เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1547 กลายเป็นบ้านของเขา + ตอนที่ 1548 โยนทิ้งได้จริงๆ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1547 กลายเป็นบ้านของเขา + ตอนที่ 1548 โยนทิ้งได้จริงๆ
ตอนที่ 1547 กลายเป็นบ้านของเขา + ตอนที่ 1548 โยนทิ้งได้จริงๆ
ตอนที่ 1547 กลายเป็นบ้านของเขา
ในห้องโถงของจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองที่นั่งบนที่นั่งเจ้าบ้านให้คนยกน้ำชามาต้อนรับ เสร็จแล้วก็ถามว่า “ไม่ทราบคุณชายมีนามว่าอะไร”
“ข้าแซ่เฟิ่ง” เธอจิบน้ำชา แล้วตอบเสียงนุ่มนวล
“ที่แท้ก็คือคุณชายเฟิ่ง เสียมารยาทแล้ว” เขาประสานมือคารวะ แล้วถามอีก “คุณชายเฟิ่งอายุยังน้อยก็มีเหรียญตราถึงสองเหรียญแล้ว ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“เจ้าเมืองต้วน พวกเรามาพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเถิด!” เธอวางถ้วยชาในมือลง แล้วมองเขา “ได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองอาวุโสในจวนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง”
เขาพยักหน้า บอกว่า “ข้าเคยเชิญคนมากมายมาดูอาการให้ท่านพ่อ ล้วนหาหนทางไม่ได้ ไม่ทราบว่าคุณชายเฟิ่งจะช่วยดูสักหน่อยได้หรือไม่ หากรักษาท่านพ่อของข้าให้หายได้ คุณชายบอกมาได้ทุกเรื่อง ขอเพียงข้าทำได้หรือเป็นของที่มีในจวน ล้วนมอบให้คุณชายเฟิ่งเป็นค่าตอบแทนได้”
“ดอกหลิงหลงเจ็ดสีอายุสามร้อยปี” เธอมองหน้าเขาแล้วบอก “ข้าอยากได้ยาทิพย์ชนิดนี้”
ได้ยินอย่างนี้ เจ้าเมืองต้วนรู้อยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามาเพื่อยาทิพย์ชนิดนี้แน่นอน เพียงนิ่งไปครู่เดียว แล้วก็พยักหน้า “ได้ ขอเพียงคุณชายเฟิ่งรักษาท่านพ่อของข้าหาย ข้าจะมอบดอกหลิงหลงเจ็ดสีสามร้อยปีในจวนของข้าให้คุณชายทันที”
“ท่านเจ้าเมืองอาวุโสอยู่ที่ใด นำทางเถิด!” เธอลุกขึ้น แล้วสะบัดชายเสื้อคลุมเล็กน้อย
“คุณชายเฟิ่งเชิญทางนี้” เจ้าเมืองรีบลุกแล้วนำทางด้วยตนเอง
เดินตามเจ้าเมืองต้วนมาถึงสวนแห่งหนึ่ง เฟิ่งจิ่วเหลือบมององครักษ์บางส่วนที่เฝ้าอยู่นอกสวนพลางยักคิ้ว องครักษ์ในนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ดูท่าอำนาจของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้คงแข็งแกร่งไม่น้อย
ภายใต้การนำทางของเจ้าเมือง พวกเขามาถึงห้องนอนใหญ่ เมื่อเข้ามาข้างในก็เห็นชายคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนเตียง ลึกๆ ข้างในลอบประหลาดใจ
คนบนเตียงท่าทางอายุสามสิบกว่าปี ดูยังหนุ่มมาก อีกทั้งใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนบิดาของเจ้าเมือง ทว่า ครั้นเฟิ่งจิ่วใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอายุกระดูกของเขา กลับกระจ่างในทันใด
คนคนนี้น่าจะเป็นบิดาของเจ้าเมือง เจ้าเมืองคนก่อนไม่ผิดแน่ ถึงเขาจะหน้าตาหนุ่มแน่น แต่อายุกระดูกกลับมากแล้ว ทว่าเพราะเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน มีพลังเช่นนี้ จะรักษารูปลักษณ์ไว้ให้งดงามได้อย่างนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
แวบแรกที่เห็นเจ้าเมืองเธอก็รู้สึกคุ้นแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นบิดาของเจ้าเมืองที่นอนหมดสติอยู่ ก็พลันกระจ่างขึ้นมาทันที
ไม่น่าเล่าถึงรู้สึกคุ้นหน้านัก ใบหน้าของต้วนมู่ไป๋ที่อยู่สำนักโอสถตะวัน คล้ายกับใบหน้าของคนที่นอนหมดสติอยู่ถึงเจ็ดแปดส่วน ดูท่า ตระกูลต้วนในเมืองซุ่นเหยียนแห่งนี้ คงจะเป็นตระกูลของต้วนมู่ไป๋
นึกไม่ถึงว่าตามหาดอกหลิงหลงเจ็ดสีอยู่ดีๆ ก็เจอบ้านของต้วนมู่ไป๋ แต่ว่าเกิดเรื่องในตระกูลเขาอย่างนี้ เหตุใดเขาจึงไม่กลับมาเล่า
