เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1541 หมู่บ้านบนเขาอันเงียบสงบ + ตอนที่ 1542 ถึงเมืองซุ่นเหยียน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1541 หมู่บ้านบนเขาอันเงียบสงบ + ตอนที่ 1542 ถึงเมืองซุ่นเหยียน
ตอนที่ 1541 หมู่บ้านบนเขาอันเงียบสงบ + ตอนที่ 1542 ถึงเมืองซุ่นเหยียน
ตอนที่ 1541 หมู่บ้านบนเขาอันเงียบสงบ
นึกไม่ถึง หลังจากเดินออกไปข้างนอก กลับเห็นฝุ่นคลุ้งเต็มถนนบนภูเขา เด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้นกลับไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“ไม่นึกว่าจะไปเร็วขนาดนี้?” หญิงสาวกระทืบเท้าแล้วขบริมฝีปาก เธอยังไม่ได้ถามเลยว่าเด็กหนุ่มชื่ออะไร!
ท่ามกลางค่ำคืน ม้าขาวหนึ่งตัว เด็กหนุ่มชุดสีแดงหนึ่งคนเร่งเดินทางอยู่บนถนนภูเขา สายลมกลางคืนปะทะใบหน้า กรีดพัดจนรู้สึกปวดตา
เหล่าไป๋วิ่งอย่างสุดกำลัง พลางถาม “นายท่าน ปล่อยหญิงงามคนนั้นไว้ที่นั่นจะไม่เป็นอะไรจริงหรือ หากนางเจออันตรายจะทำอย่างไร?” มันคิดว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตางดงามรูปร่างเอิบอิ่ม หากเดินทางเพียงลำพัง เกรงว่าจะมีอันตราย
หากนายท่านพานางมาด้วย บางทีมันอาจไม่กังวลอย่างนี้
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เหล่าไป๋ กลับถึงบ้านเมื่อใด ข้าค่อยหาม้าตัวเมียให้เจ้าสักตัวเพื่อให้เจ้าสงบจิตสงบใจเป็นอย่างไร?”
“นายท่าน เดิมทีข้าก็เป็นม้ากลายพันธ์อยู่แล้ว ม้าทั่วไปจะคู่ควรกับข้าเหล่าไป๋ได้อย่างไร? ไม่เอาหรอกๆ”
วิ่งด้วยความเร็วกลางค่ำคืน เสียงของมันถูกสายลมพัดหายไป หนึ่งคนหนึ่งม้าหาเรื่องคุยกันสัพเพเหระ กระทั่งยามฟ้าสาง พวกเขาพบหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
“นายท่าน พวกเราเจอหมู่บ้านแล้ว เข้าไปพักกันเถิดขอรับ!” ขณะพูดเหล่าไป๋ก็สาวเท้าวิ่งไปทางหมู่บ้านนั้น
“เข้าไปในหมู่บ้านแล้วเจ้าอย่าพูดอะไร คนอื่นจะได้ไม่ตกใจ” เฟิ่งจิ่วกำชับ
“ขอรับ ข้ารู้แล้ว”
มันรับคำ แล้วปิดปาก วิ่งตามถนนเข้าไปในหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านที่ตื่นแต่เช้าตรู่บ้างก็แบกจอบ บ้างก็หามถังน้ำสองใบออกจากบ้าน หลังคาบ้านบางแห่งมีควันลอยขึ้นฟ้า ดูก็รู้แล้วว่ากำลังทำอาหารเช้า
เฟิ่งจิ่วกระโดดลงจากหลังม้า จูงเหล่าไป๋มาหน้าบ้านหลังหนึ่งแล้วเคาะประตู “มีคนอยู่หรือไม่”
