เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1313 มาตามคำสั่ง + ตอนที่ 1314 หนุ่มรูปงาม ยิ้มหน่อย
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1313 มาตามคำสั่ง + ตอนที่ 1314 หนุ่มรูปงาม ยิ้มหน่อย
ตอนที่ 1313 มาตามคำสั่ง + ตอนที่ 1314 หนุ่มรูปงาม ยิ้มหน่อย
ตอนที่ 1313 มาตามคำสั่ง
“ข้าจำได้ว่าน้ำที่เรือนด้านหลังเป็นน้ำแร่จากภูเขาด้านหลังนั่น? แล้วถังน้ำก็เหมือนจะเป็นแบบก้นแหลมด้วย?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วมองฮุยหลาง
“ฮี่ๆ ใช่แล้ว เป็นน้ำแร่จากภูเขาด้านหลัง เดาว่ากว่าจะตักน้ำจนเต็มก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ภูตหมอ ข้ากำลังช่วยท่านไล่พวกนางไป พวกนางจะได้ไม่มาเดินขวางหูขวางตาต่อหน้าท่านกับนายท่าน”
เธอยิ้มหัวกล่าวว่า “จะขวางหูขวางตาได้อย่างไร มีสาวงามดั่งบุปผารูปร่างอวบอิ่มสี่คนเดินไปเดินมาต่อหน้า เรียกว่าเจริญหูเจริญตาต่างหาก”
“แต่นายท่านคิดว่าพวกนางขวางหูขวางตานี่นา! ในสายตาของนายท่านมีแค่ท่านเท่านั้น มีท่านอยู่ แม้จะเป็นหญิงงามอีกแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าตานายท่านได้” เขาพูดอย่างเอาอกเอาใจ
ได้ยินประโยคนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อยกมุมปากขึ้น ชำเลืองมองฮุยหลางแวบหนึ่ง แล้วจึงเอื้อมมือไปโอบเฟิ่งจิ่ว “วันนี้อยากออกไปเดินเที่ยวหรือไม่? ข้าจะไปเป็นเพื่อน”
“ไม่อยาก ข้าตั้งใจว่าจะใช้วันเวลาอันสุขสบายให้คนคอยรับใช้อยู่ที่นี่” เธอหันกายเดินเข้าไปข้างใน เอนกายลงบนตั่งตัวนุ่ม แล้วบอกฮุยหลางว่า “ฮุยหลาง ตักน้ำให้ไปตักแค่สองคนก็พอ อีกสองคนเรียกมาทุบขาให้ข้า คอยรับใช้อยู่ข้างกายข้า”
ฮุยหลางได้ยินแล้วมองเจ้านายแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบ “ขอรับ” เขาโฉบไปที่เรือนด้านหลัง เรียกหญิงสาวกลับมาสองคน
“หานหรงเรียกตัวพวกเจ้ามาจากที่ใด?” เฟิ่งจิ่วใช้สองมือประสานรองไว้ใต้ศีรษะ มองหญิงสาวสองคนที่กำลังทุบขาให้เธออยู่ด้านข้างพลางถาม
“เรียนแม่นางเฟิ่ง พวกบ่าวถูกเรียกตัวมาจากหอนารีวิไลเจ้าค่ะ” หญิงสาวทั้งสองตอบพร้อมกัน
“อ้อ? ที่นี่ก็มีหอนารีวิไลด้วยหรือ?” เธอชำเลืองมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง ถามคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “ท่านไม่เคยไปเลยหรือ”
“ไม่เคย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว เห็นเฟิ่งจิ่วหรี่ตาอย่างสบายใจอยู่ตรงนั้น ซ้ำยังมีผู้หญิงสองคนคอยปรนนิบัติ เขาจึงกล่าวว่า “ข้าจะไปสะสางงานที่ห้องหนังสือก่อน ค่ำหน่อยค่อยกลับมา”
หลังจากเห็นเขาไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว ชำเลืองมองฮุยหลางที่อยู่ด้านข้าง “นี่นายท่านของเจ้ากำลังหนีความผิดอยู่หรือ?”
