ตั้งแต่ในป่าครั้งก่อนก็มองออกแล้วว่านางไม่ธรรมดา อีกอย่างฝีมือยังดีกว่าองค์หญิงสามของจักรวรรดินทีแดงด้วย แม้แต่รัชทายาทแห่งชื่อสุ่ยยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ผู้หญิงเช่นนี้น่าจะเหมาะสมกับองค์ชายรัชทายาท ไม่รู้ว่านางมาจากตระกูลใด หากไม่ใช่คนของราชวงศ์ในแปดจักรวรรดิใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนตระกูลใหญ่ส่วนหนึ่ง
จักรพรรดิได้ฟังแล้วเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ผ่านไปเนิ่นนานยังไม่พูดอะไร
เฟิ่งจิ่วที่กลับมาถึงเรือนหาวหวอดพลางเข้าประตูไป ความง่วงงุนถาโถมมาหายิ่งทำให้เซื่องซึม แม้แต่ดวงตายังลืมไม่ค่อยจะขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเธอใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วยามก็เก็บน้ำค้างดอกไม้เสร็จ อีกทั้งตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ท้องฟ้าสลัวๆ ทำให้เธอรู้สึกว่ายามนี้ยังเป็นตอนกลางดึก
หลังจากเข้าห้องไป เมื่อถอดเสื้อนอกออกก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที ก่อนจะดึงผ้าห่มมานอนต่อ…
แต่หลังจากเธอห่มผ้า เตียงร้อนๆ กลับทำให้เธอตกใจ จึงยื่นมือไปคลำสำรวจอีกครั้ง…
………………………………………………….
ตอนที่ 1302 จัดชามตะเกียบมาเพิ่มอีกชุด
อืม บนเตียงมีเพียงเธอคนเดียว เช่นนั้นเธอไม่ได้เดินเข้าผิดห้อง ดังนั้นจึงม้วนผ้าห่มหลับสนิทไปเช่นนี้โดยไม่แม้แต่จะลืมตามอง…
เมื่อเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อาบน้ำเสร็จเดินออกมา ตรงโต๊ะไม่เห็นมีใคร แต่พอเดินเข้าไปห้องข้างใน ไม่คิดว่าจะเห็นเฟิ่งจิ่วม้วนผ้าห่มนอนอยู่ตรงนั้น เล่นเอาเขาอดตกใจไม่ได้ จากนั้นค่อยหลุดยิ้มพลางส่ายหน้า
เขาไม่ปลุกนางแต่เดินออกมาจากห้อง ปิดประตูเบาๆ แล้วมาที่ลานบ้าน เรียกว่า “อิ่งอี”
“นายท่าน” อิ่งอีในชุดดำปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที
“นางไปไหนมาแต่เช้า?”
