เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1521 ค่อนข้างร้ายแรง + ตอนที่ 1522 โทษตัวเอง
ตอนที่ 1521 ค่อนข้างร้ายแรง + ตอนที่ 1522 โทษตัวเอง
ตอนที่ 1521 ค่อนข้างร้ายแรง
เห็นนางหลับใหลไปอย่างสะลึมสะลือ หัวใจเขาสะดุด มือที่สั่นเทาเล็กน้อยยื่นไปตรวจสอบลมหายใจของเธอ ครั้นสัมผัสได้ว่านางยังมีลมหายใจอยู่จึงวางใจลง รีบหยิบยาภายนอกออกมาโรยใส่แผลของเธอ แล้วป้อนยาให้นางกินอีกหนึ่งเม็ด จากนั้นก็รีบพานางไปจากที่นี่
สองวันต่อมา
“เอ้ก อี้เอ้ก!”
เช้าตรู่ เสียงไก่ร้องทำลายความเงียบสงบยามเช้ามืด เสียงไก่ขันแหลมใสดังก้องอยู่ในสวนเล็กๆ ราวกับกำลังบอกทุกคนว่า ฟ้าสางแล้ว ควรตื่นได้แล้ว
เห็นเพียง เจ้าขนเขียวตัวอ้วนกลมยืนอยู่บนโต๊ะหินในสวน แหงนหน้ายืดคอขันอยู่ตรงนั้น ส่วนหน้าประตูสวน อสูรกลืนเมฆาที่นอนหมอบอยู่ตรงนั้นเหลือบมองแวบหนึ่ง ยกอุ้งเท้าสองข้างขึ้นมาปิดหูแล้วหลับต่อ
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเจ้าไก่ขนเขียวตัวนี้ตามพวกเขากลับมาได้อย่างไร ตอนนั้นมันไม่เห็นว่าเจ้าไก่ตัวนี้จะตามหลังมาแท้ๆ แต่เมื่อวานตอนเช้า มันกลับโผล่มาอยู่ในสวน แล้วขันเสียงดังอยู่ตรงนี้แต่เช้า เสียงดังจนนอนไม่หลับ
ในเรือน เฟิ่งจิ่วที่หลับไปสองวันได้ยินเสียงไก่ขัน ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา รู้สึกได้ว่ามีแขนข้างหนึ่งโอบเอวเธอไว้ เธอตั้งสติ แล้วหันคอไปมอง
ใบหน้าแข็งกร้าวแต่หล่อเหลาสะท้อนสู่สายตาเธอ เพียงแต่ ดูโรยราเล็กน้อย หนวดเคราก็เริ่มยาวเพราะไม่ได้โกน
มองหน้าเขา เธอนึกถึงเรื่องในคืนนั้น แล้วก็นึกถึงท่านแม่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านแม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง?
นึกมาถึงตรงนี้ เธอขยับตัวเล็กน้อย ตั้งใจว่าจะขยับตัวออกจากมือใหญ่ที่โอบเอวเธอไว้แล้วลุกจากเตียง แต่ในตอนนี้เอง มือใหญ่ข้างนั้นกลับกระชับแน่นขึ้น ขณะเดียวกัน เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ตอนแรกกำลังหลับสนิทก็ตื่นขึ้นมาด้วย
“ตื่นแล้วหรือ? ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือไม่? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นเธอตื่น ก็รีบถาม สวรรค์รู้ว่าตอนที่เขาใส่ยาให้เธอ แล้วเห็นรอยแผลมากมายเหล่านั้นบนตัวของเธอเขาโกรธแค้นขนาดไหน บาดแผลเหล่านั้นแม้จะไม่ร้ายแรงมาก แต่กลับทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนผิวกายขาวเนียนดุจหิมะของเธอ ช่างบาดตายิ่งนัก
“อืม” เธอรับคำอย่างเกียจคร้าน สองมือดึงคอเสื้อเขา แล้วเอาศีรษะถูอกของเขาเหมือนลูกแมวน้อย “ข้าหลับไปนานเท่าใดแล้ว?”