“แหะๆ จะใช่ได้อย่างไรกัน?” ฮุยหลางยิ้มกระอักกระอ่วน แล้วถอยออกไปข้างนอก
เฟิ่งจิ่วแค่นเสียงขึ้นจมูก ไม่พูดอะไรอีก แต่ตาปรือแล้วนอนหลับไป
เวลานี้ หญิงสองคนเห็นเฟิ่งจิ่วหลับแล้ว จึงแอบมองพิจารณาเงียบๆ วันนี้ตอนตามหานหรงเข้ามาพวกนางได้แต่ก้มหน้าตลอดเวลา ไม่กล้ามองนางตรงๆ ตอนนี้พอมองดู ก็อดตะลึงในความงามของนางไม่ได้
ความงามเช่นนี้ แม้ในหมู่หญิงงามนับร้อยในหอนารีวิไลก็ยังไม่มีใครเทียบได้ มิน่าล่ะถึงได้เข้าตาเจ้าตำหนักยมราช
ได้ยินว่านายท่านที่ไม่เคยใกล้ชิดสตรี รักและทะนุถนอมหญิงชุดแดงผู้หนึ่งมาก เห็นนางเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า วันนี้ได้เห็นแล้ว ทั้งสองอดอิจฉาและชื่นชมไม่ได้
หากพวกนางเองก็ได้รับความเอ็นดูจากนายท่านด้วย จะดีสักแค่ไหนกัน?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กอปรกับนึกถึงคำพูดของหานหรง ทั้งสองคนสบตากัน อดไม่ได้ที่จะหลุบตาลงต่ำ ทุบขาให้เฟิ่งจิ่วไปเบาๆ…
ตกค่ำ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว รอบลานบ้านเงียบสงัดไร้เสียง หลังจากกลับมากินมื้อค่ำกับเฟิ่งจิ่วที่เรือนหลัก เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็กลับไปสะสางงานที่ยังคั่งค้างต่อที่ห้องหนังสือ พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงกลางดึก
ทางด้านเฟิ่งจิ่วก็เอนกายนอนพักผ่อนบนเตียงแล้ว แต่เวลานี้ กลับมีหญิงคนหนึ่งยกน้ำชาเข้ามาที่ห้องหนังสือ เพียงแต่ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ถูกอิ่งอีขวางไว้ก่อน
“กลับไปเสีย!” อิ่งอีตะคอกเสียงทุ้มต่ำ
“องครักษ์อิ่ง บ่าวมาตามคำสั่งของคุณหนู ยกน้ำชามาให้นายท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา ขณะเงยหน้าขึ้น นัยน์ตางามแฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวนมองไปที่อิ่งอี
………………………………….
ตอนที่ 1314 หนุ่มรูปงาม ยิ้มหน่อย
ได้ยินเช่นนั้น อิ่งอีเหลือบมองหญิงสาวผู้นั้น แค่คิดก็รู้ว่าเฟิ่งจิ่วต้องการอะไร ฉะนั้นจึงเบี่ยงกายผลักเปิดประตู “เข้าไปได้”
“ขอบคุณองครักษ์อิ่ง” หญิงสาวดีใจ ค้อมกายเล็กน้อย จากนั้นยกชาเดินเข้าไปในห้อง
หลังจากผู้หญิงคนนั้นเข้าไป อิ่งอีชำเลืองมองบนหลังคา เฝ้าประตูต่อไปเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
ขณะเดียวกัน บนหลังคาห้องหนังสือ ร่างสีแดงร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนนั้น พลางแอบมองลงไปข้างล่างผ่านหน้าต่างหลังคาบานเล็กๆ อย่างนึกสนุก
เทียบกับความผ่อนคลายสบายอารมณ์ของเธอ เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ในห้องหนังสือกลับหน้าบึ้งตึง พอนึกถึงคำพูดของหญิงสาวบางคนที่กระโดดข้ามหน้าต่างมาพูดกับเขาเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกแต่ว่าปวดหัวเล็กน้อย
นางว่าอย่างไรแล้วนะ?
ให้เขาให้ความร่วมมือกับนางหน่อย นางอยากรู้ว่าจะลงมือกับผู้หญิงพวกนั้นได้หรือไม่ เลี่ยงไม่ให้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์?
ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรดีใจที่นางเชื่อใจเขา หรือควรโกรธที่นางใช้เขาเพื่อทดสอบผู้หญิงพวกนั้น
“นายท่าน บ่าวยกชามาให้เจ้าค่ะ”
เสียงอ่อนหวานดังมา ฟังแล้วเฟิ่งจิ่วที่อยู่บนหลังคาสะท้านใจ ดวงตาเป็นประกายแวววับ เสียงนี้ฟังดูอ่อนหวานกว่ายามที่พูดกับเธอมาก นี่คิดอยากได้ผู้ชายของเธอจริงๆ หรือ? หึๆๆ ใจกล้าไม่เบา! เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน!
