เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1461 ต่อกลับใหม่ได้ + ตอนที่ 1462 ข้ามาจัดกระดูก
ตอนที่ 1461 ต่อกลับใหม่ได้ + ตอนที่ 1462 ข้ามาจัดกระดูก
ตอนที่ 1461 ต่อกลับใหม่ได้
ลั่วเหิงชะงัก เห็นเฟิ่งจิ่วเดินไปข้างหน้า ตอนเดินผ่านเขตอาคม ก็พบว่าเขตอาคมนั่นจางหายไปจริงๆ เขารีบเดินตามเข้าไปข้างในทันที
“เจ้ามีสิ่งนี้อยู่ทำไมไม่รีบบอกแต่แรกเล่า! ข้ามาเสียเที่ยวตั้งหลายครั้ง” เขาอดบ่นไม่ได้ แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในถ้ำเงียบเชียบเหมือนไร้สิ่งมีชีวิต ก็อดสงบปากสงบคำไม่ได้
เฟิ่งจิ่วมองสิ่งของที่ถูกขว้างจนแตกเต็มพื้น นอกจากของใช้ทั่วไปส่วนหนึ่งแล้ว ยังมีของจำพวกยาทิพย์อยู่ด้วย ยามเดินผ่านห้องฝึกหลอมยา ก็เห็นชั้นวางสมุนไพรต่างๆ แตกหักกระจายทั่วพื้น
เธอชะงักเท้า ลดเสียงเบาแล้วถามว่า “เขาลุกยืนไม่ได้ แล้วเหตุใดสิ่งของในนี้จึงเละเทะเช่นนี้? แม้แต่ยาทิพย์ก็ยังกระจายเต็มพื้น?”
“เจ้ายังไม่รู้ ก็เขาได้รับขาดเจ็บจากในดินแดนลับแล้วใช่ไหมเล่า ยามกลับมาเขามีสติครบถ้วน เมื่อถูกส่งตัวกลับมาในถ้ำก็ดิ้นรนขัดขืน จับสิ่งใดได้เขาก็ขว้างปา เดาว่าหลังจากพวกข้าไป เขาก็ขว้างปาสิ่งของทำให้ชั้นวางในห้องฝึกหลอมยาล้มลงมากระมัง”
ขณะกล่าว เขาก็ชะโงกหน้าเข้าไปข้างใน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ทำไมถึงเงียบกริบเลย? เขาคงไม่ได้เป็นอะไรไปแล้วหรอกกระมัง?”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วรีบเดินเข้าไปข้างใน ตอนมาถึงห้องนอนของเขา ก็เห็นเฉินเต้าล้มอยู่บนพื้น หน้าผากแตกเลือดอาบหน้า นอนหมดสติอยู่ตรงนั้น
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหัวใจหนักอึ้ง รีบก้าวเข้าไป “เร็วเข้า ประคองเขาขึ้นเตียง!”
“อ้อๆ” ลั่วเหิงเองก็เหมือนจะตกใจ รีบรับคำ แล้วช่วยเฟิ่งจิ่วยกคนขึ้นไปบนเตียง จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน ตะโกนบอกว่า “ข้าจะไปเรียกหมอ!”
เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นเขาเปิดเขตอาคมถ้ำแล้ววิ่งพรวดพราดออกไป
เห็นอย่างนั้น เธอจึงทำได้เพียงตรวจอาการให้เฉินเต้า เธอจับชีพจรของเขาก่อน แล้วก็พบว่าอาการบาดเจ็บในร่างกายเขายังไม่หายสนิท เป็นเหมือนที่ลั่วเหิงบอก จุดที่บาดเจ็บหนักที่สุดก็คือกระดูกสันหลังส่วนเอว
หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากห้วงมิติแล้วยัดใส่ปากเขา ฝ่ามือขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณเพื่อช่วยย่อยสลายยา จากนั้นก็ช่วยทำแผลที่หน้าผากให้เขา เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปผ่านไป ก็เห็นเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
“ศิษย์พี่เฉิน ข้าเอง เฟิ่งจิ่ว ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” เธอถามเสียงอ่อน มองดวงตาที่ว่างเปล่าของเขา ก็อดพูดไม่ได้ว่า “ท่านไม่ต้องห่วง กระดูกสันหลังส่วนเอวของท่านไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอเพียงรักษาหายก็จะเป็นปกติ”
เธอพูดเรื่องจริง แต่เฉินเต้ากลับฟังเป็นคำปลอบใจ ด้วยเหตุนี้ ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเดิม เพียงพึมพำว่า “ข้าเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง ข้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?”
“ศิษย์พี่เฉิน เหตุใดท่านจึงยอมแพ้ในตนเองได้เล่า? ก็แค่กระดูกหักไม่กี่ท่อนเองไม่ใช่หรือ? มีอะไรน่าห่วงกัน? ขอเพียงกระดูกที่หักสมานเข้าด้วยกันก็หายดีแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
“เจ้าไปเสียเถอะ! ข้ารู้อาการตัวข้าดี” เขาจ้องเพดานถ้ำด้วยสายตาไร้อารมณ์ พึมพำอย่างเหม่อลอยว่า “ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน ว่าข้าเฉินเต้าจะมีวันอย่างนี้ด้วย วันที่อยู่ไม่สู้ตายอย่างนี้…”
เห็นอย่างนั้น เธอทำได้เพียงบอกว่า “ศิษย์พี่เฉิน ข้าไม่มีอย่างอื่น แต่มียาทารักษาอาการกระดูกหักที่สืบทอดกันมาในตระกูล ท่านวางใจ อาการของท่าน จะต้องหายดีภายในสามเดือนอย่างแน่นอน”
เห็นเฉินเต้าจ้องเพดานอย่างเหม่อลอย เธอจึงเผยรอยยิ้ม พลางคิดในใจ ควรทำอะไรเพื่อเขาบ้างแล้ว
………………………………….
ตอนที่ 1462 ข้ามาจัดกระดูก
“น้ำใจของเจ้าข้ารับไว้แล้ว” เฉินเต้ากล่าวด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ไม่เหลือคราบความมั่นใจและโอหังดังเช่นแต่ก่อนแม้แต่น้อย มีเพียงความว่างเปล่าและสิ้นหวัง
ก็จริง ผ่านเรื่องราวเช่นนี้มา หากต้องกลายเป็นคนพิการที่ทำได้เพียงนอนติดเตียงไปตลอดชีวิตที่เหลือ เขาจะทำใจยอมรับได้อย่างไรกัน? บางทีเขาอาจไม่เคยคาดฝันว่าตนเองจะเจอเรื่องอย่างนี้ เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกและรับมือไม่ทัน
“ศิษย์พี่เฉิน นับตั้งแต่เข้าสำนักมา ท่านช่วยข้าไว้มากมายหลายเรื่อง ยามนี้ท่านประสบเรื่องเช่นนี้ ก็ให้ข้าช่วยท่านหน่อยเถิด!” เธอพูดเบาๆ “ท่านอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ท่านลองดูสักช่วงหนึ่ง จริงๆ นะ โปรดเชื่อข้าเถิด”
“หมอและนักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักต่างก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว เจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร? เฟิ่งจิ่ว อย่าเสียเวลาอีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีประโยชน์? ชีวิตคนเรามีเรื่องราวมากมายที่ต้องลองถึงจะรู้ แม้คนอื่นจะบอกท่านว่าไม่มีประโยชน์ แม้คนอื่นจะดับไฟแห่งความหวังของท่านให้มอดดับ แต่ตัวท่านเองไม่ควรทำให้ไฟแห่งความหวังในใจท่านมอดดับเสียเอง”
ได้ยินประโยคนี้ เฉินเต้ามองเขาอย่างเหม่อลอย “ข้ายังมีความหวังได้อีกหรือ? เจ้าไม่รู้หรอก ศิษย์ในยอดเขาเดียวกัน ศิษย์ที่เคยเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ข้าช่วยชีวิตเขา แต่เขากลับผลักข้าไปสู่ความตาย…
ธรรมชาติของมนุษย์มักเห็นแก่ตัวข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่เคยคิดเลย คนที่ข้าเคยช่วยชีวิตไว้ ไม่สู้เคียงข้างข้าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย แต่กลับผลักข้าไปสู่ความตาย ฮ่าๆๆๆ… ข้ามันสมควรแล้ว! ข้าสมควรแล้ว! ข้าช่วยคนที่ไม่ควรช่วย ข้ารนหาที่เอง!”
เห็นเขาตะโกนเสียงดังด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะเหมือนคนใกล้คลั่ง เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปปลอบเขา “ศิษย์พี่เฉิน ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ความผิดไม่ได้อยู่ที่ท่าน สวรรค์ก็จะไม่ปล่อยให้ท่านนอนติดเตียงลุกไม่ขึ้นแน่นอน”
“ออกไป! ออกไป! ไสหัวไป!”
เขาตะโกนเสียงดัง น้ำตาไหลออกจากหางตา เขาพยายามผลักเฟิ่งจิ่วออกไป แต่ไม่นาน คนที่กำลังตะโกนอย่างเอาเป็นเอาตายก็เงียบลง และเข้าสู่ห้วงหลับใหล
“พักผ่อนเถิด! ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
เฟิ่งจิ่วเก็บเข็มเงินกลับมา มองคนที่หลับไปแล้ว ขณะกำลังจะถอดเสื้อผ้าของเขา ก็ได้ยินเสียงลั่วเหิงก่นด่าด้วยความโมโหดังมาจากข้างนอก
“โอหังเกินไปแล้ว! แต่ละคนไม่มีใครใช้ได้เลย! ไม่นึกถึงตอนที่เจอศิษย์พี่เฉินในอดีตเสียบ้าง ตอนนี้พอเห็นเขากลายเป็นอย่างนี้กลับพากันซ้ำเติมกัน! ใช้ไม่ได้เลยสักคน!”
เฟิ่งจิ่วหันกลับไป มองคนที่กำลังเดินเข้ามา ถามว่า “มีอะไรหรือ? ท่านบอกว่าไปเรียกหมอไม่ใช่รึ? เหตุใดกลับมาคนเดียวเล่า?”
“เหอะ คนพวกนั้นใช้ไม่ได้เลย” เขาเดินเข้ามาด้วยความเดือดดาล บอกว่า “ข้าไปเชิญหมอ แต่ไม่มีใครยอมมาสักคน ต่างบอกว่าหมดหนทางรักษาอะไรทำนองนั้น แค่มาดูสักหน่อยก็ยังไม่ยอม เห็นแก่ผลประโยชน์กันเกินไปแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ไม่เห็นเป็นไร พวกเขาไม่มาก็ดี ท่านมาก็พอ”
“หมายความว่าอย่างไร?” ลั่วเหิงถาม “ข้าไม่มีวิชาแพทย์นะ! ข้าช่วยศิษย์พี่เฉินไม่ได้”
“ไม่ต้องให้ท่านช่วย ท่านช่วยข้าถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็ประคองเขาไว้ก็พอ ข้าจะจัดกระดูกเขา ขอเพียงจัดกระดูกที่เคลื่อนให้เข้าที่แล้วประคบยาสูตรลับที่ข้าทำขึ้นเอง ไม่ถึงสามเดือนก็จะเห็นเขาลงจากเตียงได้เองแล้ว”
ได้ยินประโยคนี้ ลั่วเหิงตะลึง แล้วหลุดขำพรืด “เจ้าพอเลย หากเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นจริงเจ้าก็ไม่ใช่ศิษย์ชั้นล่างแล้วละ”
………………………………….