เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1409 รังแก + ตอนที่ 1410 ข้าแค่คิดถึงท่านแม่
ตอนที่ 1409 รังแก + ตอนที่ 1410 ข้าแค่คิดถึงท่านแม่
ตอนที่ 1409 รังแก
เฟิ่งจิ่วชะงัก มองห้าหกคนนั้น สามคนในนั้นเป็นศิษย์ชั้นล่าง เป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน อีกสามคนดูจากป้ายหยกห้อยเอวแล้วเป็นศิษย์ในสำนัก เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง หกคนรวมกับคนที่นำทางมา ทั้งหมดรวมเป็นเจ็ดคน
“ตามหาข้ามีอะไรหรือ?” เธอถามด้วยความแปลกใจ ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ
หนึ่งในนั้นก้าวออกมา ใช้มือใหญ่ๆ ผลักเธอ “ไอ้หนู เจ้ารวบงานบนยอดเขาชั้นแปดไว้คนเดียว?”
เฟิ่งจิ่วเซถอย ขณะเดียวกันก็โดนผู้ชายอีกคนยื่นขาออกมาขัด เธอร้องตกใจ เสียหลักล้มลงไป มองทั้งเจ็ดคนที่กำลังล้อมเธอไว้ด้วยความงุนงง
“พวกเจ้ารังแกข้าทำไม?”
เธอพูดด้วยท่าทางอัดอั้น พลางเก็บงำสายตา แล้วแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจ ทว่าภายใต้สายตาที่เก็บงำไว้ กลับมีประกายเย็นเยือกพาดผ่าน
เธอไม่เคยไปรังแกใครแท้ๆ เหตุใดจึงมีคนมารังแกเธอ? ช่วงนี้เธอสงบเสงี่ยมจนไม่รู้จะสงบเสงี่ยมอย่างไรแล้ว เหตุใดยังต้องมาหาเรื่องเธออีก?
“เอาของออกมาให้หมด! พวกข้ารู้นะ พักนี้เจ้าได้ดิบได้ดีในยอดเขาแห่งนี้ ศิษย์พี่หลายคนให้รางวัลเป็นยาแก่เจ้าไม่น้อย”
“ข้าเอายาให้คนอื่นหมดแล้ว” เธอเงยหน้าบอก มองหน้าชายคนที่พูดแวบหนึ่ง
คนผู้นี้เธอจำได้ เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ชั้นหก ความสามารถในการหลอมยาธรรมดา ได้ยินมาว่าอยู่ในสำนักมาหลายปีแล้ว แต่กลับยังสอบเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้สักที
“ให้คนอื่นแล้ว? หึ เจ้าโกหกใครอยู่? เจ้าเป็นเด็กส่งของถึงจะเอายาให้คนอื่น อย่างไรก็ต้องเก็บไว้ให้ตนเองบ้าง ไม่มีทางให้ไปหมดหรอก”
เขาแสยะยิ้ม สองมือกอดอกมองเฟิ่งจิ่วที่ล้มลงนั่งอยู่บนพื้น แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “รีบเอายาออกมา อีกอย่าง กลับไปแล้วบอกผู้ดูแลด้วยว่าเจ้าจะไม่ทำงานที่ชั้นแปดอีก ไม่อย่างนั้น หึๆ!”
