เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1435 บ้านข้ามีเสี่ยวเฮยอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ + ตอนที่ 1436 พวกเราถูกล้อมแล้ว
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1435 บ้านข้ามีเสี่ยวเฮยอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ + ตอนที่ 1436 พวกเราถูกล้อมแล้ว
ตอนที่ 1435 บ้านข้ามีเสี่ยวเฮยอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ + ตอนที่ 1436 พวกเราถูกล้อมแล้ว
ตอนที่ 1435 บ้านข้ามีเสี่ยวเฮยอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ
“เฮ้!”
เธอตะโกนเรียกมันจากบนต้นไม้ หักกิ่งไม้โยนลงไป เห็นแม่หมีนอนหมอบอยู่ไม่ขยับ จึงกระโดดลงมาจากต้นไม้ ขณะก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆ มัน คิดจะช่วยดึงลูกธนูออกจากหลังของมัน ก็เห็นแม่หมีเงยหน้าขึ้นแล้วกระโจนเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว
“กรรซ์!”
“ฮู่ว! เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!”
เธอพ่นลมหายใจเบาๆ เขย่งปลายเท้ากระโดดถอยหลังเพื่อหลบการจู่โจมของแม่หมีอย่างรวดเร็ว เห็นดวงตาทั้งสองข้างของมันฉายแววโกรธและเดือดดาล ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าเธอถูกระบายความโกรธ
“ข้าไม่ได้เป็นคนทำร้ายเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะมาระบายความโกรธใส่ข้าก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ!” เธอโบกมือแล้วถอนหายใจ “ให้ข้าช่วยดึงลูกธนูออกจากหลังของเจ้านะ? ถึงเจ้าจะทนพิษนั่นไหว แต่จะปล่อยให้ธนูปักอยู่ตรงนั้นคงไม่ค่อยดีกระมัง?”
“กรรซ์ๆ!”
“เอาล่ะ อย่าร้องอีกเลย เจ้าคิดว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้จริงหรือ!” เธอกลอกตา มองแม่หมีแวบหนึ่ง ไม่นาน นิ้วมือก็หนีบเข็มเงินเอาไว้สองเล่ม กลีบปากกระดกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เพื่อเสี่ยวเฮยของข้า ข้าต้องเก็บเจ้าแล้วล่ะ!”
สิ้นเสียง เข็มเงินสองเล่มพุ่งออกไป แทงเข้าไปในร่างกายของแม่หมีที่กำลังกระโจนเข้ามา เห็นเพียงแม่หมีเปล่งเสียงโอดครวญยาวๆ ก่อนที่ร่างกายทั้งร่างจะล้มคะมำไปข้างหน้า
“ตึง!”
มองดูแม่หมีที่ล้มลงไปอย่างอ่อนแรง เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ แล้วก้าวเข้าไป “เป็นอย่างไร? ข้าไม่ได้โกหกเจ้าใช่ไหม? เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าจริงๆ”
เธอเดินมาใกล้แผ่นหลังของแม่หมีแล้วตรวจสอบบาดแผล จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ธนูเช่นนี้เป็นปากเป็นตะขอ หากดึงออกมาเลยเกรงว่าจะฉีกเนื้อเจ้าติดออกมาด้วย จิ๊ๆ ไม่รู้ใครที่ไหนใช้ธนูก็แล้วไป ยังใช้แบบที่เป็นตะขอเช่นนี้อีก”
พูดไปพลาง นางก็หยิบมีดสั้นออกมา ในเมื่อดึงออกมาเลยไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงต้องกรีดเปิดแผลเล็กน้อยเพื่อเอาลูกธนูออกมา โชคดีที่เธอมียาชา หลังจากใช้ยาชาทาบริเวณรอบๆ แผล จึงค่อยลงมือ
ใช้เวลาประมาณครึ่งก้านธูป ลูกธนูอาบเลือดก็ถูกนำออกมา เฟิ่งจิ่วใส่ยาและปิดแผลให้มัน จากนั้นก็ทำความสะอาดมือแล้วป้อนยาให้เจ้าหมีสีน้ำตาลหนึ่งเม็ด และดึงเข็มเงินสองเล่มที่อยู่บนตัวของเจ้าหมีสีน้ำตาลออกมา
“เสร็จแล้ว”
เธอถอยหลังหลายก้าว ยิ้มถามว่า “เจ้าเคยกินอะไรที่แก้พิษได้มาใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นจะไม่โดนพิษเล่นงานได้อย่างไรกัน? หรือว่า ในป่าแห่งนี้มีสมุนไพรอะไรที่แก้สารพัดพิษได้?”
