เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1523 ฟื้นแล้ว + ตอนที่ 1524 สายตาข้าใช้ได้หรือไม่
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1523 ฟื้นแล้ว + ตอนที่ 1524 สายตาข้าใช้ได้หรือไม่
ตอนที่ 1523 ฟื้นแล้ว + ตอนที่ 1524 สายตาข้าใช้ได้หรือไม่
ตอนที่ 1523 ฟื้นแล้ว
ได้ยินคำพูดของเขา เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ที่แท้เป็นเพราะเมื่อก่อนเคยไปสำนักโอสถตะวันนี่เอง ก็จริง เดิมเขาก็เป็นคนของราชวงศ์เซวียนหยวนแห่งแปดจักรวรรดิใหญ่อยู่แล้ว ปีนั้นถูกพิษเหมันต์ อย่างไรก็ต้องไปหาวิธีแก้พิษที่สำนักโอสถตะวันอยู่แล้ว
กินโจ๊กหมดไปหนึ่งถ้วย เธอยิ้มบอกว่า “ถึงข้าจะบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน สำนักโอสถตะวันเสียหายกว่าข้ามาก เจ้าสำนักถูกท่านซัดฝ่ามือใส่ ข้าเดาว่าไม่ตายก็คงเหลือแค่ครึ่งชีวิต เรื่องนี้ให้แล้วกันไปเถิด ไม่จำเป็นต้องคิดแค้น”
เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วถามอีกว่า “ใช่แล้ว ครั้งนี้ท่านมาคนเดียวหรือ? ฮุยหลางกับอิ่งอีเหตุใดไม่ตามมาด้วย?”
“ข้าให้พวกเขาไปจัดการเรื่องบางอย่างที่ตำหนักยมราช น่าจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก แล้วเติมโจ๊กให้เธออีกหนึ่งถ้วย “กินมากหน่อยเถิด! ร่างกายเจ้ายังอ่อนแออยู่เลย!”
เฟิ่งจิ่วรับไปกินต่อ ผ่านไปไม่นานก็หยุดมือ แล้วมองเขา “ข้าจะหลอมยาแก้พิษให้ท่านแม่ของข้า แต่นอกจากตัวนำยาชนิดเดียวที่ข้าเจอในถ้ำของซานหยางจื่อแล้ว ยังต้องการอีกสองชนิด ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าหาหน่อย”
“ยาสองชนิดใด? เจ้าว่ามา”
“บัวหยกขาวน้ำแข็ง แล้วก็ดอกหลิงหลงเจ็ดสี” เธอพูดชื่อยาทิพย์สองชนิด แล้วบอกอีกว่า “อีกอย่างยังต้องใช้ต้นที่อายุอย่างน้อยสามร้อยปี ไม่เช่นนั้นจะนำมาทำเป็นยาไม่ได้”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อครุ่นคิด แล้วบอกว่า “ยาสองชนิดที่เจ้าว่ามาเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่หายากมาก แม้แต่ราชวงศ์เซวียนหยวนของเราก็ยังไม่มียาสองชนิดนี้ ทางตำหนักยมราชกลับยังมีดอกหลิงหลงเจ็ดสีอยู่หนึ่งต้น แต่อายุยังไม่ถึงสามร้อยปี ข้าต้องให้คนใต้อาณัติไปสืบหา ดูว่าในมือคนอื่นมียาทิพย์สองชนิดนี้หรือไม่”
สิ้นเสียง เขาก็ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วถามว่า “หากไม่มียาสองชนิดนี้ ยาในตัวท่านแม่ของเจ้าก็จะแก้ไม่ได้หรือ? เช่นนั้นก่อนจะหายาสองชนิดนี้เจอ นางจะไม่เป็นไรหรือ?”
