เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1543 ถูกคนดูแคลน + ตอนที่ 1544 เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1543 ถูกคนดูแคลน + ตอนที่ 1544 เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์
ตอนที่ 1543 ถูกคนดูแคลน + ตอนที่ 1544 เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์
ตอนที่ 1543 ถูกคนดูแคลน
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเอ้อร์หันไปยิ้มให้ แล้วตอบว่า “ไม่ไกลขอรับ ผ่านถนนไปอีกไม่กี่สายก็ถึงแล้ว แต่พักนี้จะเข้าไปในจวนเจ้าเมืองไม่ง่ายนัก หากคุณชายไม่มีเส้นสาย เกรงว่าจะผ่านเข้าประตูใหญ่จวนเจ้าเมืองไม่ได้แล้วล่ะขอรับ”
เฟิ่งจิ่วสายตาไหวระริก คิ้วขมวดเล็กน้อย “อ้อ? เพราะอะไรหรือ?”
“คุณชายมาจากต่างถิ่นจึงไม่รู้ เจ้าเมืองอาวุโสป่วยเป็นโรคร้ายสองสามเดือนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครรักษาได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานท่านเจ้าเมืองกระจายข่าวออกไป คนที่รักษาโรคร้ายของเจ้าเมืองอาวุโสหาย จะขออะไรก็ได้อย่างหนึ่งโดยไม่มีเงื่อนไข ฉะนั้นหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุจากที่ต่างๆ ล้วนเดินทางมาลองกันหมด”
พูดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเอ้อร์ยิ้ม “ตอนนี้หน้าจวนเจ้าเมืองมีคนรายล้อมตั้งแต่เช้ายันเย็น นอกจากหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุ ยังมีผู้ฝึกตนไร้สำนักบางคนมาร่วมดูเหตุการณ์คึกคักด้วย ฉะนั้นอยากเข้าไปในจวนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่หมอและนักเล่นแร่แปรธาตุ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เข้าไปทุกคน”
เฟิ่งจิ่วดื่มสุราหมดหนึ่งถ้วยก็ยกไหสุราขึ้นรินอีก มืออีกข้างเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วโยนเงินให้เสี่ยวเอ้อร์ “ว่าต่อไป เล่าเรื่องที่เจ้ารู้มาให้หมด”
เสี่ยวเอ้อร์ได้เงิน หนำซ้ำไม่ใช่เหรียญเงินแต่เป็นเหรียญทอง ดวงตาเป็นประกายทันที รีบเล่าเรื่องที่เขารู้ให้เฟิ่งจิ่วฟังทุกอย่าง กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยออกจากห้องไป
หลังกินข้าวเสร็จ เฟิ่งจิ่วออกมาเดินเล่นข้างนอก พลางสำรวจเส้นทางไปจวนเจ้าเมืองด้วย กอปรกับไปดูด้วยว่าเป็นอย่างที่เสี่ยวเอ้อร์บอกจริงไหม ที่ว่านอกจวนแห่งนั้นล้วนเต็มไปด้วยหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุ
นึกไม่ถึง ครั้นมาถึงถนนที่อยู่ด้านนอกจวน กลับมีคนรายล้อมอยู่มากมาย เหมือนอย่างที่เสี่ยวเอ้อร์บอก นอกจากหมอ ยังมีนักเล่นแร่แปรธาตุด้วย อีกทั้งระดับความสามารถยังแตกต่างกัน ท่ามกลางคนพวกนั้น กลับยังมีคนที่ใส่ชุดของสำนักโอสถตะวันรวมอยู่ด้วย
“ดูท่าอาการป่วยน่าจะยังไม่หาย ทว่าถึงแม้เจ้าเมืองจะอนุญาตให้ขออะไรก็ได้หนึ่งอย่างหากรักษาเจ้าเมืองอาวุโสหายได้ แต่เหตุใดจึงดึงดูดผู้คนมาได้มากมายถึงเพียงนี้?”