ประตูไม้เรียบง่ายเปิดออกพร้อมกับเสียงดังแอ๊ด หญิงชรานางหนึ่งเดินออกมาเปิดประตู เห็นเฟิ่งจิ่วในชุดแดงที่ใบหน้าหล่อเหลาดุจเทวดาก็อึ้งงัน ถามด้วยน้ำเสียงระแวงเล็กน้อย “คุณชายท่านนี้ มีเรื่องใดหรือ”
เห็นว่าเป็นหญิงชรา เธอจึงยิ้มแล้วถามว่า “ผู้อาวุโส ข้าเดินทางผ่านมา อยากพักที่นี่สักหน่อย ไม่ทราบว่าได้หรือไม่”
“ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ในบ้านเรียบง่ายธรรมดา คุณชายไม่รังเกียจจึงจะดี” หญิงชราตอบ พลางเปิดประตูเชิญเฟิ่งจิ่วเข้าไป เห็นเฟิ่งจิ่วจูงม้ามาหนึ่งตัว ก็บอกว่า “คุณชาย ม้าตัวนี้ผูกไว้กับเสาไม้หน้าประตูก็ได้”
“ขอรับ” เธอรับคำ แล้วผูกเหล่าไป๋ไว้กับเสาไม้หน้าประตู ตบหัวมันเบาๆ สองทีแล้วกำชับสองสามประโยค จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านไม้
“คุณชาย ในบ้านไม่มีของดีอะไร คุณชายโปรดอย่างรังเกียจ กินแก้ขัดสักหน่อย” หญิงชรายกข้าวต้มถ้วยเล็กๆ มาให้เฟิ่งจิ่ว แล้วยังมีผักกับแกล้มที่ดองด้วยตนเอง และแป้งทอดฟักทองอีกสองชิ้น
เห็นอาหารพื้นบ้านเหล่านี้ เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสมากขอรับ” หางตาเหลือบเห็นเด็กผู้ชายอายุห้าหกขวบเปียผมชี้ขึ้นฟ้าชะโงกหน้าออกมาจากข้างใน มองเธอด้วยความฉงนฉงาย
“นี่คงเป็นหลานชายของผู้อาวุโสกระมัง?” เธอมองเด็กน้อยแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ หลานข้าเอง” หญิงชรายิ้มด้วยความรักใคร่ หันไปกวักมือเรียกเด็กชาย “เสี่ยวหู่ ออกมาคารวะคุณชาย”
เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ มองเฟิ่งจิ่วด้วยความเขินอายแวบหนึ่ง แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปแอบอยู่ข้างหลังท่านย่าของตนเอง
“คุณชายอย่าถือสา หลานข้ายังเด็ก ปกติไม่ค่อยได้พบคนแปลกหน้า” หญิงชราพูดอย่างขอโทษขอโพย
………………………………….
ตอนที่ 1542 ถึงเมืองซุ่นเหยียน
เห็นอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วหยิบขนมกล่องหนึ่งออกจากห้วงมิติแล้วยื่นให้เด็กน้อย “มา อันนี้ให้เจ้า” ของเหล่านี้เธอซื้อระหว่างทางเอาไว้เป็นอาหารแห้ง แต่ระหว่างทางกลับไม่ค่อยได้กิน
“นี่จะได้อย่างไรกัน?” หญิงชรารีบปฏิเสธ มองดูกล่องลวดลายประณีต ได้กลิ่นหอมหวนของขนมลอยออกมา ยิ่งไม่กล้ารับไว้
ของอย่างนี้ ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขาไม่มีปัญญากิน และไม่กล้ารับไว้ด้วย
“ไม่เป็นไร ให้เด็กน้อยกิน รับไว้เถิด!” เธอนั่งยองๆ แล้วเปิดกล่อง เผยให้เห็นขนมหน้าตาประณีตที่อยู่ข้างใน “อร่อยมากนะ รับไว้เถิด!”