“ข้าสกัดยาในร่างนางไม่ให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ เดิมทีซานหยางจื่อตั้งใจจะใช้นางเป็นเตาหลอมมนุษย์ ยาพวกนั้นก็ไม่ใช่ยาพิษเสียทีเดียว แต่เป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่ามาก ทว่าหากร่างกายนางรับไม่ไหว ยาหลายชนิดต่อต้านกันเองก็อาจค่อยๆ กลายเป็นพิษได้ หนำซ้ำยังเป็นพิษร้ายแรงด้วย ข้าสกัดไว้ได้ แล้วก็ใช้วิธีปล่อยเลือดเพื่อขับพิษให้นางได้ เพียงแต่ ฤทธิ์ยาแทรกซึมเข้าไปในกระดูกแล้ว ปล่อยเลือดอย่างเดียวไม่อาจกำจัดพิษได้หมด
ยาทิพย์สองชนิดนั้นล้วนเป็นยาล้ำค่า แม้จะเอามาทำยา ก็ไม่ต้องใช้ทั้งต้น ต้องการเพียงกลีบดอกกลีบเดียวเท่านั้น หากหาทั้งต้นไม่ได้ เช่นนั้นลองหากลีบดอกมาสักสองสามกลีบก็พอ”
ได้ยินอย่างนั้น เขาพยักหน้า แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “วางใจเถิด! เรื่องนี้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าจะรีบให้คนไปสืบข่าวโดยเร็ว ถึงแม้จะเป็นยาทิพย์ที่ล้ำค่ามากอีกสักเท่าใด ก็ต้องมีคนครอบครองไว้แน่”
“อืม ข้าจะช่วยนางกำจัดพิษบางส่วนก่อน ส่วนพิษที่อยู่ในกระดูก คงต้องรอยาทิพย์ให้ครบก่อน”
สองวันหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วให้ท่านแม่ของเธอกินยาขับพิษบางส่วนก่อน เธอเลือกใช้วิธีระบายพิษออกทางรูขุมขนบนร่างกาย ด้วยเหตุนี้ เมื่อของเหลวสีดำไหลซึมออกมาจากตัวนาง อาการของนางก็ค่อยๆ ดีขึ้น
หลังจากหมดสติมาหลายวัน ในที่สุดซั่งกวนหวั่นหรงก็ฟื้น ตอนที่ลืมตาขึ้นมา แล้วเห็นเงาร่างที่นั่งอยู่ข้างเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกุมมือเธอ แล้วถามด้วยความร้อนใจ
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเล็กน้อย ดวงตาหยีเล็ก มองซั่งกวนหวั่นหรงแล้วยิ้มกว้าง ตอบว่า “ท่านแม่ ท่านวางใจ ข้าไม่เป็นไร ข้าฟื้นตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 1524 สายตาข้าใช้ได้หรือไม่
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หัวใจที่ตึงเกร็งของนางพลันผ่อนคลายลง ยามนี้ถึงเพิ่งมองเห็นว่าใบหน้าของเธองามละเอียดและโดดเด่นกว่าตอนอยู่ในสำนักเสียอีก อีกทั้งยังใส่ชุดสีแดงทั้งตัว สะดุดตายิ่งนัก เห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ “ใส่อย่างนี้งามยิ่งนัก”
ได้ยินอย่างนั้น เธอยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “เหมือนท่านแม่อย่างไรเล่า! ก็ต้องงามอยู่แล้ว”
“เด็กคนนี้” ซั่งกวนได้ยินก็ส่ายหน้ายิ้มๆ นี่พลอยชมนางไปด้วยแล้ว คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ นางตั้งสติ แล้วถาม “เสี่ยวจิ่ว ตอนที่ออกมาแม่เหมือนเห็นคนใส่ชุดดำคนหนึ่ง คนผู้นั้นเป็นคนของเจ้าหรือ?”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มจนตาหยี “ท่านแม่ ท่านรอเดี๋ยว” เธอใส่เสื้อคลุมให้นาง จากนั้นก็ประคองนางลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แล้ววิ่งออกไปข้างนอก ไม่นาน ก็พาเซวียนหยวนโม่เจ๋อเข้ามา
“ท่านแม่ คนที่ท่านพูดถึงคือคนนี้ใช่หรือไม่?” เธอผลักร่างแข็งทื่อดูไม่เป็นธรรมชาติของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไปข้างหน้า
ซั่งกวนหวั่นหรงมองอย่างละเอียด สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าแข็งกร้าวหล่อเหลาของเขา ดูเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ “ตอนนั้นเขาสวมหน้ากาก แม่จำไม่ค่อยได้ว่าใช่เขาหรือไม่”
