เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1311 ข้ามาขอโทษ + ตอนที่ 1312 เช่นนั้นก็รับไว้เถิด
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1311 ข้ามาขอโทษ + ตอนที่ 1312 เช่นนั้นก็รับไว้เถิด
ตอนที่ 1311 ข้ามาขอโทษ + ตอนที่ 1312 เช่นนั้นก็รับไว้เถิด
ตอนที่ 1311 ข้ามาขอโทษ
อิ่งอีกับฮุยหลางที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นเขาพาผู้หญิงสี่คนเดินมาด้วย ก็อดมองตากันแวบหนึ่งไม่ได้ จากนั้นคนหนึ่งเข้าไปขวางอยู่หน้าประตูลานบ้าน ส่วนอีกคนเข้าไปรายงานข้างใน
เพราะประตูเรือนไม่ได้ปิดไว้ ฮุยหลางจึงเดินเข้าไปโดยตรง พอเข้ามาข้างในก็ชะโงกหน้าเข้าไป เมื่อไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่ว จึงรีบลดเสียงลงกล่าวว่า “นายท่าน ท่านอาหานพาผู้หญิงมาสี่คน แต่ละคนล้วนเป็นเช่นนี้” เขาบิดตัวไปมา ใช้สองมือทำท่าประกอบตรงหน้าอก บรรยายว่ารูปทรงองค์เอวมีสัดส่วนที่อวบอิ่มสมบูรณ์
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมีสีหน้าเครียดทันที เหลือบมองเขา แล้วจึงหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังอีกฝ่าย
เห็นสายตาของนายท่านมองไปข้างหลังตน ฮุยหลางรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง รีบหันไปมอง พอเห็นร่างชุดแดงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็อดยิ้มเหยเกไม่ได้ “ภูต ภูตหมอ”
“ฮุยหลาง เจ้าทำท่าทางประกอบได้ดีมากเลยนี่ เอวก็บิดได้อ่อนช้อยนัก ดูไม่ออกเลยว่าเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ซ่อนอยู่ด้วย” เฟิ่งจิ่วพูดด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“แหะๆ ความจริงข้าแค่เข้ามารายงานเท่านั้น คือว่า ข้า ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” เขายิ้มแข็งทื่อพลางรีบถอยออกไปข้างนอก
“สาวงามเชียวนะ ซ้ำยังมีตั้งสี่คน อีกทั้งยังเป็นแบบที่อวบอิ่มสมบูรณ์ ท่านไม่ไปดูหน่อยหรือ?” เธอเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะแวบหนึ่ง
“ให้คนไล่กลับไปก็พอ”
เขาไม่คิดจะออกไปด้วยซ้ำ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ขี้หึงขนาดไหน หากกล้าเอาสตรีมาไว้ข้างกายจริง นางอาจจะเก็บย่ามสัมภาระหนีหายไปได้ทุกเมื่อ เขาไม่กล้าเสี่ยงหรอก
ครั้นเอื้อมมือไปจะจับ กลับเห็นนางหลบเลี่ยง ก่อนจะเหล่มองด้านนอกและกล่าวว่า “ได้อย่างไรกัน? สาวงามหยดย้อยทั้งยังอวบอิ่มสมบูรณ์เชียวนะ! ท่านไม่อยากดู แต่ข้าอยากดู! ยิ่งกว่านั้นยังเป็นน้ำใจจากอาหานของท่านด้วย ใช่ไหมเล่า?”
เอ่ยจบก็เห็นเฟิ่งจิ่วเดินออกไปข้างนอกจริงๆ เห็นเช่นนั้นเขาถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงตามไปด้วย
“อาหาน ไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่าน ห้ามผู้ใดเข้าไปข้างใน ท่านน่าจะรู้นะขอรับ” อิ่งอีใบหน้าเย็นชา กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขายืนบังหน้าประตูลานบ้านไว้ ไม่ให้พวกเขาเดินเข้าไปสักก้าว
หานหรงมีสีหน้ามืดทึม เพียงเหลือบมองอิ่งอีแวบเดียว ไม่พูดอะไร เพราะคนด้านในเรือนเดินออกมาแล้ว
“นี่กำลังทำอะไรอยู่!” เสียงของเซวียนหยวนโม่เจ๋อค่อนข้างหนักอึ้ง ตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“อาเจ๋อ อาหานรู้ว่าวันนั้นทำเกินไป วันนี้จึงมาขอโทษแม่นางเฟิ่ง”
เขากล่าวกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แล้วหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านข้าง แววตาไหวระริกเล็กน้อยก่อนกล่าว “แม่นางเฟิ่ง วันนี้ข้าคนแซ่หานตั้งใจมาขอโทษ รู้ว่าแม่นางเฟิ่งอยู่ในจวนนี้มานานขนาดนี้ ข้างกายกลับไม่มีสาวใช้สักคน ดังนั้นวันนี้จึงตั้งใจเลือกสักหลายคนมารับใช้แม่นางเฟิ่ง”
สิ้นเสียง เขาเบี่ยงกายเล็กน้อย หันไปเอ็ดหญิงสาวเหล่านั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ “ยังไม่เข้าไปคารวะแม่นางเฟิ่งอีก!”
