เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1397 โอกาส + ตอนที่ 1398 ลูกศิษย์ของซานหยางจื่อ
ตอนที่ 1397 โอกาส + ตอนที่ 1398 ลูกศิษย์ของซานหยางจื่อ
ตอนที่ 1397 โอกาส
ครึ่งเดือนต่อมา
“เฟิ่งจิ่ว ศิษย์พี่จางที่อยู่ยอดเขาชั้นหกเรียกเจ้าให้ไปส่งยา”
“เฟิ่งจิ่ว ระหว่างทางก็ส่งยาทิพย์ที่ยอดเขาชั้นห้าด้วยเลย”
“เฟิ่งจิ่ว คะแนนสะสมของเจ้าถึงเกณฑ์แล้ว หลังกลับมาให้ไปแลกเป็นของรางวัลได้”
“เฟิ่งจิ่ว ไก่ขนเขียวที่เจ้าเลี้ยงไว้มาอีกแล้ว รีบเรียกมันไปทางอื่นเลย อย่าทำยาทิพย์ที่ข้าแยกไว้เละเทะ”
“เฟิ่งจิ่ว…”
“กุ๊กๆๆ…”
ในลานกว้างชุลมุนวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียงของเด็กรับใช้เหล่านั้น รวมทั้งเสียงสั่งงานของผู้ดูแล นอกจากนี้ยังมีเสียงกุ๊กๆๆ ของไก่ผสมด้วย และชื่อที่ถูกเรียกมากที่สุดก็คือเฟิ่งจิ่วนั่นเอง
“มาแล้วๆ อย่าเร่งสิ ทีละคน”
เฟิ่งจิ่ววิ่งเข้ามาจากข้างหลัง ยัดผลไม้ใส่ปากสองสามครั้งก็กินหมดทั้งลูก เพราะเธอส่งยาทิพย์ได้รวดเร็วที่สุด และไม่เคยมีข้อผิดพลาด กระทั่งงานที่บางคนไม่อยากไปเธอก็แย่งจะไปส่ง ด้วยเหตุนี้ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอจึงกลายเป็นพวกเดียวกับคนที่นี่ไปแล้ว
“กุ๊กๆๆ!”
เวลาเพียงครึ่งเดือน เจ้าไก่ขนเขียวตัวกลมขึ้นแทบจะหนึ่งรอบ ขนสีเขียวบนตัวก็ยิ่งมันวาวขึ้น ส่วนไข่ฟองนั้นของมัน ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่เกิด วันๆ วิ่งตามเฟิ่งจิ่วขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ทุกคนทั้งระดับล่างและบนต่างรู้กันหมดว่าไก่ขนเขียวที่เหมือนใส่หมวกสีเขียวไว้บนหัวเป็นสัตว์วิญญาณที่เฟิ่งจิ่วเลี้ยงไว้
“เจ้าขนเขียว! เจ้าอย่าเสียงดังได้ไหม? นี่ไม่ใช่ตอนเช้าตรู่เสียหน่อย เจ้าจะร้องทำไม? ไปไกลๆ เลย ข้ากำลังยุ่งอยู่นะ! เจ้าอย่ามาวุ่นวายกับข้า” เฟิ่งจิ่วเอ่ยปากไล่มัน พลางเก็บยาทิพย์ที่จะเอาไปส่งใส่ตะกร้า
“กุ๊กๆๆ กุ๊กๆๆ…” เจ้าขนเขียวกระพือปีก แต่กลับเดินกระพือปีกออกไปข้างนอก ไม่ได้เดินเพ่นพ่านในลานกว้างอีก
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่วอยู่หรือไม่?” มีคนตะโกนเรียกเสียงดัง
“อยู่ๆ ข้าอยู่ตรงนี้” เธอโบกมือโดยไม่เงยหน้ามองด้วยซ้ำ
คนผู้นั้นเห็นเขากำลังยุ่ง จึงรีบสาวเท้าเดินเข้ามา ยื่นตะกร้าในมือให้ “นี่เป็นของที่อาจารย์อาซั่งกวนต้องการ ระหว่างทางเจ้าเอาไปให้นางที่ยอดเขาชั้นแปดด้วยเลยก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของเฟิ่งจิ่วที่กำลังเก็บยาทิพย์ใส่ตะกร้าชะงักงัน เงยหน้ามองผู้มาก่อนถามว่า “อาจารย์อาซั่งกวน เป็นศิษย์ปิดสำนักของปรมาจารย์ซานหยางคนนั้นหรือ?”
