เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1439 เขาเป็นใครกัน + ตอนที่ 1440 ดื่มน้ำล้างเท้า
ตอนที่ 1439 เขาเป็นใครกัน + ตอนที่ 1440 ดื่มน้ำล้างเท้า
ตอนที่ 1439 เขาเป็นใครกัน
“กรรซ์!”
เลือดของหมาป่ากระตุ้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนในตัวหมาป่าพวกนั้นขึ้น เสียงขู่คำรามดุดัน ยามกรงเล็บของพวกหมาป่าตวัดออกไปราวกับคมดาบ ก็ทิ้งร่องรอยลึกๆ หลายเส้นไว้บนลำต้นไม้
เมื่อศพหมาป่ายักษ์บนพื้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยู่บนต้นไม้ต่างกลืนน้ำลาย ดวงตาฉายแววตกตะลึงและหวาดกลัว เด็กหนุ่มที่กำลังโลดแล่นอยู่กลางฝูงหมาป่านั่น กลับเป็นเหมือนเทพแห่งความตายที่กำลังปลิดชีพอสูรร้ายพวกนั้นอย่างง่ายดาย ดูไร้ความยากเย็นถึงเพียงนั้น พวกเขาไม่เห็นบาดแผลบนตัวเขาเลยแม้แต่รอยเดียวด้วยซ้ำ เลือดที่กระเด็นติดเสื้อผ้าสีเขียวของเขา ล้วนเป็นของหมาป่ายักษ์ทั้งสิ้น…
“กรรซ์…”
เสียงหมาป่าขู่คำรามยาวๆ ดังมา หมาป่ายักษ์เจ็ดแปดตัวที่เหลือจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างเคียดแค้น พวกมันแยกเขี้ยวและส่งเสียงร้อง สุดท้าย กลับทำได้เพียงหนีไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงหอนยาวๆ
เฟิ่งจิ่วกวาดตามอง เพียงเห็นราชาหมาป่าที่ยืนอยู่ห่างออกไป หลังจากมองราชาหมาป่าแวบหนึ่งเธอก็ละสายตากลับมา นั่งยองๆ แล้วควักเอาผนึกอสูรจากศพหมาป่ายักษ์พวกนั้นออกมาทุกตัว
และยามนี้ นักเล่นแร่แปรธาตุสิบคนเห็นอันตรายคลี่คลายแล้ว แต่ละคนล้วนถอนหายใจ พวกเขามองหน้ากัน แล้วค่อยลงจากต้นไม้อย่างประดักประเดิด จัดเสื้อคลุมให้เข้าที่เข้าทาง พยายามรักษาราศีอันสูงส่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุอย่างพวกเขาพึงมี
เพียงแต่ สภาพน่าอเนจอนาถของพวกเขาแต่ละคน รวมถึงใบหน้าซีดเผือด กระทั่งบางคนยังคงตัวสั่นอยู่เล็กน้อย ดูอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมชาติสักนิด ยิ่งพวกเขาพยายามวางท่า ก็ยิ่งดูขัดกันจนน่าขำ
หลังจากเก็บผนึกอสูร เฟิ่งจิ่วหมุนตัวเดินไปหาสองคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วยื่นมือไปตรงหน้าพวกเขา เผยรอยยิ้มไร้พิษภัย “พวกท่านยังไม่ได้ให้ข้าเลย”
สองคนนั้นชะงักเล็กน้อย นึกถึงความโหดร้ายยามสังหารหมาป่าของเขาเมื่อครู่ หัวใจสั่นไหว รีบหยิบเหรียญทองและอัญมณีมีค่าวางลงกลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเฟิ่งจิ่ว
เห็นเฟิ่งจิ่วชั่งน้ำหนักของพวกนั้นด้วยมือ ทั้งสองรีบบอก “พวกข้ามีแค่นี้ เดิมทีเข้ามาในดินแดนลับไม่ต้องใช้เหรียญทองอยู่แล้ว ฉะนั้นพวกข้าจึงไม่ได้มีมากขนาดนั้นจริงๆ กลับเป็นยาอายุวัฒนะที่ยังพอมีอยู่บ้าง เจ้าจะเอาหรือไม่?”