“ท่านแม่ เป็นเขาเจ้าค่ะ เขาชื่อเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เป็นผู้ชายของข้าเอง” เฟิ่งจิ่วพูดพร้อมยิ้มตาหยีสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย พลางตบไหล่ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไปด้วย
เห็นลูกสาวพูดจาเช่นนี้ ซ้ำยังเห็นเธอใกล้ชิดกับชายคนนี้มาก ซั่งกวนหวั่นหรงกระแอมเบาๆ แล้วบอกว่า “เสี่ยวจิ่ว เป็นผู้หญิงไม่ควรพูดจาส่งเดชไปเรื่อย”
ผู้ชายของนางอะไรกัน? เด็กคนนี้เหลวไหลจริงๆ ยังเป็นสาวน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดแท้ๆ กลับพูดจาเช่นนี้ ดูท่า ตอนที่นางไม่อยู่ข้างๆ เฟิ่งเซียวที่เป็นพ่อคงไม่ได้ดูแลนางให้ดีนัก ปล่อยให้ลูกพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ ไม่กลัวเสียชื่อเสียงบ้างเลย
เดิมทีเซวียนหยวนโม่เจ๋อยังรู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ ร่างกายจึงแข็งทื่อเล็กน้อย ท่านพ่อตาเขาเคยเจอแล้ว แล้วก็สนิทสนมกันแล้วด้วย แต่ท่านแม่ยายกลับเพิ่งเคยเจอครั้งแรก ด้วยเหตุนี้ในใจจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย กลัวว่าจะสร้างภาพประทับใจที่ไม่ดี
ทว่า พอได้ยินเฟิ่งจิ่วแนะนำเขาให้ท่านแม่นาง คำว่าผู้ชายของนาง กลับทำให้หัวใจเขาพองโตขึ้นมา รีบก้าวเข้าไปข้างหน้า ประสานมือคารวะทันที
“น้าหรง ข้าชื่อเซวียนหยวนโม่เจ๋อ น้าหรงเรียกข้าว่าโม่เจ๋อก็ได้ ข้ากับเสี่ยวจิ่วเราสองคนรู้จักกันมานานหลายปี ข้าเคยไปตำหนักเฟิ่งพบลุงเซียวกับท่านปู่แล้ว ข้ากับเสี่ยวจิ่วสัญญาจะครองคู่กันแล้ว รอเพียงท่านกลับบ้านแล้วข้าจะรีบไปสู่ขอทันที”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเขาอ่อนโยนลงหลายส่วน ใช่แล้ว ขอเพียงนางกลับถึงบ้าน พวกเขาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เขาก็จะไปสู่ขอได้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น สู่ขอเฟิ่งจิ่วกลับมา เขาจะได้ตื่นมาเห็นนางทุกวัน
นึกมาถึงตรงนี้ ในใจก็เริ่มคาดหวัง
ซั่งกวนหวั่นหรงได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย ไม่นานก็พูดอย่างปล่อยวาง “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง” นางหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่ยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆ แล้วยิ้มบอกว่า “เด็กคนนี้ เหตุใดพูดอะไรไม่พูดให้หมด! ที่แท้ก็เคยพบพ่อกับปู่ของเจ้าแล้ว เช่นนั้นก็ย่อมไม่ธรรมดา ย่อมต้องเป็นคนกันเองอยู่แล้ว”
“ใช่เจ้าค่ะๆ” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ คลองแขนเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แล้วส่งสายตาให้เขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินก็ชอบใจ รีบตอบ “ข้าสั่งให้คนต้มโจ๊กแล้ว ข้าไปถามก่อนว่าเสร็จหรือยังจะได้ยกมาให้พวกท่าน เสี่ยวจิ่ว เจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนกับน้าหรงเถิด”
“ได้ ท่านไปเถิด!”
เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ เห็นเขาเดินออกไปแล้ว จึงค่อยมานั่งลงข้างเตียง ยิ้มตาหยีแล้วบอกว่า “ท่านแม่ สายตาข้าใช้ได้หรือไม่?”
………………………………….