เธอพึมพำเบาๆ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอมาเพราะต้องการดอกหลิงหลงเจ็ดสีเพื่อนำไปหลอมยา แต่พวกหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านั้นแต่ละคนมีเหรียญตราห้อยไว้ตรงหน้าอก บ่งบอกถึงฐานะและระดับของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังมายืนถกเถียงกันเสียงเบาอยู่ที่นี่ นั่นออกจะแปลกอยู่สักหน่อย
“หึๆ แน่นอนว่าเป็นเพราะชื่อเสียงน่ะสิ!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เฟิ่งจิ่วหันไปมอง เห็นหมออายุประมาณสามสิบคนหนึ่งทำหน้าคาดหวังและตื่นเต้น “อาการป่วยของท่านเจ้าเมืองอาวุโสไม่มีใครรักษาหายได้ อีกทั้งท่านเจ้าเมืองต้วนก็เป็นคนกว้างขวาง หลายคนในตระกูลของเขาก็มีความสามารถโดดเด่นในด้านต่างๆ หนำซ้ำอาการป่วยของท่านเจ้าเมืองอาวุโสนี่ก็เชิญหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงหลายคนมาดูอาการแล้วแต่ก็ยังรักษาไม่หาย หากมีใครรักษาหาย ชื่อเสียงจะต้องเลื่องลือระบือไกลแน่ๆ โอกาสเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่อยากลองสักครั้ง?”
สายตาของเฟิ่งจิ่วเลื่อนลงข้างล่าง สะดุดอยู่ที่เหรียญตราตรงหน้าอกของเขา จากนั้นก็เลื่อนสายตาออกไปเงียบๆ “คนมากมายขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าใครก็จะได้พบท่านเจ้าเมืองอาวุโสกระมัง?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเจ้าเมืองอาวุโสร่างกายไม่แข็งแรง ย่อมเจอคนมากไม่ได้ แต่ละวันเข้าไปได้เพียงสิบคนเท่านั้น หนำซ้ำสิบคนนี้จะต้องผ่านการทดสอบและคัดเลือกแล้วด้วย”
“พูดมาถึงตรงนี้ คนคนนั้นเหลือบมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าสวมชุดสีแดงโดดเด่น ตรงหน้าอกไม่มีเหรียญตราห้อยไว้ ก็หัวเราะหยัน “เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อย เหตุใดจึงมาผสมโรงอยู่ตรงนี้ด้วยเล่า?”
………………………………….
ตอนที่ 1544 เพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์
ได้ยินมาถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก ยิ้มๆ “ว่างไม่มีอะไรทำเลยมาเดินเล่น เห็นที่นี่มีคนเยอะจึงอยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น!”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าควรมา จะไปเล่นที่ไหนก็ไป รีบไปเสีย!” เขาโบกมือไล่
“ข้าจะยี่สิบแล้ว ไม่เด็กแล้วเสียหน่อย” เธอยิ้มตอบ ถูกเรียกว่าเด็กน้อยไม่หยุด ฟังแล้วรู้สึกแปลกอย่างไรชอบกล!
“ฮ่าๆๆ ยี่สิบหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอายุเท่าไร?” ชายอายุประมาณสามสิบปีเชิดคางแล้วถาม
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “อายุเท่าไร?” ดูภายนอกเหมือนอายุสามสิบกว่า แต่อายุกระดูกต้องไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ
“อายุหนึ่งร้อยแปดปีแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งเมีย ข้ากำลังคิดว่าหากอาศัยโอกาสนี้สร้างชื่อเสียงได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสู่ขอลูกสาวท่านเจ้าเมืองต้วนมาเป็นเมีย นั่นเรียกว่ายิงธนูนัดเดียวได้เหยี่ยวสองตัว!”