ตอนนี้ เฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่บนพื้นกำลังคิดในใจว่า เก็บพวกเขาเสีย? ฆ่าย่อมไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ซ้อมพวกเขาสักรอบ? ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าท่าเหมือนกัน เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าตนเองเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานเท่านั้น หากผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งสามารถซ้อมผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังหลายคนได้ เดาว่าคนข้างบนคงจะแตกตื่นกันแน่นอน
เช่นนั้นกุมหัวแล้วยอมโดนพวกเขาตีหรือ? เธอไม่ยอมเสียเปรียบอย่างนี้หรอก! วางยาพวกเขาสักหน่อย ข้อนี้กลับพอเป็นไปได้
ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วไม่สังเกตเลยว่า ห่างออกไปไม่ไกล เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งกำลังขี่กระบี่บินลงมาจากยอดเขาชั้นเก้า มุ่งหน้าลงไปที่ชั้นแปด ทว่า ยามเงาร่างนั้นเหลือบมองมาทางนี้โดยบังเอิญ สายตาก็จับจ้องไปยังร่างของเฟิ่งจิ่วที่กำลังถูกชายหกเจ็ดคนล้อมไว้อยู่ เงาร่างสีขาวพลันสะดุด
คิ้วของซั่งกวนหวั่นหรงขมวดเล็กน้อย นัยน์ตางามจับจ้องไปที่ไหล่เขา นางขี่กระบี่บินอยู่บนที่สูงมองลงมาจึงเห็น หากอยู่ข้างล่าง คงไม่มีใครสังเกตเห็นสถานที่อย่างนั้น
แต่ที่ทำให้นางชะงักหยุด คือเด็กหนุ่มที่ล้มนั่งอยู่บนพื้นคนนั้น นั่นคือเด็กหนุ่มที่เคยเอายาทิพย์มาส่งให้นางเมื่อหลายวันก่อนไม่ใช่หรือ?
แม้สำนักโอสถตะวันจะเป็นสถานที่ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่ต่างจากที่อื่น แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน แล้วยังเป็นแค่คนงานส่งของอีก เกรงว่าคงถูกคนพวกนั้นจ้องเล่นงานเสียแล้ว
เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง แล้วนางก็ไม่ควรไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทว่า พอเห็นท่าทางเด็กหนุ่มถูกคนล้อม และนั่งเดียวดายไร้ที่พึ่งอยู่บนพื้น นางก็อดใจอ่อนไม่ได้
อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งแท้ๆ!”
นึกถึงลูกสาวของนาง หากมีโอกาสได้พบ ก็น่าจะโตเท่าเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว
………………………………….
ตอนที่ 1410 ข้าแค่คิดถึงท่านแม่
นางไม่ได้อยู่ข้างกายลูกสาวเพื่อปกป้อง และเติบโตไปพร้อมกับนาง นางไม่รู้ว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว เฟิ่งเซียวที่ถูกผนึกความทรงจำจะแต่งงานกับหญิงอื่นแล้วหรือยัง? นางไม่รู้ว่าหากเฟิ่งเซียวแต่งงานใหม่ไปแล้ว ฮูหยินของเขาจะดีกับลูกสาวของนางหรือไม่? จะเห็นลูกสาวของนางเป็นเหมือนลูกแท้ๆ หรือไม่?
นางไม่รู้ว่าการที่นางไม่ได้อยู่ข้างกายลูกสาวของนาง ลูกสาวของนางจะไร้คนรักและเอ็นดูหรือไม่ นางไม่รู้ว่าจะมีคนรังแกลูกสาวของนางหรือไม่ ไม่รู้ว่าลูกสาวของนางจะมีช่วงเวลาลำบากไร้ที่พึ่งเหมือนกันหรือไม่?
ผ่านไปหลายปีแล้ว ตอนอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนนางถูกขังไว้ตลอด ไม่มีทางรับรู้ข่าวสารภายนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข่าวคราวของเฟิ่งเซียวกับลูกของนางเลย พอมาอยู่ที่นี่ กลับต้อง…
เฮ้อ!
นางถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองเบื้องล่าง เห็นคนพวกนั้นกำลังบีบคั้นเด็กหนุ่ม จึงขี่กระบี่ลงไป
“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าข้าไม่มียาเหลือแล้ว ข้าให้คนไปหมดแล้วจริงๆ!” เฟิ่งจิ่วบอก มองคนพวกนั้นล้อมเข้ามาทีละคนๆ กำหมัดทำท่าจะเหวี่ยงเข้ามา เธอรีบยกแขนขึ้นป้องหัว “โอ๊ย! อย่าตีข้านะ ข้าไม่มีแล้วจริงๆ”
ขณะกำลังคิดจะกระโดดขึ้นมาแล้ววิ่งหนี ก็ได้ยินเสียงใสๆ เสียงหนึ่งดังมา
“หยุดนะ!”