พูดจบ ไม่เพียงคนอื่นๆ ที่รู้สึกแปลก แม้แต่สองคนที่กำลังพูดก็ยังรู้สึกแปลกมากเช่นกัน สีหน้าพวกเขาแลดูประหลาดขึ้นมา
ที่ผ่านมาล้วนมีแต่คนอื่นขอให้พวกเขามอบยาให้หรือไม่ก็ขอซื้อยาจากพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาถามศิษย์ชั้นล่างที่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งว่าจะเอายาของพวกเขาไหม ซ้ำยังมอบให้เปล่าๆ ความรู้สึกนี้ช่างประหลาดนัก
“ช่างเถิด ถึงจะอยู่กันคนละยอดเขา แต่อย่างไรก็เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ข้าคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกท่านมากนักหรอก”
เธอยิ้มๆ เก็บของในมือ แล้วแนะนำพวกเขาว่า “พวกท่านรีบออกไปที่รอบนอกเถิด! ในส่วนลึกนี่ไม่เพียงมีหมาป่ายักษ์อยู่ หากถูกล้อมโจมตีจริงๆ จะไม่เหลือแม้แต่ชีวิต อย่าเอาชีวิตตนเองมาทิ้งเพียงเพื่อยาทิพย์ที่ไม่เคยได้เห็นแม้แต่เงาเลยดีกว่านะขอรับ”
มองดูบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุที่ถูกเธออบรมเหมือนเด็กๆ เฟิ่งจิ่วข่มความรู้สึกแปลกๆ ไว้ในใจ รีบปรับอารมณ์ แล้วกระแอมเบาๆ “คือว่า หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วข้าไปก่อนล่ะ ภายหน้าในสำนัก หวังว่าทุกท่านจะช่วยชี้แนะ”
ทุกคนได้ยินก็ชะงักงัน จากนั้นก็รีบรับคำ “แน่นอนๆ”
พวกเขามองดูเด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วจากไป เห็นเงาร่างสีเขียวของเขาหายไปท่ามกลางผืนป่า ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนได้สติแล้วมองหน้ากันอย่างงุนงง พลางถามว่า “เขาเป็นใครน่ะ? ใครรู้บ้างว่าเขาชื่ออะไร?”
………………………………….
ตอนที่ 1440 ดื่มน้ำล้างเท้า
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วได้แต่ส่ายหัว พวกเขารู้แค่ว่าเด็กหนุ่มเป็นศิษย์ชั้นล่างของยอดเขาซานหยาง เป็นคนที่เฉินเต้าพาเข้ามา เรื่องอื่นกลับไม่รู้แล้ว
“เอาล่ะ เขาเป็นใครกลับไปสืบดูในสำนักก็รู้แล้ว ตอนนี้พวกเรารีบไปก่อนเถิด ที่นี่กลิ่นคาวเลือดแรงเกินไปแล้ว” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น แล้วรีบพาทุกคนไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังพื้นที่รอบนอกอย่างรวดเร็ว
ในอีกด้าน เฟิ่งจิ่วที่หาเงินได้จนพอใจแล้วรู้สึกอารมณ์ดีนัก ฝีเท้าของเธอก้าวไปอย่างรวดเร็ว ลอยล่องราวกับว่าเท้าไม่ได้สัมผัสพื้นเลย
ประมาณช่วงหัวค่ำ เธอหาแหล่งน้ำเจอในป่า นั่นเป็นแหล่งน้ำที่ไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ใสสะอาดมองเห็นพื้น มีใบไม้ร่วงลอยอยู่เหนือผิวน้ำประปราย
เธอล้างหน้าแล้วถอดรองเท้าหนังนั่งลงข้างๆ จุ่มเท้าลงไปแช่ในน้ำ สัมผัสเย็นสดชื่นจากน้ำแผ่กระจายจากปลายเท้าไปทั่วร่างกาย สบายจนเธอต้องหรี่ตา
“เย็นสบายจัง”
เธอพึมพำ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า สองมือค้ำยันด้านหลังแหงนหน้าหรี่ตามองท้องฟ้า ฟังเสียงนกร้อง เสียงลมพัดผ่านใบไม้ เสียงน้ำไหล เหล่านี้ล้วนทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
ที่จริงบางครั้งเธอก็รู้สึกสับสนในตนเอง เธอท่องเที่ยวและฝึกฝนอย่างหนักไปทั่วทิศ วันเวลาเช่นนี้เธอผ่านมาไม่น้อยแล้ว ยากนักที่จะมีครอบครัวที่รักและทะนุถนอมเธอ ความจริงบางทีเธอก็อยากเป็นแค่คนขี้เกียจที่ว่างงานเท่านั้น
หลังจากพาท่านแม่ของเธอกลับบ้าน เธอคิดว่าเธอก็จะกลับไปด้วย ไม่สนใจแคว้นจำพวกแปดจักวรรดิใหญ่อะไรพวกนั้นแล้ว เธอกลับไปเป็นคนว่างงานที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงของเธอดีกว่า
ขณะกำลังคิด พลันนั้น ก็ได้ยินเสียงรางๆ ดังมาจากในป่า เธอชะงักงัน ดึงขากลับขึ้นมาเช็ดน้ำแล้วใส่รองเท้าหนัง จากนั้นก็เดินตามกระแสน้ำลงไป
ระยะทางประมาณสามสิบจั้ง ก็เห็นชายวัยกลางคนสองคนกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ในน้ำ แล้วยังกวักน้ำขึ้นมาดื่มอีกหลายอึก เห็นพวกเขาดื่มน้ำล้างเท้าของเธอที่ไหลมาจากข้างบน มุมปากเธอกระตุก อดไม่ได้ที่จะหลุดขำ
“ใครน่ะ!”
ทั้งสองหันไปมองด้วยความระแวดระวัง ตะโกนถามเสียงทุ้ม ยามสายตาที่กวาดมองโดยรอบของพวกเขาสะดุดลงที่เงาร่างสีเขียวซึ่งอยู่ไม่ไกล คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เจ้าเป็นใคร?”
สายตาของเฟิ่งจิ่วกวาดมองผ่านป้ายหยกห้อยเอวและเหรียญที่ติดอยู่ตรงหน้าอกของพวกเขาสองคน ปรับอารมณ์ แล้วกระแอมเบาๆ ก้าวออกมาคารวะ “ข้าเฟิ่งจิ่ว ศิษย์ชั้นล่างประจำยอดเขาซานหยางคารวะอาจารย์อาทั้งสองท่านขอรับ”
“เจ้าเป็นศิษย์ชั้นล่างของยอดเขาซานหยางหรือ?”
ทั้งสองตะลึงเล็กน้อย มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วเหลือบมองป้ายหยกห้อยเอวของเด็กหนุ่ม ก็รู้สึกแปลกใจระคนสงสัย “เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานกระมัง? ซ้ำยังเป็นศิษย์ชั้นล่าง เหตุใดจึงเข้ามาที่นี่?”
“เรียนอาจารย์อาทั้งสองท่าน ศิษย์พี่เฉินเป็นคนพาข้าเข้ามา ข้าอยู่กลุ่มเดียวกับศิษย์พี่เฉิน แต่เพราะเจอหมียักษ์ในป่าจึงทำให้ข้าพลัดหลงกับพวกเขา ซ้ำยังถูกหมียักษ์วิ่งไล่เข้ามาจนถึงในส่วนลึกของป่า และมาเจออาจารย์อาทั้งสองท่านอย่างไม่คาดคิดเช่นนี้ขอรับ”
สีหน้าของเธอฉายไปด้วยแววตื่นเต้นดีใจ มองสองคนตรงหน้าด้วยแววตาเลื่อมใสและนับถือ “ข้าเคยส่งยาทิพย์ที่ถ้ำของอาจารย์อาทั้งสองด้วย เพียงแต่ไม่มีวาสนาได้พบพวกท่าน นึกไม่ถึงว่าจะได้พบอาจารย์อาทั้งสองท่านที่นี่ ช่างโชคดีเหลือเกิน”
โชคดีจริงๆ เลย ไม่นึกว่าจะยังดื่มน้ำล้างเท้าของข้าด้วย เธอไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย
จากป้ายหยกห้อยเอวและเหรียญของพวกเขา เธอตัดสินได้ว่าทั้งสองเป็นศิษย์ของซานหยางจื่อ พวกเขาจะมาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรที่นี่ก็มียาทิพย์ล้ำค่าที่ข้างนอกไม่มี
แต่ว่า…
………………………………….