“ดูเจ้าถามเข้าสิ ยอดเขาซานหยางของเรานอกจากนางแล้ว ยังมีใครแซ่ซั่งกวนอีกหรืออย่างไร?”
คนผู้นั้นยิ้มๆ กล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว เป็นนางนั่นแหละ เดิมทีข้าควรเป็นคนเอาไปส่งเอง แต่ข้ามีธุระต้องลงเขานี่? เจ้าจะไปส่งยาพอดี ก็ส่งให้ข้าด้วยเลย นางไม่ได้รีบเอายาทิพย์นี้ เจ้าส่งอย่างอื่นหมดแล้วค่อยแวะไปส่งก็ได้”
เขารู้ว่าเฟิ่งจิ่วเป็นศิษย์ชั้นล่างที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้เพียงครึ่งเดือน แต่เพราะทำงานดีมาก กอปรกับนักเล่นแร่แปรธาตุแต่ละคนก็ประทับใจในตัวเขา จนมีคนเสนอให้เขาเป็นลูกศิษย์ติดตามนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างวางใจให้เขาไปส่งยาทิพย์
ได้ยินประโยคนี้ เฟิ่งจิ่วดวงตาเป็นประกาย รีบรับตะกร้ามา “ศิษย์พี่กัว ท่านวางใจๆ เรื่องนี้ข้าจะทำให้ดีแน่นอน ต่อไปมีงานเช่นนี้อีกก็มอบหมายให้ข้าทำได้เลย ข้าชอบไปส่งยาทิพย์ให้ทุกคนที่สุดแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ได้ๆๆ เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าด้วย กลับมาจะซื้อของมาฝากเจ้าเล็กน้อย” ชายแซ่กัวหัวเราะเสียงดัง ตบๆ ไหล่เฟิ่งจิ่ว จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหัวเราะคิกคัก หลังจากจัดของเสร็จหมดแล้วจึงบอกกล่าวทุกคน ก่อนจะเอาตะกร้าสองใบคล้องแขนฮัมเพลงเดินไปข้างนอกด้วยฝีเท้าเบาหวิว
………………………………….
ตอนที่ 1398 ลูกศิษย์ของซานหยางจื่อ
เฟิ่งจิ่วเอายาทิพย์ที่อื่นไปส่งจนหมดก่อน หลังจากเดินวนอยู่รอบใหญ่จึงค่อยมุ่งหน้าขึ้นไปยอดเขาชั้นที่แปด มาอยู่ที่นี่ครึ่งเดือนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เหยียบขึ้นไปบนยอดเขาชั้นแปด
แตกต่างจากสถานที่อื่น ยอดเขาชั้นที่แปดเป็นที่พักของศิษย์ไม่กี่คนของซานหยางจื่อเท่านั้น แล้วก็เพราะเหตุนี้ คนที่ไม่เกี่ยวข้องหากไม่มีคำสั่งจึงถูกห้ามไม่ให้ขึ้นมารบกวน ส่วนคนส่งยาทิพย์ของพวกเขาล้วนมีบุคคลเฉพาะขึ้นมาส่งให้
ส่วนทางท่านแม่ของเธอ จากข่าวที่เธอสืบมาได้ในครึ่งเดือนที่ผ่านมา เวลาหลอมยาของนางน้อยมาก เพราะจำนวนครั้งที่นางสั่งให้นำยาทิพย์ขึ้นไปส่งน้อยมาก ราวกับว่าการเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้เป็นกิจวัตรประจำวันของนาง
ในเมื่อเป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของซานหยางจื่อ ก็น่าจะเป็นเพราะเล็งเห็นถึงพรสวรรค์ด้านการหลอมยา แต่ทำไมมาถึงที่นี่กลับฝึกหลอมยาน้อยลงเล่า? หากเป็นผู้อื่น มีโอกาสเช่นนี้จะต้องมุ่งมั่นศึกษาเส้นทางสายยาอายุวัฒนะแน่นอน เพราะถึงอย่างไรการได้เป็นศิษย์ปิดสำนักของซานหยางจื่อ ยาทิพย์ที่นางต้องการไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนก็สามารถใช้ได้ตามใจ
เดินขึ้นบันไดมาถึงยอดเขาชั้นที่แปด เมื่อขึ้นมาบนนี้ สีหน้าเธอหวั่นไหวเล็กน้อย ที่นี่กางค่ายกลและเขตอาคมไว้
ตอนที่เธอเดินทะลุเขตอาคมเข้าไป ป้ายหยกห้อยเอวส่องประกายวาบวับ ปล่อยให้เธอเดินเข้าไปข้างในได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากไม่มีคลื่นที่เบาบางเหมือนคลื่นน้ำลอยผ่านร่างกายไป ก็แทบจะไม่รู้ตัวเลย