“บ่าวคารวะแม่นางเฟิ่ง”
ทั้งสี่คนค้อมกาย ย่อเข่าคารวะอย่างอ่อนช้อย น้ำเสียงนุ่มนวลรื่นหู ยามค้อมกายลง ทัศนียภาพงดงามโผล่พ้นร่มผ้าให้เห็นอยู่วับๆ แวมๆ ครั้นเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงแฝงด้วยความเขินอายถึงขั้นชวนให้ผู้พบเห็นใจสั่น
ฮุยหลางเห็นแล้วพูดไม่ออกเล็กน้อย ไม่ใช่กระมัง? หญิงงามที่มีเรือนร่างงามหยดย้อยทั้งยังน่าหลงใหลทั้งสี่คนนี้ถูกเตรียมมา เพื่อส่งให้ภูตหมอหรือ? ส่งให้ภูตหมอ นางเป็นผู้หญิงก็ไม่อาจเสพสุขได้อยู่ดี!
เดิมทีเขานึกว่าจะพามาส่งให้นายท่านเสียอีก! แต่ก็จริง หานหรงผู้นี้รู้ว่านายท่านไม่มีทางรับไว้ ฉะนั้นจึงบอกว่ามาขอโทษ เพียงแต่ขอโทษนั้นเป็นเรื่องหลอก ส่งตัวคนจึงจะเป็นเรื่องจริงกระมัง?
นี่เขากำลังคิดจะเอาผู้หญิงหน้าตาสะสวยรูปร่างอวบอิ่มหลายคนมาวนเวียนอยู่ต่อหน้านายท่าน? ภูตหมอจะรับผู้หญิงพวกนี้ไว้หรือ?
………………………………….
ตอนที่ 1312 เช่นนั้นก็รับไว้เถิด
เซวียนหยวนโม่เจ๋อขมวดคิ้ว หันไปมองเฟิ่งจิ่ว พอเห็นดวงตาเธอเป็นประกายพลางจ้องมองผู้หญิงสี่คนนั้น มุมปากของเขากระตุกอย่างห้ามไม่ได้ เบนหน้าออกไปอย่างพูดไม่ค่อยออก
“หญิงงามอวบอิ่มเหล่านี้ เจ้ามอบให้ข้าจริงหรือ?” เธอก้าวเท้าเข้ามา ดึงมือเล็กๆ ข้างหนึ่งขึ้นมาลูบ “ลื่นจริง นี่ทาอะไรหรือ?”
สาวงามที่ถูกเธอดึงมือขึ้นไปลูบ ตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่กล้าดึงมือกลับ ทำได้เพียงฝืนตอบกลับเสียงเบาว่า “เรียนแม่นางเฟิ่ง บ่าวใช้ครีมไข่มุกเกล็ดหิมะทามือทั้งเช้าเย็นเจ้าค่ะ”
“อืม ที่แท้ก็ใช้ไข่มุกเองหรือ! ไม่น่าเล่าจึงลื่นเช่นนี้” เธอพยักหน้ากล่าว ปล่อยมือคนนี้ แล้วไปเชิดคางคนนั้น “รูปร่างหน้าตาเจริญหูเจริญตาดีจริงๆ ผิวหรือก็ช่างขาวผ่อง มองจนข้าเริ่มอิจฉาขึ้นมาแล้ว”
อิ่งอีกับฮุยหลางที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก้มหน้า ปิดบังรอยยิ้มในดวงตา
หานหรงผู้นั้นกลับขมวดคิ้วเบาๆ ค่อนข้างแปลกใจ เขานึกว่านางจะโกรธ นึกไม่ถึงว่าจะเกี้ยวพาราสีผู้หญิงพวกนั้นต่อหน้าพวกเขา นางปีศาจผู้นี้ เป็นผู้หญิงจริงๆ หรือ?