ในความทรงจำของเขา หากไม่มีเรื่องสำคัญอะไรนางจะไม่ตื่นเช้า มีครั้งไหนไม่นอนตื่นเองตามธรรมาชาติบ้าง? ดูจากท่าทางของนาง ชัดเจนว่ายังไม่ตื่นดี ไม่อย่างนั้นทำไมขากลับถึงมาผิดเรือนและเข้ามาในห้องเขาได้
“จักรพรรดิให้ภูตหมอไปเก็บน้ำค้างร้อยดอกไม้ขอรับ เช้านี้ภูตหมอจึงออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ตอนเพิ่งกลับมาเดินไปง่วงไปจนเลยเรือนของนาง และเข้ามาในเรือนของนายท่านแทน” อิ่งอีกล่าวรายงาน ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินก็เงียบไป มองห้องด้านในอยู่เนิ่นนานโดยไม่พูดอะไร ผ่านไปนานถึงเอ่ยปากสั่งว่า “สั่งห้องครัวต้มข้าวต้มและเตรียมกับข้าวไว้ รอนางตื่นมากิน”
“ขอรับ” อิ่งอีขานรับ แล้วจึงแวบร่างหายออกไปสั่งงาน
ยามใกล้เที่ยง เฟิ่งจิ่วถึงจะตื่นนอน แต่เมื่อตื่นมาเห็นคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียงก็นิ่งไปพักหนึ่ง “ทำไมท่านวิ่งมาห้องข้าตั้งแต่เช้าเลย?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยกริมฝีปาก รอยยิ้มแย้มกว้างตรงริมฝีปาก ก่อนจะใช้หนังสือในมือตบศีรษะของนางเบาๆ “ผู้หญิงโง่ เจ้าดูซิว่าที่นี่เป็นห้องของใคร”
เธอกะพริบตามองไปรอบๆ แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นถึงยิ้มอักอ่วน รีบร้อนลุกขึ้นมานั่ง “ที่แท้ข้าเดินเข้ามาผิดห้องเอง! ข้าก็คิดอยู่ ตอนเข้ามานอนห่มผ้ายังอุ่นๆ แต่ว่าคลำไม่เจอใครเลยไม่สนใจ เหอะๆ…”
“ข้าให้คนเตรียมอาหารแล้ว เจ้าลุกมากินสักหน่อย หากนอนไม่พอก็หลับต่อไปเถอะ”
เธอได้ยินเช่นนี้ก็กลอกตา “ข้าไม่ใช่หมู” ก่อนที่จะเลิกผ้าห่มลุกขึ้นมาพลางเอ่ย “หยิบเสื้อผ้าตรงหัวเตียงให้ข้าที”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อลุกขึ้นยืน เก็บหนังสือในมือไป แล้วยื่นเสื้อผ้าให้เธอ รอจนเธอสวมเสื้อผ้าล้างหน้าเสร็จถึงจะออกไปด้านนอกด้วยกัน
แต่ยังไม่ทันนั่งในลานบ้าน ก็มีนางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามา
“แม่นางเฟิ่ง จักรพรรดิเรียกพบท่านเจ้าค่ะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อหน้าดำคล้ำเครียด เอ่ยทันทีว่า “ไสหัวกลับไป!”
นางกำนัลก้มหน้าลงทันควัน ไม่กล้าพูดอะไร ทว่ามองเฟิ่งจิ่ว
“ข้าจะไปดูหน่อย ท่านกินไปเถอะ ไม่ต้องรอข้า” เฟิ่งจิ่วตบๆ แขนของเขา ดึงเขามานั่งตรงโต๊ะ
“ข้าจะไปกับเจ้า” หลังจากถูกกดให้นั่งลงเขาก็ลุกขึ้นมาอีก แล้วจูงมือเธอเดินออกไป
“นี่…”
เฟิ่งจิ่วตะโกน ทว่าทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เพียงปล่อยเขาไป
ครั้นมาถึงในพระราชวัง จักรพรรดิกำลังหรี่ตานั่งพิงพนักอยู่หน้าโต๊ะยาว สิ่งที่จัดวางไว้บนโต๊ะยาวคืออาหารรสเลิศ ทว่าไม่เหมือนกับเมื่อวาน วันนี้ข้างๆ องค์จักรพรรดิวางเก้าอี้ไว้ตัวหนึ่ง รวมถึงชามตะเกียบอีกหนึ่งชุด
ยามนี้เอง ชายชุดเทาคนหนึ่งเข้ามากระซิบข้างหูเขาสองสามประโยค จักรพรรดิลืมตาขึ้นแล้วหัวเราะหยัน “คิดว่าข้าจะกินผู้หญิงของเขาหรือไร?”
กล่าวจบก็โบกๆ มือ “ช่างเถอะๆ จัดชามตะเกียบมาเพิ่มอีกชุดหนึ่งแล้วกัน!” แม้พูดเช่นนั้น ในนัยน์ตาเขากลับมีความยินดีที่ยากจะสังเกตพบ
………………………………………………….