เธอชำเลืองมองข้างล่าง เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งผึ่งผายปิดหนังสือบนโต๊ะลง จากนั้นก็ให้ผู้หญิงคนนั้นยกชามาให้ สีหน้าดีใจจนปิดไม่มิดของผู้หญิงคนนั้นไม่รอดพ้นสายตาของเธอ เธออดหัวเราะเสียงต่ำไม่ได้ เมื่อเสียงนั้นดังไปถึงห้องหนังสือด้านล่าง ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจ หน้าพลันซีดเผือด รีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเงาร่างสีแดงที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างหลังคาบานเล็ก
“กรี๊ด!”
นางกรีดร้องเสียงดัง ตกใจจนขาอ่อน ทำท่าจะโผไปหาเซวียนหยวนโม่เจ๋อ นึกไม่ถึงว่ากลับถูกพลังขุมหนึ่งปัดออกไป ร่างปลิวออกจากห้องหนังสือทันที
“ท้องฟ้าราตรีงดงามไม่เบา! หนุ่มรูปงาม สนใจขึ้นมาชมจันทร์หรือไม่?” เธอนั่งขัดสมาธิ มือข้างหนึ่งชันคาง ยิ้มระรื่นมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างล่าง “ความจริงท่านเอาเปรียบผู้หญิงคนนั้นสักหน่อยข้าก็ไม่หึงหวงหรอก ขอแค่ท่านอย่าถูกคนอื่นเอาเปรียบก็พอ”
ยามได้ยินประโยคข้างหน้า กลีบปากของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเตรียมจะหยักยิ้มขึ้นมา กำลังคิดว่าแม่สาวน้อยคนนี้ในที่สุดก็รู้ความเสียที รู้จักชวนเขาชมจันทร์แล้ว ใครจะรู้ว่าพอถึงประโยคต่อมา กลับทำให้ความคิดก่อนหน้านี้ของเขาสะดุดกึกไปทันที
ยังไม่รู้ความเหมือนเดิมตามคาด
เขาเอามือไพล่หลังเดินออกจากห้องหนังสือ เหลือบมองผู้หญิงคนนั้นที่ตกใจจนหมดสติไปแล้ว ก่อนสั่งให้อิ่งอีเอาตัวคนออกไป จากนั้นก็เขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนหลังคาเรือน และสาวเท้าเดินเข้าไปหาร่างสีแดงอย่างช้าๆ
เฟิ่งจิ่วกะพริบตามอง ชื่นชมร่างชุดดำที่กำลังเดินมาท่ามกลางแสงจันทร์ มองดูชายที่ท่วงท่าดุจเทพเซียน รอบกายเต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้ชายวัยผู้ใหญ่ เธออดไม่ได้ที่จะหรี่ตา รู้สึกว่าสายตาที่ใช้เลือกผู้ชายของตัวเองช่างดีเลิศจริงๆ ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เธอกอดขาเขาตั้งแต่แรกเจอเลยทีเดียว
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่มีใบหน้าเจ้าเล่ห์แก่นแก้ว นั่งอยู่บนหลังคาอย่างเอ้อระเหยเกียจคร้าน ชันคางยิ้มตาหยีพลางมองมาที่เขา ในสายตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็เปรียบเหมือนภูตพรายภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ฉุดกระชากวิญญาณผู้พบเห็น ชวนให้คนใจสั่นหวั่นไหว
“หนุ่มรูปงาม ยิ้มหน่อยสิ”
วาจาเกี้ยวพาราสีเจือแววหยอกล้อดังมา ทำลายบรรยากาศลึกลับโรแมนติกจนสิ้น และก็ทำให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ได้ยินคำพูดของเธอต้องยกมุมปาก เผยรอยยิ้มอย่างจนใจ
“บรรยากาศดีๆ อย่างนี้ เจ้าช่วยพูดให้เหมือนคนปกติหน่อยไม่ได้หรือ?”
“อย่างเช่นอะไร?” เธอยักคิ้วพลางยิ้มกว้างมองเขา
………………………………….