เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1391 ไปแล้วย้อนกลับมา + ตอนที่ 1392 เด็ดยอดอ่อน
ตอนที่ 1391 ไปแล้วย้อนกลับมา + ตอนที่ 1392 เด็ดยอดอ่อน
ตอนที่ 1391 ไปแล้วย้อนกลับมา
“หือ? ไข่ไก่หรือ?”
เธอกะพริบตาปริบๆ มองไก่ขนเขียวที่กำลังดิ้นขัดขืนอยู่ในมือ “เจ้ามีไข่แล้วหรือ ใส่หมวกเขียวไว้บนหัว แต่กลับเป็นตัวเมียรึ? ข้าก็นึกว่าเจ้าเป็นตัวผู้เสียอีก!”
เดิมทีคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครอยู่ รีบจัดการเจ้าไก่นี่แล้วกินเสีย แต่พอลูบโดนไข่ไก่ที่อยู่ในท้องของไก่ขนเขียวนี่ เธอก็อดทอดถอนใจไม่ได้
“ช่างเถอะ เจ้าไปเสีย! อย่ามาอีกเล่า ถ้ายังมาอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแล้วนะ” เธอวางเจ้าไก่ขนเขียวลงบนพื้น พยักพเยิดให้มันรีบไปเสีย
ถึงอย่างไรก็เป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด แม้จะไม่ได้มีสติปัญญาเช่นสัตว์เทวะอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เข้าใจภาษาคนเช่นกัน พอเห็นเฟิ่งจิ่วจับมันได้แล้วปล่อยมัน ก็อดร้องกุ๊กๆๆ ขึ้นมาไม่ได้ แล้ววิ่งวนรอบตัวเธอไม่ยอมจากไป
“ยังไม่ไปอีก?”
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว มองดูเจ้าไก่ขนเขียววิ่งวนรอบตัวเธอพลางพึมพำเสียงเบาว่า “เจ้าเป็นไก่ป่าหรือ หรือว่าถูกเลี้ยงแบบปล่อย? ยังไม่รีบไปอีก? ถ้ายังไม่ไปอีกข้าจะเริ่มเสียใจที่ปล่อยเจ้าแล้วนะ”
พอนึกว่าแกงไก่หอมๆ หม้อหนึ่งอันตรธานหายไปในพริบตา เธอก็ถอนหายใจ หาที่นั่งลง พลางหยิบขนมจากในห้วงมิติออกมากิน
ในเมื่อไม่มีเนื้อ เช่นนั้นกินขนมก็แล้วกัน! แก้ขัดไปก่อน
“กุ๊กๆๆ กุ๊กๆๆ…”
เจ้าไก่ขนเขียววิ่งรอบตัวเฟิ่งจิ่วพลางส่งเสียงร้อง จ้องมองขนมในมือของเธอไม่ยอมจากไป
“อยากกินรึ?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว บิดขนมออกมาเล็กน้อยแล้ววางไว้กลางมือ “กินเสียสิ”
สิ้นเสียง ก็เห็นไก่ขนเขียวยืดคอขึ้นมาจิกกินขนมที่อยู่กลางฝ่ามือของเธอ ทุกครั้งที่ได้สัมผัสความรู้สึกจั๊กจี้ยามเจ้าไก่จิกอาหารกลางฝ่ามือ เธออดไม่ได้ที่จะดึงมือกลับเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มออกมา
เธอป้อนอาหารให้เจ้าไก่ขนเขียวไปด้วย กวาดมองสวนสมุนไพรรอบๆ ไปด้วย นอกจากไก่ขนเขียวที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดตัวนี้ อย่างอื่นก็ยังถือว่าเงียบสงบ ไม่เห็นสัตว์จำพวกงูอะไรมาก่อความวุ่นวาย
เห็นเช่นนี้เธอจึงหรี่ตาลง เริ่มรู้สึกอยากจะงีบหลับ แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามา
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่ว?”
ดวงตาที่กำลังปรือลงครึ่งหนึ่งของเธอเบิกกว้างทันที เสียงนั้นฟังดูเหมือนศิษย์พี่เฉินคนเมื่อครู่เลย? ด้วยความสงสัย จึงหันไปมองเล็กน้อย เป็นเขาดังคาด เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหา
“ศิษย์พี่เฉิน”
“เจ้าอยู่นี่เองหรือ! มาๆ” เฉินเต้ากวักมือเรียก เป็นเชิงบอกให้เฟิ่งจิ่วเดินไปหา
“ศิษย์พี่เฉินมีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ?”