แต่จุดที่กางค่ายกลไว้กลับเป็นรอบๆ ถ้ำบนยอดเขาชั้นนี้ เทียบกับเขตอาคมรอบถ้ำของนักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ชั้นล่างเหล่านั้นแล้ว เขตอาคมบนนี้แข็งแกร่งกว่ามาก
ครึ่งเดือนมานี้ เธอเองก็สืบรู้มาว่านอกจากซานหยางจื่อผู้เป็นนายแห่งยอดเขาซานหยางนี้ที่เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว ยังมีศิษย์ทั้งห้าคนรวมมารดาของเธอที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา นอกจากมารดาของเธอ อีกสี่คนล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด
ระดับนักเล่นแร่แปรธาตุของพวกเขา ได้ยินมาว่าศิษย์เอกอยู่ในระดับปราชญ์โอสถขั้นห้า ส่วนศิษย์รองและศิษย์ลำดับสามอยู่ในระดับปราชญ์โอสถขั้นสาม ศิษย์ลำดับสี่อยู่ในระดับอาจารย์โอสถขั้นเจ็ด ส่วนท่านแม่ของเธอเป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุระดับอาจารย์โอสถขั้นห้าเท่านั้น
ระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุเริ่มตั้งแต่ลูกศิษย์ติดตาม นักเล่นแร่แปรธาตุ อาจารย์โอสถ ปราชญ์โอสถ เจ้าโอสถ เซียนโอสถ ผู้สูงศักดิ์โอสถ และเทพโอสถ แต่ละระดับแบ่งย่อยออกเป็นอีกเจ็ดขั้น ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งพัฒนาได้ยากขึ้น
สำนักโอสถตะวันเป็นสำนักกลั่นยาเซียนอันดับหนึ่งของแปดจักรวรรดิใหญ่ ระดับนักเล่นแร่แปรธาตุสูงสุดของเจ้าสำนักก็คือเซียนโอสถขั้นห้า รองลงมาก็เป็นระดับของเจ้าเขาของแต่ละยอดเขา
เจ้าเขาแต่ละคนส่วนมากมักอยู่ในระดับเซียนโอสถขั้นหนึ่งถึงขั้นสาม แม้แต่ซานหยางจื่อเองก็อยู่แค่ระดับเซียนโอสถขั้นสามเท่านั้น แต่หากต้องการจะเลื่อนระดับอีกกลับเป็นเรื่องที่ยากมาก
นักเล่นแร่แปรธาตุให้ความสนใจกับการกลั่นยาเซียนเป็นหลัก ย่อมต้องละเลยการฝึกบำเพ็ญ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าในแปดจักรวรรดิใหญ่อันแข็งแกร่งนี้ พวกเขามีระดับและฐานะของนักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ธรรมดา แต่การฝึกบำเพ็ญกลับสู้ไม่ได้แม้แต่คนในตระกูลที่อยู่ข้างนอกบางส่วน
เดาว่าหากพวกเขากลั่นยาเซียนไม่เป็น แล้วต้องการจะพัฒนาให้ถึงขั้นนี้ในด้านการฝึกบำเพ็ญ ก็เป็นเรื่องที่ยากมากแน่ เพราะอย่างไรแต่ละคนย่อมเก่งไม่เหมือนกัน หากทำได้ดีในด้านหนึ่ง คงยากที่จะทำได้ดีในด้านอื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่าอัจฉริยะอย่างเฟิ่งจิ่ว ก็ได้เพียงขนานนามว่าอัจฉริยะเท่านั้น
เหตุใดต้องเรียกว่าอัจฉริยะ? เพราะท่ามกลางคนฉลาดหลักแหลมนับพันนับหมื่น มีอัจฉริยะถือกำเนิดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
นอกจากความรู้ที่เธอเรียนรู้และสั่งสมมาจากชาติที่แล้ว ชาตินี้เธอก็กำลังสัมผัสและเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีความรู้สั่งสมมากมายเหมือนอย่างในทุกวันนี้
“เจ้าเป็นใคร เข้ามาทำอะไร?” ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามา
………………………………….