“สองวัน” เขาลูบผมเธอเบาๆ ถามว่า “หิวหรือยัง? ข้าจะให้คนยกของกินเข้ามา”
“สองวันแล้ว?”
เธอรีบลุกจากอกเขา ยกมือกด รู้สึกว่าแผลที่ไหล่เหมือนจะไม่เจ็บแล้ว จึงดึงเสื้อออกดู นึกไม่ถึง ชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ กลับจ้องร่างกายที่เสื้อถูกเปิดออกเล็กน้อยของเธอด้วยสายตารุ่มร้อน
เธอมุมปากกระตุกเล็กน้อยแล้วปิดเสื้อ ถามว่า “ท่านใส่ยาให้ข้าหรือ?”
“อืม” เขารับคำ สายตาจับจ้องเธอ ยิ้มถาม “บาดแผลดีขึ้นบ้างหรือยัง? วันนี้ยังไม่ได้ดู ถ้าอย่างไร เจ้าถอดเสื้อให้ข้าดูหน่อย?”
“ไม่ต้อง ใกล้จะหายแล้ว” เธอบอกแล้วเดินลงจากเตียง หยิบเสื้อตัวหนึ่งออกมาจากห้วงมิติแล้วใส่
“จะไปดูท่านแม่ของเจ้าหรือ?” เขาเองก็ลุกแล้วใส่เสื้อด้วย เดินมาข้างกายของเธอแล้วถาม
“ใช่สิ ซานหยางจื่อคนนั้นเลวทรามจริงๆ ใช้แส้แช่น้ำยาตีท่านแม่ของข้าจนมีสภาพเช่นนี้ อีกอย่างยาพิษในตัวนางยังไม่ได้แก้ ซ้ำข้ายังหลับไปตั้งสองวัน ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ร่างกายเธอฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว นอกจากจะเป็นเพราะพื้นฐานร่างกายของเธอ ยังเป็นเพราะเม็ดบัวเขียวด้วย แต่ท่านแม่ของเธอไม่เหมือนกัน บาดเจ็บหนักขนาดนั้น ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อใส่สายคาดเอว พลางถาม “เมื่อวานข้าไปดูนาง กลับยังไม่ฟื้นขึ้นมา อาการหนักกว่าเจ้ามากจริงๆ”
………………………………….
ตอนที่ 1522 โทษตัวเอง
ได้ยินอย่างนั้น หัวใจเฟิ่งจิ่วหนักอึ้ง หลังจากล้างหน้าล้างตาก็ออกจากห้อง มาถึงลานบ้านที่ท่านแม่ของเธอพักอยู่โดยมีเซวียนหยวนโม่เจ๋อตามมาด้วย
“นายท่าน ท่านฟื้นแล้ว? ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
พวกเหลิ่งซวงเห็นเธอมากับเจ้าตำหนักยมราช ก็รีบเดินเข้ามายืนข้างกายเธอ
“อืม ข้าดีขึ้นบ้างแล้ว ท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? วันนี้ฟื้นหรือยัง?” เธอมองเหลิ่งซวงแล้วถาม
“ยังเจ้าค่ะ ฮูหยินหมดสติตั้งแต่กลับมา แต่บาดแผลจากแส้บนตัวดีขึ้นมากแล้วหลังจากใส่ยา เพียงแต่ภายใน…” เสียงของเหลิ่งซวงหยุดไป ไม่พูดอะไรอีก
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “ข้าเข้าไปดูหน่อย”
คนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก มีเพียงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่เข้าไปกับเธอ ครั้นมาถึงในห้องแล้วเห็นซั่งกวนหวั่นหรงที่นอนอยู่บนเตียง เธอเดินเข้าไปขานเรียก “ท่านแม่?”