เธอยิ้มตาหยีพลางเดินเข้าไปถาม ในสมองเริ่มวางแผนแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งมักต้องมีลูกศิษย์ติดตามเสมอ หากเธอได้เป็นลูกศิษย์ติดตามอยู่ข้างกายเฉินเต้าผู้นี้ เช่นนั้นก็อาจจะได้เจอท่านแม่ของเธอง่ายขึ้นหน่อย
“เมื่อครู่คุยกับเจ้า ดีใจจนลืมไปเลยว่าข้าจะมาทำอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธออึ้งงันเล็กน้อย ยิ้มแล้วถามว่า “เช่นนั้นศิษย์พี่เฉินจะมาทำอะไรหรือขอรับ ต้องการยอดหญ้าใบลิ้นแดงสดๆ หรือ?”
“เอ๊ะ? เจ้ารู้หรือ?”
เฉินเต้ามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ยิ้มตอบว่า “ถูกต้องแล้ว ข้าจะมาเอายอดหญ้าใบลิ้นแดง เจ้าไปเก็บมาให้ข้าสักหน่อย ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”
สั่งเสร็จก็หาที่นั่งลงบนหินก้อนหนึ่ง ไม่คิดจะไปเด็ดด้วยตนเอง
“ได้ขอรับ ศิษย์พี่เฉินรอสักครู่ ข้าจะรีบกลับมา” เธอหมุนตัวเดินกลับไป ก้าวลงไปในแปลงสมุนไพรแล้วเด็ดยอดอ่อนของหญ้าใบลิ้นแดงมา
ยาทิพย์แม้จะใช้แบบแห้งได้ด้วย แต่ยาบางตัวประสิทธิภาพไม่ดีเท่าตอนเด็ดใหม่ และหญ้าใบลิ้นแดงนี่ก็เป็นหนึ่งในยาทิพย์ที่ต้องใช้แบบสดใหม่เช่นกัน ยิ่งสดใหม่ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง
เขาไปแล้วย้อนกลับมา เธอย่อมรู้ว่าเขากลับมาเด็ดสมุนไพร
………………………………….
ตอนที่ 1392 เด็ดยอดอ่อน
หญ้าใบลิ้นแดง เพียงเด็ดยอดอ่อนสองใบที่อยู่ตรงกลางไปใช้เท่านั้น ยอดอ่อนสองใบนั้นมีสีแดงเข้มเหมือนลิ้นไก่ ตอนเด็ดจะต้องเด็ดตรงข้อต่อของมันอย่างเดียว เช่นนี้จะได้กักเก็บกลิ่นอายพลังวิญญาณที่อยู่ในยอดอ่อนไว้ และสมุนไพรชนิดนี้ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในการหลอมกลั่นยาฟื้นสภาพวิญญาณต้น
เวลาประมาณครึ่งก้านธูปผ่านไป เธอเด็ดยอดอ่อนเสร็จแล้วก็นำมามอบให้เฉินเต้า “ศิษย์พี่เฉิน ท่านดูว่าพอหรือยัง?”
เฉินเต้าไม่ได้บอกอย่างละเอียดว่าควรเด็ดยอดอ่อนชนิดนี้อย่างไร คิดในใจว่า หากเจ้าเด็กใหม่ไม่รู้ก็น่าจะถามเขาก่อน นึกไม่ถึงว่าแค่ชั่วเวลาครึ่งก้านธูป เด็กใหม่จะเด็ดยอดอ่อนกลับมาได้จริงๆ
เขามองดูยอดอ่อนที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เพ่งพินิจอย่างละเอียด อดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้ ถามขึ้นว่า “ไหนเจ้าว่าเจ้ามาใหม่ไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ขอรับ! เพิ่งเข้ามาเมื่อวานขอรับ” เฟิ่งจิ่วยิ้มกว้าง
“วิธีการเก็บหญ้าใบลิ้นแดง คนงานทั่วไปไม่รู้กันหรอกนะ” เขามองเฟิ่งจิ่ว ยกมือลูบหนวดรูปอักษรเลขแปดสองเส้นนั้น สายตาแฝงแววพินิจพิเคราะห์และจับผิด
“ขอบคุณศิษย์พี่เฉินที่ชมขอรับ” เธอยิ้มตาหยีพลางกล่าว
ศิษย์พี่เฉินได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักไปนิด ถามว่า “ข้าชมเจ้าเมื่อใดกัน?”