เด็กน้อยมองขนมในกล่องด้วยดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วจิ้มแล้วเอาเข้าปาก แล้วดวงตาทั้งสองข้างก็ไม่อาจละออกจากขนมชิ้นเล็กได้อีก
“คุณชาย นี่มัน…” เมื่อก่อนเหล่าผู้ดีที่ผ่านทางมา มักดูแคลนชาวบ้านอย่างพวกเขา ไม่เคยมีใครมอบของให้เช่นนี้ กลับทำให้หญิงชราทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไร แค่ขนมกล่องหนึ่งเท่านั้น” เธอยัดกล่องขนมใส่มือเด็กน้อย “รับไว้จึงจะเป็นเด็กดี”
เด็กน้อยกอดกล่องขนมที่เฟิ่งจิ่วยัดมาให้ ดวงหน้าไร้เดียงสาเผยรอยยิ้มชอบใจอย่างอดไม่อยู่ “ขอบคุณพี่ชาย”
“ต้องเรียกคุณชาย” หญิงชรารีบเตือน
“ขอบคุณคุณชาย” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงแหลมใส กอดกล่องขนมแล้วรีบวิ่งเข้าไปข้างหลัง พลางตะโกนเสียงดัง “ท่านปู่ๆๆๆ มีขนมอร่อยกินแล้ว…”
“คุณชาย ท่านกินไปก่อน หากไม่พอยังมีอีก” หญิงชราบอก แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เฟิ่งจิ่วนั่งลงแล้วกินข้าวต้มถ้วยเล็ก กินคู่กับผักกับแกล้มถ้วยเล็กๆ และแป้งทอดฟักทอง เป็นมื้อเช้าที่เรียบง่ายแต่กินคล่องปากนัก หลังกินมื้อเช้า เธอพักผ่อนในห้องที่หญิงชราทำความสะอาดให้ ตั้งใจจะหลับสักงีบแล้วค่อยออกเดินทางตอนเที่ยง
กระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน หญิงชรามาเคาะประตู
“คุณชาย มื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ลุกมากินเถิด!”
ประตูห้องเปิดออก เฟิ่งจิ่วที่หลับไปหนึ่งงีบเดินออกมา เธอที่ตอนแรกตั้งใจจะออกเดินทาง กลับนั่งลงกินข้าวมื้อหนึ่งตามคำเชิญชวนของหญิงชรา หลังจากพูดคุยกับพวกเขาไม่กี่ประโยค กินข้าวเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวอำลา
“ผู้อาวุโสวางใจ หากข้าได้พบลูกชายของท่าน จะต้องบอกต่อคำพูดของท่านให้เขารู้แน่นอน” เธอนั่งบนหลังเหล่าไป๋ แล้วโบกมือให้หญิงชรา จากนั้นก็กระตุกบังเหียนม้าแล้วจากไป
“ท่านย่าๆๆ ท่านดูนี่” เด็กชายหยิบเหรียญทองหลายเหรียญออกมา “พี่ชายคนนั้นให้มา”
หญิงชรามองเหรียญทองเหล่านั้นแล้วรับไปด้วยมืออันสั่นเทา ขยับกลีบปาก ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เนิ่นนานก็พูดไม่ออก…
เฟิ่งจิ่วเร่งความเร็วในการเดินทาง เธอไปถึงเมืองซุ่นเหยียนตั้งแต่หัวค่ำ เธอที่ขี่ม้าขาวเข้าไปในเมือง ดวงหน้าหล่อเหลา บุคลิกโดดเด่น รวมถึงชุดสีแดงสะดุดตา เข้าเมืองไปก็ดึงดูดสายตาจากคนหลายคนให้จ้องมองมา
เธอที่คุ้นเคยกับการตกเป็นเป้าสายตามานานแล้วนั่งอยู่บนหลังม้า มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจึงค่อยกระโดดลงจากหลังม้า เสี่ยวเอ้อร์ในร้านรีบออกมารับหน้า ช่วยเธอจูงเหล่าไป๋ไปพักที่คอกม้าด้านหลัง
“เสี่ยวเอ้อร์ ขอห้องให้ข้าห้องหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วตะโกน พลางสาวเท้าขึ้นไปข้างบน แล้วบอกว่า “เอาอาหารแนะนำมาสองสามจาน แล้วก็เหล้าหนึ่งไห”
“ได้ขอรับ คุณชายเชิญทางนี้” เสี่ยวเอ้อร์นำทางอยู่ด้านหน้า เปิดประตูห้องแล้วรินน้ำชาให้เธอก่อน “คุณชายดื่มชาก่อน อาหารและสุราจะตามมาในไม่ช้า”
เสี่ยวเอ้อร์ออกจากห้องไป ไม่นาน อาหารและสุราถูกนำมาวางบนโต๊ะ ขณะกำลังจะออกไป เสี่ยวเอ้อร์ก็ถูกเรียกตัวไว้ก่อน
“เสี่ยวเอ้อร์ จวนเจ้าเมืองห่างจากที่นี่อีกไกลแค่ไหน” เฟิ่งจิ่วรินเหล้าแล้วจิบหนึ่งคำ พลางถามด้วยน้ำเสียงใจเย็น
………………………………….