เธอเข้าไปตรวจชีพจรดู ครั้นเอามือแตะ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ตามคาด ยาที่เดิมถูกปิดผนึกไว้ในตัวนางได้กระจายไปทั่วร่างแล้ว เดิมทีซานหยางจื่อก็ตั้งใจจะใช้นางเป็นเตาหลอมมนุษย์แล้ว ยามนี้เป็นอย่างนี้…
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนดูอยู่ข้างๆ เห็นเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้แก้ไขได้ง่ายๆ ฉะนั้นจึงบอกว่า “ข้ารู้ว่าร่างกายท่านแม่เจ้าถูกฤทธิ์ยาเล่นงานค่อนข้างเยอะ เจ้าเองก็อย่าเพิ่งร้อนใจ ขอเพียงตอนนี้ยังไม่มีอันตรายอะไรก็พอแล้ว ปัญหาทุกอย่างจะค่อยๆ แก้ไขไปได้ทีละเรื่องเอง”
“อืม ข้ารู้” เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้น มองดูท่านแม่ที่กำลังหมดสติ แล้วบอกว่า “ข้าไม่คิดว่าจะปล่อยให้นางบาดเจ็บถึงขนาดนี้ ข้านึกว่าข้าจะช่วยนางออกมาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ เลย แต่ว่า…”
เป็นเธอที่มั่นใจเกินไป เป็นเธอที่อยากจะเอาชนะเกินไป เธอไม่ควรเอาความปลอดภัยของท่านแม่มาเดิมพัน
“ไม่ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว โลกนี้ไม่มีผิดหรือถูก เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง? อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น บางที นี่อาจเป็นด่านเคราะห์หนึ่งของท่านแม่เจ้าก็ได้” เขาปลอบนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่อยากให้นางตำหนิตัวเองมากเกินไป เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอเลยแม้แต่น้อย
เขามองซั่งกวนหวั่นหรงที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง แล้วพูดกับเฟิ่งจิ่ว “พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
“อืม” เธอรับคำ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ท่านแม่ของเธอ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับเขา แล้วไปนั่งในสวน
“นายท่าน กินอะไรหน่อยเถิด! ท่านไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว” เหลิ่งหวาฉวยโอกาสนี้ยกโจ๊กที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางบนโต๊ะในสวน คนอื่นต่างก็ถอยออกไปแล้ว มีแค่เขาที่รออยู่ตรงนี้
“กินก่อนเถิด!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อตักโจ๊กให้เธอหนึ่งถ้วย พลางบอกว่า “เจ้าหมดสติไปสองวันจึงไม่รู้ว่า ข้างนอกข่าวแพร่ออกไปแล้ว สำนักโอสถตะวันถูกเจ้าก่อความวุ่นวายเช่นนี้ เสียหายหนักไม่น้อย อย่าหวังว่าจะกลับไปมีชื่อเสียงดีๆ เหมือนในอดีตได้ในเร็ววันเลย”
เฟิ่งจิ่วรับโจ๊กไปตักกินหนึ่งคำ ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ ถามด้วยความแปลกใจ “ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักนั่นปิดได้อย่างไร? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ที่ไหน? ยังมีอีก เสียงคนพูดตอนหลังนั่นเป็นเสียงใคร?”
“เมื่อก่อนเพราะร่างกายของข้าถูกพิษเหมันต์ ฉะนั้นจึงเคยขึ้นเขาไปสำนักโอสถตะวันมา ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักของพวกเขา ข้าย่อมรู้ว่าอยู่ที่ใด อีกอย่าง บรรพจารย์อาวุโสที่นั่นก็รู้จักข้า หากไม่ใช่เพราะบรรพจารย์อาวุโสเหล่านั้นเคยช่วยข้าไว้ จึงถือว่ามีบุญคุณ คนในสำนักโอสถตะวันทำเจ้าเจ็บถึงขนาดนี้ ข้าคงฆ่าพวกเขาไปแล้ว!”
พอพูดถึงเรื่องนี้ รอบตัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็มีไอเย็นปรากฏอีกครั้ง ตอนที่เขาเห็นแผลตรงหัวไหล่ของเฟิ่งจิ่ว เขามีความคิดจะฆ่าคนแล้วด้วยซ้ำ รู้สึกว่าโจมตีเจ้าสำนักคนนั้นด้วยฝ่ามือเดียวดูจะเป็นการเสียเปรียบเขาเกินไป
………………………………….