“ศิษย์พี่เฉินบอกว่าคนงานทั่วไปไม่รู้ นั่นแสดงว่าข้าไม่ใช่คนงานธรรมดาไม่ใช่หรือขอรับ?” ดวงตาของเธอฉายแววเจ้าเล่ห์ ยิ้มตาหยีพร้อมพูดเสริม “ตอนเข้ามาข้าทบทวนความรู้มาอย่างดี ตลาดยาทิพย์ข้าก็เคยเห็นมาแล้ว ดังนั้นจึงรู้ว่าต้องเก็บยอดอ่อนของหญ้าใบลิ้นแดงอย่างไรจึงจะทำให้ไม่สูญเสียประสิทธิภาพของมันไปขอรับ”
“อ้อ?”
ได้ยินแล้วเฉินเต้าเริ่มรู้สึกสนอกสนใจ “เจ้าเคยเห็นตลาดยาทิพย์ด้วย? ยาทิพย์ที่ขายที่นั่นมีไม่น้อย เจ้าเคยเห็นและจำได้จริงหรือ?”
“แหะๆ…”
เธอยิ้มอย่างค่อนข้างกระดากอาย ตอบว่า “ความจริงก็จำได้ไม่มากนัก จำได้แค่บางส่วนเท่านั้น บางส่วนก็จำไม่ได้ ประจวบเหมาะว่าหญ้าใบลิ้นแดงเป็นส่วนที่ข้าจำได้พอดีน่ะขอรับ”
เธออธิบายพลางคิดในใจ ถึงการเฝ้าสวนสมุนไพรอยู่ที่นี่จะเป็นงานที่ว่างและสบาย แต่ก็ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหน แม้แต่จะเดินไปไหนมาไหนยังเป็นปัญหา เช่นนั้นการหาข้อมูลก็จะเป็นเรื่องลำบาก หากเปลี่ยนงานได้ละก็…
เห็นแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเด็กหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าที่เฉลียวฉลาดและหล่อเหลาของเขา มองแล้วกลับชวนให้คนชมชอบ ยามนี้เห็นเด็กหนุ่มตอบคำถามของเขา ท่าทางเหมือนใจลอย ก็อดยิ้มบอกไม่ได้ “คิดอะไรของเจ้าอยู่?”
“ข้ากำลังคิดว่าหากเปลี่ยนงานได้ก็คงดีน่ะขอรับ”
เฟิ่งจิ่วอ้าปากตอบ เหมือนถูกหลอกถามโดยไม่ได้ตั้งตัว พูดจบก็ทำหน้าตกใจที่เผลอหลุดปากออกไป รีบยกมือปิดปาก กะพริบตาปริบๆ มองเฉินเต้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะยิ้มอย่างกระดาก
“ศิษย์พี่เฉิน ข้าแค่ ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง” เธอก้มหน้าลง เหมือนเด็กที่ทำความผิดมาอย่างไรอย่างนั้น
“อะแฮ่ม!”
เฉินเต้ากระแอมเสียงเบา เอามือไพล่หลังแล้วถามว่า “เฝ้าสวนสมุนไพรอยู่ที่นี่ไม่ดีหรือ งานนี้สบายมากนี่!”
ได้ยินเขาพูด เฟิ่งจิ่วจึงค่อยเงยหน้าขึ้นมา ถอนหายใจเบาๆ คล้ายเขินอายเล็กน้อย แล้วบ่นอย่างอมทุกข์ว่า “งานนี้สบายเกินไปน่ะสิขอรับ ข้านั่งอยู่ตรงนี้ครึ่งวันแล้ว เจอแค่ศิษย์พี่เฉินคนเดียวเอง ถ้าศิษย์พี่เฉินไม่มา ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว”
เมื่อได้ยิน เฉินเต้าหัวเราะเสียงดัง พยักหน้าทำท่าทางเหมือนเข้าใจ “ก็จริง เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีอย่างเจ้า กำลังอยู่ในช่วงใจร้อนเลย! ให้เจ้ามาเฝ้าสวนสมุนไพรเช่นนี้น่าเบื่อเกินไปจริงๆ นั่นแหละ”
“ศิษย์พี่เฉิน…” เธอมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
………………………………….