เธอครุ่นคิด แล้วรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง
“กรรซ์”
เจ้าหมีสีน้ำตาลคำรามเสียงดัง ตั้งท่าระวัง แต่หลังจากเห็นว่าเฟิ่งจิ่วไม่ได้ทำอะไรมันอีก เสียงคำรามก็เบาลงหลายส่วน มันนอนหมอบอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ กระทั่งร่างกายเริ่มมีเรี่ยวแรง ก็รีบกระโดดลุกขึ้น แล้ววิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“อ้าว จากไปอย่างนี้เลยหรือ?” เฟิ่งจิ่วเบิกตากว้าง ตะโกนเสียงดัง “บ้านข้ามีเสี่ยวเฮยอยู่ตัวหนึ่งจริงๆ นะ สายพันธุ์เดียวกับเจ้าด้วย”
“กรรซ์!”
สิ่งที่ตอบกลับมาให้เธอมีเพียงเสียงคำราม ไม่นาน แม้แต่เสียงฝีเท้าดังตึงตังก็ห่างออกไปเรื่อยๆ
เห็นเช่นนั้น เธอก็ทำได้เพียงส่ายหน้า ลุกขึ้นแล้วไหวกายเข้าไปในป่า รีบไปหาท่านแม่ของเธอดีกว่า! ไม่รู้ว่าซานหยางจื่อสั่งให้นางเด็ดยาทิพย์ชนิดใดกันแน่? ต้องรู้ว่ายิ่งเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่าก็ยิ่งมีอันตราย นางเข้าไปข้างในคนเดียว เจออันตรายอะไรบ้างหรือไม่นะ?
ยามหัวค่ำ ขณะที่เธอกำลังไหวกายไปข้างหน้า พลันได้กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่ในอากาศ ร่างกายจึงชะงักหยุด แล้วโฉบบินไปยังทิศทางที่มีกลิ่นคาวเลือดโชยมา
บินไปได้ระยะทางประมาณสามร้อยเมตร ก็เห็นนักเล่นแร่แปรธาตุสิบคนกำลังหอบหายใจและนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ บนร่างกายของพวกเขามีบาดแผลหลายจุด เลือดไหลอาบท่วมตัว สภาพน่าอนาถนัก
………………………………….
ตอนที่ 1436 พวกเราถูกล้อมแล้ว
เมื่อเห็นว่าเป็นคนในสำนัก เธอจึงก้าวออกมา “พวกท่านเป็นอะไรไปหรือ? เจอสัตว์ร้ายหรือขอรับ?”
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้พวกเขาสิบคนตื่นตกใจ บางคนก็กระเด้งตัวลุกขึ้นโดยสัญชาตญาณทำให้สะเทือนถึงบาดแผล บางคนก็หลุดร้องเสียงหลง ครั้นพวกเขาเห็นเงาร่างสีเขียวที่ก้าวออกมา ต่างก็ถลึงตามอง
“เจ้าเป็นใคร!”
“อ้อ ข้าก็เป็นคนในสำนักโอสถตะวันขอรับ แต่ข้าเป็นศิษย์ของยอดเขาซานหยาง” เธอชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มซื่อๆ
นักเล่นแร่แปรธาตุหนึ่งในนั้นขมวดคิ้วจ้องเฟิ่งจิ่ว “เจ้าเป็นคนในสำนักโอสถตะวัน? ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานเข้ามาในนี้ได้เช่นไร?”
“ข้าจำได้แล้ว เขาเป็นคนที่เฉินเต้าพาเข้ามา ตอนนั้นข้าเห็นเขาติดตามเฉินเต้าอยู่ ต้องเป็นศิษย์ชั้นล่างของยอดเขาซานหยางแน่” นักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ด้านหนึ่งกล่าว เห็นว่าเป็นคนในสำนัก ซ้ำยังเป็นคนรู้จัก ก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
ขอเพียงมั่นใจว่าไม่มีภัยอันตรายต่อพวกเขาก็พอแล้ว
“พวกท่านเจอสัตว์ร้ายหรือขอรับ? เหตุใดแต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้?”
