เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1389 ยืมดอกไม้ถวายพระ + ตอนที่ 1390 ไก่ขนเขียว
ตอนที่ 1389 ยืมดอกไม้ถวายพระ + ตอนที่ 1390 ไก่ขนเขียว
ตอนที่ 1389 ยืมดอกไม้ถวายพระ
เมื่อเห็นศิษย์พี่เฉินจากไป หัวหน้าเฉียนกำลังทำหน้าเครียดหมายจะสั่งสอนเฟิ่งจิ่วสักสองสามประโยค ก็เห็นอีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามา น้อมส่งโอสถรวมปราณให้เขาด้วยสองมือ
“หัวหน้าเฉียน ข้าเพิ่งมาใหม่ รบกวนหัวหน้าเฉียนดูแลชี้แนะด้วย โอสถรวมปราณนี้ศิษย์พี่เฉินมอบให้ข้า ข้าขอถือโอกาสยืมดอกไม้ถวายพระ[1] มอบให้แก่หัวหน้าเฉียน หัวหน้าเฉียนต้องรับน้ำใจนี้ของข้าไว้ด้วยนะขอรับ”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ หัวหน้าเฉียนอึ้งตะลึง มองเฟิ่งจิ่วอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มทำหน้าจริงใจ ไม่เห็นวี่แววฝืนใจแม้แต่น้อย จึงลอบพยักหน้าอย่างพอใจอยู่เงียบๆ ข้างในใจรู้สึกดีมาก แต่ปากกลับยังคงแสร้งพูดบ่ายเบี่ยง
“นี่เป็นของที่ศิษย์พี่เฉินมอบให้เจ้า เจ้าเก็บไว้เองเถิด! ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถรวมปราณ ขนาดจะซื้อยังต้องจ่ายในราคาแพงเลย”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนั้น ก็ทำท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะเยินยอด้วยสีหน้าเลื่อมใสว่า “ข้ารู้ว่าหัวหน้าเฉียนเป็นคนซื่อตรง ปากร้ายใจดี ข้าเพิ่งขึ้นเขามา หัวหน้าเฉียนก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี ซ้ำยังมอบหมายงานสบายๆ พวกนี้ให้ข้าทำอีก ในใจข้ารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่หัวหน้าเฉียนมีต่อข้ายิ่งนัก ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะมอบให้ ฉะนั้นโอสถรวมปราณนี้ อย่างไรหัวหน้าเฉียนก็ต้องรับไว้นะขอรับ”
ขณะกล่าว เฟิ่งจิ่ววางยาขวดนั้นลงในมือของเขา พอเห็นท่าทางประดักประเดิดของเขา เธอปั้นหน้าตึงทำสีหน้าจริงจัง พยายามอดกลั้นไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา
“อะแฮ่ม!”
หัวหน้าเฉียนเองก็หัวใจเบิกบานวางความขุ่นเคืองลง และอารมณ์ก็ดีขึ้นมาเพราะคำพูดของเฟิ่งจิ่วอีกเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วยัดยาใส่มือของเขา ก็กระแอมเบาๆ แล้วแสร้งทำหน้าลำบากใจ “เช่นนั้นก็ได้! ในเมื่อเจ้าอยากแสดงน้ำใจ ข้าก็จะรับไว้”
“หัวหน้าเฉียน ข้ามีเรื่องอยากถามสักหน่อย ศิษย์พี่เฉินคนเมื่อครู่มีฐานะอย่างไรบนยอดเขาซานหยางนี้หรือขอรับ?” ถึงเมื่อครู่จะเอาแต่คุยโวประจบประแจง แต่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับศิษย์พี่เฉินเลยจริงๆ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หัวหน้าเฉียนมุมปากกระตุก เขาเหล่มองเฟิ่งจิ่ว ค่อนแคะว่า “พูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขา?” ประจบประแจงได้ลื่นไหลถึงเพียงนั้น เขายังนึกว่าเจ้าเด็กนี่รู้จักศิษย์พี่เฉินจริงๆเสียอีก!