เขามองไปที่จวนเจ้าเมืองด้วยสีหน้ามุ่งมั่นปรารถนา สายตาเป็นประกายเล็กน้อย บอกว่า “ได้ยินมาว่า ลูกสาวของเจ้าเมืองต้วนปีนี้กำลังอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง หนำซ้ำยังเป็นสาวงามที่ระดับวรยุทธ์ไม่ธรรมดาเสียด้วย”
ได้ยินคนผู้นี้รายงานอายุตนเอง ซ้ำยังเล่าแผนการและเป้าหมายของเขาให้ฟัง เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้ ชายเฒ่าอายุหนึ่งร้อยกว่าปี ยังกล้าเพ้อฝันถึงเด็กสาววัยบานสะพรั่ง หนังหน้าช่างหนาจริงๆ
อาจเพราะเห็นเฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก คนคนนั้นหัวเราะเสียงดัง บอกว่า “ผู้ฝึกตนเช่นพวกข้า อายุร้อยกว่าแล้วอย่างไร ที่อายุหลายร้อยปีก็มีอยู่ถมเถ หากฝึกบำเพ็ญสำเร็จกลายเป็นเซียนจริงๆ อายุยืนนับพันนับหมื่นปีอยู่คู่ฟ้าดิน มีอะไรให้น่าแปลกใจอีกหรือ เทียบกันแล้ว ข้าที่อายุร้อยกว่าปีก็ถือว่าอยู่ในวัยเด็กหนุ่มไม่ใช่หรือ”
“ถูกต้อง ท่านพูดมีเหตุผล” เฟิ่งจิ่วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนไม่เหมือนคนธรรมดา คนทั่วไปอายุเจ็ดแปดสิบก็เฒ่าชราแล้ว สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนกลับเป็นเวลาชั่วเพียงพริบตา ยิ่งฝึกบำเพ็ญในระดับที่สูงขึ้นก็ยิ่งสามารถรักษารูปลักษณ์ให้อยู่ในช่วงที่งดงามที่สุด เหมือนนักเล่นแร่แปรธาตุที่อายุร้อยกว่าปีที่ยังมีหน้าตาเหมือนคนอายุสามสิบกว่าปีคนนี้
ในโลกของการฝึกบำเพ็ญเซียน ส่วนมากมักเป็นคู่สามีแก่ภรรยาสาว ฝ่ายชายมีพลังความสามารถ ข้างกายจะขาดสาวงามมีเสน่ห์วัยบานสะพรั่งได้อย่างไรกัน
ทว่า คนคนนี้คิดจะสู่ขอลูกสาวเจ้าเมือง ซึ่งเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองนี้ เรียกได้ว่าหน้าหนากว่าคนทั่วไปอยู่เล็กน้อยจริงๆ
ดูแวบเดียวก็รู้ว่าเขาไม่มีความสามารถ หากมีความสามารถจริงป่านนี้คงเข้าไปแล้ว จะมายืนคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่ทำไมกัน
เธอลอบส่ายหน้ากับตนเอง หมุนตัวจะเดินจากไป แต่กลับถูกคนคนนั้นดึงแขนเสื้อไว้ พลันนั้น เธอยกมือสะบัดแขนเสื้อ ผลักคนผู้นั้นออกไป
คนคนนั้นเซถอยไปหลายก้าวเพราะถูกพลังขุมหนึ่งซัดใส่ เกือบล้มนั่งลงบนพื้น หลังจากยืนได้มั่นคง ก็ขุ่นเคืองเล็กน้อย จึงตวาดเฟิ่งจิ่ว “เจ้าๆๆ เจ้าเด็กน้อยไร้มารยาท เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ขออภัย ข้าไม่ค่อยชอบให้ใครถูกตัว” ขณะกล่าว ก็สาวเท้าเดินจากไป
คนคนนั้นเห็นเฟิ่งจิ่วเอ่ยปากขอโทษ กลับไม่ถือสาหาความอีก เพียงส่ายหน้าแล้วพึมพำ “เด็กหนุ่มสมัยนี้หนา ช่างไร้การอบรมสั่งสอนเสียจริง”
หลังจากเดินเล่นบนถนนอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กลับโรงเตี๊ยมไปอาบน้ำ จากนั้นก็เอนกายพักผ่อนเร็วหน่อย เตรียมตัวพักเอาแรงเพื่อไปจวนเจ้าเมืองในวันรุ่งขึ้น
หนึ่งค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ ครั้นถึงยามเช้ามืด เธอกินอาหารเช้าเสร็จก็ออกจากห้อง ยังคงสวมชุดแดงสะดุดตา แต่งกายเฉกเช่นคุณชายผู้ดี
มาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองอีกครั้ง เธอมองดูกลุ่มคนที่รายล้อม ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปด้านหน้าสุด
………………………………….