“สาวงามพวกนี้ให้ข้าจริงหรือ?” เฟิ่งจิ่วหันไปถามหานหรง
“พาคนกลับไป! เก็บไว้ก็ขวางหูขวางตา!”
หานหรงยังไม่ทันพูดอะไร เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ทนไม่ไหวแล้ว ผู้หญิงของเขาปล่อยเขาไว้ไม่เกี้ยวพาเขา กลับไปเกี้ยวพาผู้หญิงพวกนั้นแทน? หากรับไว้จริง ต่อไปจะเป็นอย่างไร?
ครั้นเห็นเช่นนั้น หานหรงเผยยิ้มออกมา “อาเจ๋อ อย่างไรแม่นางเฟิ่งก็ต้องมีคนคอยดูแลอยู่ข้างกาย” ขณะเอ่ย เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่ว “แม่นางเฟิ่งพอใจพวกนางหรือไม่?”
“พอใจ พอใจอยู่แล้ว แต่ในเมื่อจะให้ข้า เช่นนั้นพวกนางก็ถือว่าเป็นคนของข้าแล้วกระมัง? ถ้าไม่ระวังเผลอทำตายขึ้นมาเล่า เจ้าจะไม่เอาเรื่องข้าใช่ไหม?” เธอยิ้มเหมือนไม่มีพิษสง มองหน้าหานหรงพลางถาม
หานหรงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักงัน มองเธอแวบหนึ่ง “หึๆ ไม่อยู่แล้ว ในเมื่อมอบพวกนางให้แม่นางเฟิ่ง ก็ย่อมกลายเป็นคนของแม่นางเฟิ่ง จะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้าคนแซ่หานอีก แต่ข้าคิดว่า ในเมื่อข้าคนแซ่หานมอบพวกนางให้แม่นางเฟิ่งเพื่อเป็นการขอโทษ แม่นางไม่ควรทำพวกนางตายง่ายๆ จึงจะถูก”
“แน่นอน” เธอหยักยิ้มรับคำ ถ้าหากพวกนางกล้ามีความคิดที่ไม่ควรมี เธอจะไม่ทำให้พวกนางตาย อย่างมากก็ทำให้พวกนางอยู่เหมือนตายทั้งเป็นเท่านั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคนแซ่หานขอตัวก่อน” เอ่ยจบ เขาหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง แล้วจึงค่อยยิ้มหันตัวเดินจากไป
“เจ้ารับพวกนางไว้ทำไม?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม ทั้งที่นางปฏิเสธได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะรับคนไว้
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขา ยิ้มจนดวงตาสองข้างหยี กล่าวตอบว่า “เอาไว้เล่นอย่างไรเล่า! ไม่เช่นนั้น วันเวลาก็น่าเบื่อเกินไปไม่ใช่หรือ?” สิ้นเสียง เธอหันไปมองสาวงามสี่คนตรงหน้า ก่อนถาม “พวกเจ้าชื่ออะไร?”
แต่เพิ่งจะสิ้นเสียง ขณะที่พวกนางทำท่าจะอ้าปากบอกชื่อตนเอง เฟิ่งจิ่วกลับโบกมือตัดบท “พวกเจ้าสี่คนเรียงชื่อตามสี่ฤดูกาลเถอะ ชุน (ฤดูใบไม้ผลิ) เซี่ย (ฤดูร้อน) ชิว (ฤดูใบไม้ร่วง) ตง (ฤดูหนาว) ก็แล้วกัน! เขตเรือนหลักทางนี้หากไม่มีคำสั่งของข้า ก็ห้ามเข้ามา”
“เจ้าค่ะ” ทั้งสี่คนรับคำ ไม่กล้าคัดค้านใดๆ
“ฮุยหลาง มีเรื่องใดจะสั่งให้พวกนางทำ เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน” เธอหันไปพูดกับฮุยหลาง
“หา? ข้าหรือขอรับ?” เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง มองหญิงสาวทั้งสี่แล้วเกาหัวครุ่นคิด “เช่นนั้นก็ได้! พวกเจ้าไปตักน้ำมาเติมในถังเก็บน้ำที่เรือนด้านหลังให้เต็มก่อนก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ” หญิงทั้งสี่รับคำ ย่อกายคารวะแล้วจึงค่อยตรงไปด้านหลัง
พอหญิงสาวทั้งสี่มาถึงเรือนด้านหลัง เห็นถังเก็บน้ำสองใบที่ใหญ่จนผิดปกติ ก็อดตกตะลึงไม่ได้…
………………………………….