เธอถามด้วยความสงสัย ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณอีกด้วย เหตุใดจึงมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ หรือนักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้ฝึกฝนเพียงพลังวิญญาณ ไม่ฝึกฝนพลังต่อสู้? น่าเสียดายระดับพลังเสียจริงๆ
“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!” นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งตะคอก พลางใส่ยาบนบาดแผลของตนเอง เพียงแต่เขาได้รับบาดเจ็บที่มือ หลังใส่ยาแล้วกลับพันแผลได้ลำบาก จึงตะโกนสั่งเฟิ่งจิ่ว “มาพันแผลให้ข้า”
ได้ยินน้ำเสียงออกคำสั่งอย่างเป็นธรรมชาตินั้น กอปรกับเห็นพวกเขาแต่ละคนไม่มีใครคิดจะตอบคำถามของเธอ เห็นได้ชัดว่าคงดูแคลนเธอที่เป็นศิษย์ชั้นล่าง เห็นดังนั้น เธอยิ้มๆ ตอบว่า “แต่ว่านี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้านี่ขอรับ!”
ทุกคนได้ยินก็อึ้งงัน แล้วตะคอกด้วยความเดือดดาล “เจ้าเป็นเพียงศิษย์ชั้นล่างตัวเล็กๆ พวกข้าให้เจ้าทำแผลให้ถือว่าเป็นเกียรติแก่เจ้าแล้ว!”
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ “ช่างเถิดๆ ข้าเป็นศิษย์ชั้นล่าง แต่ข้าไม่ได้เข้ามาในนี้เพื่อทำแผลให้พวกท่าน” เธอหัวเราะเบาๆ พูดอีกว่า “พวกท่านล้วนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ทำแผลให้กันก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังต้องให้ศิษย์ชั้นล่างตัวเล็กๆ เช่นข้าช่วยด้วยเล่า?”
ได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดอย่างนั้น ทุกคนมีสีหน้าไหวระริกเล็กน้อย เห็นศิษย์ชั้นล่างคนนั้นไม่คิดจะเข้ามาช่วยจริงๆ ใบหน้าพลันดำทะมึน ลอบคิดในใจ ศิษย์ชั้นล่างคนนี้ช่างสามหาว! กลับสำนักเมื่อใด พวกเขาจะสั่งสอนเขาเสียให้เข็ดหลาบ!
“บรู๊ว!”
ทันใดนั้น เสียงร้องของหมาป่าพลันดังขึ้น ไม่นานเสียงหอนของหมาป่าก็ดังประสานกันเป็นระลอก เมื่อได้ยินเสียงของหมาป่า นักเล่นแร่แปรธาตุสิบคนที่มีแผลตามตัวก็หน้าเปลี่ยนสีทันที พวกเขาพากันผุดลุกขึ้น
“ฝูงหมาป่า!”
“ฝูงหมาป่า! ทำอย่างไรดี?”
เห็นสีหน้าซีดเผือดของพวกเขา เฟิ่งจิ่วกลับนั่งพิงต้นไม้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย “ต้องเป็นฝูงหมาป่าแน่นอน บนตัวพวกท่านมีเลือดออก กลิ่นคาวเลือดแรงขนาดนี้ ข้าอยู่ไกลหลายจั้งยังได้กลิ่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมาป่าที่ชอบกินเลือดกินเนื้อของมนุษย์พวกนั้น”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว มีคนเริ่มแตกตื่น “รีบไปเร็ว! พวกเรารีบไปจากที่นี่ พวกเราออกไปที่รอบนอกกัน!” มีเพียงต้องออกจากในป่าส่วนลึกไปยังรอบนอกพวกเขาถึงจะปลอดภัย!
เวลานี้ได้แต่นึกเสียใจ ไม่น่าอยากเข้ามาเด็ดยาทิพย์ล้ำค่าในนี้เลย ไม่เช่นนั้นตัวเองก็คงไม่ตกอยู่ในสถานที่อันตรายเช่นนี้
“กรรซ์!”
เสียงร้องของหมาป่าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คล้ายว่าล้อมเข้ามาในรูปครึ่งวงกลม สิบคนนั้นกำลังจะมุ่งหน้าออกไปยังรอบนอก แต่พอได้ยินเสียงหมาป่ากลับเหงื่อท่วมตัวและชะงักเท้า
“พวกเราถูกล้อมแล้ว…”
………………………………….