ได้ยินเสียงตวาดอันหวานใส ชายเจ็ดคนหันไปมอง ครั้นเห็นว่าผู้ที่ขี่กระบี่มากลับเป็นอาจารย์อาซั่งกวน แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีเฟิ่งจิ่วชะงักงัน ไปง่ายๆ อย่างนี้เลย? เธอยังอยากจะวางยาพวกเขาสักหน่อยอยู่เลย! โชคดีของพวกนั้นจริงๆ
“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
เสียงอ่อนโยนปนอบอุ่นเสียงหนึ่งดังมา เธอได้ยินก็อึ้งงัน เอียงคอมองเล็กน้อย ครั้นเห็นก็อดตกใจไม่ได้
นางที่สวมชุดขาวทั้งตัว ยืนหันหลังให้แสงสว่างอยู่ตรงหน้าเธอ บนใบหน้าที่งามโดดเด่นนั่นประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนจางๆ ทำให้นางดูเข้าถึงง่าย และอ่อนโยนถึงเพียงนั้น
ดวงตางามคู่นั้นกำลังจ้องเธอด้วยความห่วงใย หัวใจของนางเต้นแรง ไออุ่นไหลเวียนลึกๆ ข้างใน อยากจะอ้าปากขานเรียก ‘ท่านแม่’ เสียเดี๋ยวนั้น…
นั่นคือสายใยความรักทางสายเลือดที่ตัดไม่ขาด แม้เธอเพิ่งกลายมาเป็นเฟิ่งชิงเกอ และกลายเป็นลูกสาวตระกูลเฟิ่งได้เพียงครึ่งชีวิต แม้ว่าเธอจะเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว แต่ลึกๆ ในใจของเธอ ก็ยังต้องการความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว
แล้วก็เพราะเหตุผลนี้ เธอจึงอยากจะแข็งแกร่งขึ้น เพราะเธออยากปกป้องพวกเขา ปกป้องครอบครัวที่ให้ความรักและความอบอุ่นแก่เธอ
ทว่าตอนนี้ ตอนที่เธอถูกศิษย์หลายคนรุมรังแก ท่านแม่ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอและช่วยไล่คนพวกนั้นไป กลับทำให้เธอรู้สึกสุขใจ รู้สึกอบอุ่น และรู้สึกเปรี้ยวฝาดลึกๆ ข้างใน
แม้นางจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของนาง แม้นางจะแค่ผ่านมาช่วย แต่สำหรับเธอ นี่กลับเป็นความรู้สึกที่ถูกคนในครอบครัวปกป้อง…
ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ ข้าที่อยู่ตรงหน้าท่านก็คือลูกสาวของท่านเอง? ท่านรู้หรือไม่ ข้ามาตามหาท่านถึงในสำนัก? ท่านรู้หรือไม่ ข้าอยากเรียกท่านว่าท่านแม่แค่ไหน? อยากเห็นครอบครัวเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดไหน?
เห็นเด็กหนุ่มที่ล้มนั่งอยู่บนพื้นมองนางด้วยดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย ซั่งกวนหวั่นหรงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เป็นอะไรไป? บาดเจ็บตรงไหนงั้นหรือ? พวกเขาตีเจ้าหรือ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ได้ยินคำพูดของนาง เฟิ่งจิ่วที่ล้มนั่งอยู่บนพื้นส่ายหน้า “เปล่าขอรับ พวกเขายังไม่ทันตีข้า ข้าก็ล้มลงก่อนแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงถอนหายใจ แล้วเผยยิ้มออกมา “ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว ข้าเห็นเจ้าตาแดงๆ ยังนึกว่าพวกเขาตีเจ้าแล้วเสียอีก”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองนาง บอกว่า “ข้าแค่คิดถึงท่านแม่น่ะขอรับ”
………………………………….