“แหะๆ…” เธอยิ้มแห้งๆ เกาหัวด้วยความเคอะเขินเล็กน้อย “วันนี้ข้าเพิ่งเจอเขาเป็นครั้งแรก เห็นหัวหน้าเฉียนเรียกเขาว่าศิษย์พี่เฉินจึงเรียกตามเท่านั้น”
“แค่ก”
หัวหน้าเฉียนไอเสียงเบา หมุนมือเก็บยาไป แล้วจึงเอามือไพล่หลังเล่าว่า “ศิษย์พี่เฉินชื่อเต็มว่าเฉินเต้า เป็นญาติของผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักเรา เดิมก็มีฐานะพิเศษในสำนักอยู่แล้ว เจ้าเข้าตาเขาได้ ก็ถือว่าเป็นบุญของเจ้าเช่นกัน”
พูดมาถึงตรงนี้ เสียงของเขาสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เขาเป็นคนมีนิสัยประหลาด มีพฤติกรรมแปลกๆ ทั่วทั้งยอดเขาซานหยางมีไม่กี่คนที่เข้าตาเขา อีกอย่างก็คือ ความสามารถด้านการหลอมยาของเขาโดดเด่นมากจริงๆ และก็เป็นเพราะฐานะของเขาด้วย บนยอดเขาซานหยางนี้ นอกจากปรมาจารย์ซานหยางแล้ว คนอื่นจึงล้วนเกรงใจเขาอยู่หลายส่วน”
“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง ขอบคุณหัวหน้าเฉียนที่ชี้แนะ” เธอประสานมือขอบคุณตามมารยาท “ข้าไม่รบกวนหัวหน้าเฉียนแล้ว ข้าจะไปเฝ้าสวนสมุนไพรก่อน”
หัวหน้าเฉียนพยักหน้า กำชับว่า “ไปเถิด! มีเรื่องใดไม่เข้าใจก็มาถามข้าได้เสมอ” กินของเขาแล้ว รับของเขามาแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดีเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นจะดูไม่ค่อยดีนัก
รอจนเขาจากไปแล้ว เฟิ่งจิ่วหรี่ตาลง ใบหน้าผุดรอยยิ้มขึ้นมา แล้วจึงค่อยสาวเท้าเดินไปทางสวนสมุนไพร
ตอนมาถึงสวนสมุนไพรถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ถามหัวหน้าเฉียนเลยว่างูประเภทไหนที่มากินยาทิพย์ที่นี่? ทว่าไม่นานก็เห็นตรงจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล มีสิ่งมีชีวิตตัวกลมขนสีเขียวปุกปุยตัวหนึ่งกำลังสาวเท้าสองข้างมุดเข้าไปในสวนสมุนไพรอย่างรวดเร็ว…
………………………………….
ตอนที่ 1390 ไก่ขนเขียว
“นั่นตัวอะไร?” เธออึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นเจ้าตัวกลมนั่นวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วสวนยาทิพย์ ก็รีบไหวกายตรงเข้าไปดู ถึงรู้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีขนบนยอดหัวสีเขียวเป็นไก่ตัวหนึ่ง!
“ไก่ขนเขียว? เป็นไก่งั้นหรือ?”
เธองุนงงเล็กน้อย เจ้าสิ่งนั้นมีรูปร่างเหมือนไก่ แต่ที่ต่างกันคือมันมีขนสีเขียว บนหัวมีขนสีเขียวอยู่หนึ่งกระจุก ลำตัวก็เป็นสีเขียวมันวาว เพียงแต่ตัวของมันกลับกลมเหมือนลูกหนังที่ถูกเป่าลมอย่างไรอย่างนั้น หนำซ้ำใต้ร่างกายกลมเกลี้ยงยังมีกรงเล็บไก่งอกออกมาอีกสองข้าง
“สัตว์ปีกระดับเจ็ด?”
มุมปากเธอกระตุกเบาๆ สิ่งที่เหมือนสัตว์ปีกแต่ก็เหมือนสัตว์ร้ายด้วยตัวนี้ กลับเป็นถึงสัตว์ปีกระดับเจ็ด!
“กุ๊กๆๆ!”
ขณะที่เธออุทานคำว่าสัตว์ปีกระดับเจ็ดอย่างลืมตัว ก็เห็นไก่ขนเขียวที่กำลังกินหญ้าใบลิ้นแดงหันมาร้องใส่เธอ เสียงกุ๊กๆๆ ที่เหมือนเสียงไก่ร้องดังอยู่ในหูของเธอ เหมือนกำลังต่อว่าที่เธอเรียกมันว่าสัตว์ปีก
เมื่อเห็นไก่ขนเขียวตัวกลมอ้าปากจิกเอาใบอ่อนของหญ้าใบลิ้นแดงไปกินอีกครั้ง เธอรีบดึงสติกลับมา ตะโกนกร้าวว่า “เจ้าขนเขียว หยุดกินได้แล้ว!”
ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าหมายจะจับเจ้าไก่ขนเขียว นึกไม่ถึงว่ามันกลับกางปีกบิน แล้วกระโดดออกไปไกลหลายจั้ง
“บินเป็นด้วยหรือ? นี่ตกลงเป็นไก่หรือเป็นนกกันแน่?”
เธออึ้งมองไก่ขนเขียวที่กำลังกางปีกใส่เธอเหมือนกำลังแสดงบารมี เห็นมันยืดคอ อ้าปากจิกใบอ่อนของหญ้าใบลิ้นแดงไปกินอีกครั้ง
“ยังจะกินอีก? คิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ ใช่หรือไม่?” เธอม้วนแขนเสื้อ ค่อยๆ ย่องเข้าไปจากข้างหลัง ก่อนจะกระโจนไปข้างหน้าเพื่อจับมันด้วยมือทั้งสองข้าง
“กุ๊กๆๆ…กุ๊กๆๆ!”
เจ้าไก่ขนเขียวกระพือปีกบินขึ้นกลางอากาศ แหงนหน้าร้องเสียงสูง เฟิ่งจิ่วเห็นเพียงว่ามันทิ้งตัวลงพื้นอีกด้านหนึ่งอย่างย่ามใจ จากนั้นก็เริ่มขโมยกินหญ้าใบลิ้นแดงอีกครั้ง
เห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว มุมปากหยักขึ้นเผยรอยยิ้มร้ายกาจ “ยังจะกินอีกใช่หรือไม่? ก็ได้! เจ้าบังคับข้าเองนะ” สิ้นเสียง เธอย่องเข้าไปใกล้อีกครั้ง
ครั้งนี้ ขณะที่จะพุ่งตัวไปข้างหน้ากลับชะงักเท้าไว้ ตอนที่เจ้าไก่ขนเขียวกระพือปีกบินขึ้นไป เข็มเงินเล่มหนึ่งก็ถูกดีดออกไปดังฟิ้ว
“กุ๊กๆ…”
เพิ่งจะร้องได้สองคำ ก็เห็นไก่ขนเขียวกระพือปีกถี่ๆ จากนั้นก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ เฟิ่งจิ่วเขย่งปลายเท้า กระโดดไปข้างหน้าแล้วคว้าตัวมันไว้
“ฮี่ๆ คราวนี้ก็จับเจ้าได้เสียที”
เธอเชิดคางด้วยความย่ามใจ ลูบเจ้าไก่ขนเขียวตัวอ้วนๆ แล้วตบมันไปสองสามที ยามที่มือแตะโดนตัวมัน สัมผัสที่มือทำให้เธอตะลึงงันเล็กน้อย
“สัมผัสนี้มัน…”
จู่ๆ เธอก็กลืนน้ำลาย ดวงตาที่จับจ้องไก่ขนเขียวเป็นประกายขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ สัตว์ปีกระดับเจ็ด หากจับมากิน รสชาติต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ?
“กุ๊กๆๆ…กุ๊กๆๆ…”
เจ้าไก่ขนเขียวแหงนหน้าร้องเสียงดัง ราวกับเริ่มเกิดความกลัวขึ้นมา พยายามดิ้นขัดขืนเพื่อจะหนี แต่มันที่ถูกเฟิ่งจิ่วจับไว้ มีหรือคิดจะหนีก็หนีได้ตามใจอยาก?
ด้วยประการฉะนี้ จึงเห็นเพียงเฟิ่งจิ่วเอาแต่ก้มหน้ามองไก่ขนเขียวในมืออย่างน้ำลายสอ พลางพึมพำว่า “นึ่งดี? ต้มดี? หรือจะเอามาย่างดี? หรือว่าจะตุ๋น หรือไม่ก็เอามาผัดดี? ทำแบบไหนจะรสชาติดีกว่ากันนะ?”
ความคิดของเธอง่ายดายมาก ในเมื่อเป็นสัตว์ปีกก็ต้องกินได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านี่คือไก่ขนเขียว ถึงจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด แต่ก็เป็นแค่ไก่ตัวหนึ่ง เมื่อจัดการถอนขนแล้วกิน ก็เป็นแค่อาหารที่ทำให้ท้องอิ่มเท่านั้น
ทว่า ขณะที่เธอกำลังคิดจะหาสถานที่เพื่อจัดการกินไก่ขนเขียวตัวนี้เสีย ยามที่มือไปสัมผัสถูกใต้ตัวมัน เธอก็ต้องตะลึงงัน
………………………………….
[1] ยืมดอกไม้ถวายพระ หมายถึง เอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจ