เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1517 เหยียบดวงดาวมา + ตอนที่ 1518 ข้ามาแล้ว
ตอนที่ 1517 เหยียบดวงดาวมา + ตอนที่ 1518 ข้ามาแล้ว
ตอนที่ 1517 เหยียบดวงดาวมา
เสียงหวีดร้องของนกเหยี่ยวดังทะลุขอบฟ้า เสียงเล็กแหลมดังเสียดแทงแก้วหูจนรู้สึกปวด ราวกับถูกฉีกแก้วหูทั้งเป็น กลุ่มคนเบื้องล่างยกมือขึ้นอุดหูทันที
มีเพียงเจ้าสำนักที่ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทามองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ รู้สึกทรมานราวกับถูกตัดแขนขา นั่นเป็นสัตว์เทวะคู่พันธสัญญาของเขา! เป็นถึงสุดยอดสัตว์เทวะเชียวนะ! ไม่นึกเลย ไม่นึกว่าจะถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเขาอย่างนี้?
“เฟิ่งจิ่ว! ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!”
เขากำหมัดแน่นทั้งสองข้าง เส้นเลือดฝอยในตาแดงก่ำ ไอสังหารชวนอกสั่นขวัญแขวน เห็นสัตว์เทวะคู่พันธสัญญาของเขาร่วงตกลงไปบนพื้น สัมผัสได้ถึงพันธสัญญาที่ขาดสะบั้นลง ความรู้สึกผูกพันกันทั้งทางสายเลือดและจิตใจนั้น เหมือนเขาถูกคนควักหัวใจออกมาบีบแรงๆ อย่างไรอย่างนั้น
เจ็บปวดจนไม่อาจหายใจ!
คนอื่นๆ ได้แต่อ้าปากค้าง มองเงาร่างสีแดงที่อยู่ใต้ท้องฟ้ามืดมิดด้วยสายตาเหลือเชื่อ ภาพตรงหน้าสะเทือนไปถึงวิญญาณและสมองของพวกเขา ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อ
หากไม่ได้เห็นกับตา จะกล้าเชื่อได้อย่างไร ว่าภาพตรงหน้าเป็นความจริง?
ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มักถูกผู้ชายอย่างพวกเขาดูถูก กลับต่อสู้กับเหล่าผู้แข็งแกร่งในสำนักของพวกเขาด้วยตัวคนเดียว กระทั่งยังสังหารผู้แข็งแกร่งไปอีกหลายคน หนำซ้ำสุดท้ายยังสังหารนกเหยี่ยวของเจ้าสำนักที่เป็นถึงสุดยอดสัตว์เทวะด้วย…
นะ นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เฟิ่งจิ่วไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ เธอจัดการอันตรายรอบตัวเสร็จก็พยายามทำลายค่ายกลเพื่อหนี แต่กลับพบว่าค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักคล้ายจะไม่เหมือนกับค่ายกลเขตอาคม ยามเธอเข้าใกล้สัมผัสได้ถึงกระแสอากาศพลังวิญญาณขุมนั้น หากคิดจะพุ่งผ่านเขตอาคมนี้ออกไป กลับเหมือนว่าจะต้องถูกดีดกลับมาแน่นอน
“เฟิ่งจิ่ว ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ไม่ปล่อยแน่! เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีออกจากสำนักโอสถตะวันไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว! ข้าจะเอาเลือดของเจ้า มาสังเวยเหยี่ยวดำของข้าให้ได้!”
เสียงโกรธแค้นแฝงจิตสังหารของเจ้าสำนักเปล่งออกไป เฟิ่งจิ่วไม่ได้สนใจ เธอกำลังคิดว่าจะทะลวงค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักนี่ออกไปได้อย่างไร นี่เป็นเขตอาคมผสานกับค่ายกลเกิดเป็นค่ายกลใหญ่ หากทะลวงออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงหาจุดเปิดค่ายกลเท่านั้น
ทว่าเฉินเต้าที่อยู่ข้างกายเจ้าสำนัก เห็นเขาหยิบป้ายหยกสองแผ่นออกมาบีบจนแหลก แล้วเปล่งเสียงตะโกนว่า “อัญเชิญเหล่าผู้อาวุโสในสำนัก โปรดช่วยข้าสังหารโจรโฉดที่ล่วงเกินสำนักเรา!”
“อัญเชิญผู้อาวุโสปกป้องสำนัก!”
“อัญเชิญผู้อาวุโสปกป้องสำนัก!”
เสียงตะโกนดังก้องท้องฟ้ายามราตรี ค่ำคืนนี้ สำนักโอสถตะวันแทบจะสะเทือนไปทั้งสำนัก ทุกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ค่ำคืนนี้ เชื่อว่าในอีกหลายปีข้างหน้า คนในสำนักโอสถตะวันจะไม่ลืมเหตุการณ์สะเทือนขวัญในคืนนี้อย่างแน่นอน…
ทว่า ที่น่าแปลกคือ เจ้าสำนักบีบป้ายหยกแตกเพื่ออัญเชิญผู้อาวุโสลงจากเขามาปกป้องสำนัก แต่กลับไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ไม่มีกระทั่งคำพูดสักประโยค เหตุการณ์ประหลาดนี้ ทำให้เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง
เหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ?
ทว่า ในตอนนี้เอง ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักที่ปกคลุมทั่วทั้งสำนักพลันถูกปิดเสียงดัง ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักรูปโล่กำบังที่ไม่ยอมให้คนเข้าออก พลันสลายหายไปในพริบตา
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน เห็นเพียงเงาร่างสีดำร่างหนึ่งเหาะเข้ามากลางท้องฟ้ายามกลางคืน ชุดคลุมสีดำพลิ้วไหวท่ามกลางราตรี ผมสีหมึกลอยสยาย หน้ากากที่บดบังใบหน้าของเขา เด่นชัดท่ามกลางเปลวเพลิง…
………………………………….
ตอนที่ 1518 ข้ามาแล้ว
เฟิ่งจิ่วที่เห็นค่ายกลถูกปิดประหลาดใจเล็กน้อย ขณะกำลังคิดจะหนี ก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยเหาะเข้ามาราวกับเหยียบดวงดาวมา ครั้นเห็นเงาร่างนั้นปรากฏตัวขึ้น เธอชะงักงัน ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็นึกปลง
เจ๋อ เขามาแล้ว เธอกลับไม่นึกว่าเขาจะมาที่นี่ในเวลานี้ เพราะเธอแค่บอกให้พวกเหลิ่งซวงมารอรับช่วงต่อข้างนอก กลับไม่ได้บอกเขาถึงเรื่องที่เธอจะทำ
แต่ว่า เมื่อนึกได้ว่าอำนาจตำหนักยมราชของเขามีอยู่ทั่วทุกที่ กลับรู้สึกปลง ขอเพียงเขาอยากรู้ ถึงเธอจะไม่บอก มีหรือเขาจะสืบไม่ได้ว่าเธออยู่ที่ไหน?
เพียงแต่ เวลาที่มาช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักถูกปิด นี่ก็น่าจะเป็นฝีมือของเขากระมัง! เห็นเขามาถึง เธอก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
มีเขาอยู่ที่นี่ เธอเชื่อว่าเธอจะไม่เป็นอะไรแน่นอน
ทว่า เทียบกับการผ่อนคลายของเฟิ่งจิ่ว ดวงตาดำขลับของเซวียนหยวนโม่เจ๋อในยามนี้กลับสะท้อนแววโหดเหี้ยมกระหายเลือด เขามองเงาร่างสีแดงที่ยืนอยู่กลางอากาศ มองดูชุดสีแดงบนตัวเธอที่ถูกกรีดฟันจนเป็นรอยแผลมากมาย มองดูเส้นผมสีหมึกของเธอถูกปล่อยสยาย รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณและแรงกดดันที่สูงกว่าระดับการฝึกบำเพ็ญของเธอ แค่นั้นก็รู้แล้วว่าเธอถูกคนบีบคั้นจนไม่เหลือทางเลือกอื่น จึงต้องกินยาเพื่อเพิ่มพลังในระยะเวลาสั้นๆ
เธอมียาประเภทนั้นอยู่ อีกอย่างยาชนิดนี้ก็ออกฤทธิ์เร็วมาก และแรงมากด้วย มันสามารถทำให้คนที่กินเพิ่มพลังได้ในเวลาสั้นๆ แต่กลับมีเวลาจำกัด ซ้ำเมื่อยาหมดฤทธิ์ ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายไม่น้อยด้วย
แค่ไม่กี่อึดใจ เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็มาถึงตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว เอื้อมมือมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังไหวหรือไม่?” เสียงทุ้มต่ำยากปกปิดกลิ่นอายเย็นเยียบ
เขามองเฟิ่งจิ่วในอ้อมแขนที่หน้าตาดูเหน็ดเหนื่อยด้วยความสงสาร แล้วตำหนิ “เหตุใดไม่บอกข้าเลย? เรื่องอะไรล้วนแบกรับไว้คนเดียว มีข้าไว้ทำอะไรกัน?”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “หรือท่านคิดว่าข้าอยู่กับท่าน เพื่อจะให้ท่านปกป้องข้า? วางใจเถิด! ข้าไม่ตายหรอก ถือว่าเป็นการฝึก ข้าไม่ได้สู้อย่างนี้มานานแล้ว จะว่าไปก็เหนื่อยไม่เบาเหมือนกันนะ”
เธอเอื้อมมือโอบเอวเขา เอาหน้าแนบลงไป สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างของเขาค่อยๆ จางไป จึงบอกว่า “ฤทธิ์ยาของข้าใกล้จะหมดแล้ว ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักถูกปิดแล้ว พวกเราไปกันเถิด!”
ทว่า เซวียนหยวนโม่เจ๋อโอบกอดเธอ แต่กลับเลื่อนสายตาลึกล้ำออกจากใบหน้าเธอ แล้วหันไปจ้องเจ้าสำนักสำนักโอสถตะวันที่ยืนอยู่ค่อนข้างไกล “คนในสำนักโอสถตะวันทำร้ายเจ้าถึงขนาดนี้ ข้ามีหรือจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ!”
แตะต้องผู้หญิงของเขา มีหรือเขาจะปล่อยพวกเขาไป!
“ช่างเถิด พวกเราไปกันเถอะ! คนที่ข้าจะฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว คนที่ข้าจะช่วยก็ช่วยได้แล้ว คนที่นี่ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ”
พูดกันตามจริง เธอไม่อยากและไม่หวังให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อทำลายสำนักโอสถตะวันแห่งนี้ ถึงอย่างไร เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาช่วงหนึ่งแล้ว เธอรู้จักคนที่นี่ไม่มาก แต่ก็ยังมีบางคนที่คอยดูแลเธอ เธอไม่อยากทำให้เรื่องราวร้ายแรงไปมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน เจ้าสำนักโอสถตะวันสัมผัสได้ถึงดวงตาเย็นชากระหายเลือดของชายผู้นั้นที่จับจ้องมาที่ตนเอง ไอเย็นขุมหนึ่งลุกลามขึ้นมาจากปลายเท้า ทำให้เขาอดตัวสั่นไม่ได้ เกิดความลนลานหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ
ผู้ชายชุดดำที่จู่ๆ ก็โผล่มาเป็นใครกัน? เหตุใดเพียงสายตาเดียวก็ทำให้เขากลัวได้ขนาดนี้? สองคนนี้เป็นใครกัน? พวกเขามาที่สำนักโอสถตะวันเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่?
………………………………….