“คุณชายเฟิ่ง นี่คือท่านพ่อของข้า เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน เพียงแต่ตั้งแต่สองเดือนก่อนร่างกายของเขาเริ่มมีอาการผิดปกติ สุดท้ายเขาก็หมดสติไป มีหมอหลายคนเคยมาตรวจอาการของเขา แต่ก็หาสาเหตุไม่เจอ”
เวลานี้ เฟิ่งจิ่วยื่นมือออกมาจับชีพจรของเขา แล้วเปิดเสื้อเขาออกเพื่อตรวจร่างกายเขา ครั้นเห็นว่าที่เอวมีจุดบวมอยู่หนึ่งจุด ดวงตาก็หรี่ลงอย่างอดไม่ได้
“ตอนแรกข้ากังวลว่าอาจโดนพิษ จึงให้หมอกรีดเลือดออกมาตรวจ แต่ก็ไม่เจอพิษแต่อย่างใด” เจ้าเมืองยืนพูดอยู่ด้านหนึ่ง ลึกๆ ข้างในลอบประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มชุดแดงตรงหน้าจะช่วยท่านพ่อของเขาให้รอดชีวิตได้หรือไม่
ต้องบอกก่อนว่า ท่านพ่อเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน เพราะมีเขาอยู่ ตระกูลของเขาพวกเขาจึงสงบสุขไม่มีใครกล้าล่วงเกิน หากเขาเป็นอะไรไป เกรงว่า…
……………………
ตอนที่ 1548 โยนทิ้งได้จริงๆ
ได้ยินเจ้าเมืองพูดอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วไม่พูดอะไร เพียงเหลือบมองเอวที่บวมเล็กน้อยแล้วหันไปตรวจที่หัวของเขาต่อ เนิ่นนาน จึงค่อยหดมือกลับแล้วถอยออกมา
“หากข้าวินิจฉัยไม่ผิด ในร่างกายของเขาน่าจะมีหนอนดูดวิญญาณที่ถูกขนานนามว่ายมทูตขาวดำซ่อนตัวอยู่ อย่างมากก็มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เจ็ดวันเท่านั้น”
เธอเอ่ยเสียงเรียบ พลางเดินออกไปที่ห้องด้านนอก
แต่เจ้าเมืองที่ได้ยินอย่างนั้นกลับมีสีหน้าตกตะลึงอย่างไม่อาจปิดบัง มองบิดาที่นอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง สั่งให้หญิงรับใช้สวมเสื้อผ้าให้เขาให้เรียบร้อย จากนั้นก็รีบเดินตามเฟิ่งจิ่วออกมาที่ห้องด้านนอก
“คุณชายเฟิ่งหมายความว่าในตัวพ่อข้ามีหนอนอยู่หรือ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร” ในร่างกายคนเราจะมีหนอนซ่อนตัวอยู่ได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินเป็นผู้มีจิตสัมผัส หากในร่างกายมีหนอนอยู่จริง ท่านพ่อของเขาจะไม่รู้เลยได้อย่างไร
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ ในร่างกายบิดาของท่านก็มีหนอนตัวผู้ตัวเมียซ่อนอยู่สองตัวแล้วไม่ใช่หรือนั่น”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเมืองอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ สองตัวหรือ หนำซ้ำยังตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว นะ นี่มัน….
เพราะความตกตะลึงและอึ้งงันกับคำพูดนั้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว รู้สึกเพียงว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ทว่า ในตอนนี้เอง เขาเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ ผ่านไปไม่นาน ก็หยิบหนังสือหนาๆ เล่มหนึ่งออกมา
เขาเห็นเด็กหนุ่มพลิกหน้าหนังสือไปมา สุดท้ายก็ดันหนังสือมาตรงหน้าเขา
“ท่านดู เป็นหนอนชนิดนี้ ช่วงแรกจะมีขนาดตัวบางเท่าเส้นผมหนึ่งเส้น มีความยาวเพียงเท่านี้ สีดำและสีขาว แล้วก็ค่อยๆ มีขนาดตัวใหญ่ขึ้นจากการซ่อนตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์และดูดกินกลิ่นอายพลังวิญญาณและเลือด อีกทั้ง ที่ประหลาดสุดคือหนอนประเภทนี้ บิดาท่านกำลังใช้ร่างกายตนเองเลี้ยงหนอน ไม่ตายก็แปลกแล้ว”
“คุณชายหมายความว่า นะ หนอนนี่ท่านพ่อข้าเลี้ยงไว้เองหรือ” เขาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“ถูกต้องแล้ว บิดาของท่านเป็นคนเลี้ยงเอง เขาใช้ร่างกายตนเองเลี้ยงหนอนดูดวิญญาณชนิดนี้ หนำซ้ำยังเลี้ยงไว้ที่สองฝั่งของร่างกาย ซ้ายหนึ่งตัว ขวาหนึ่งตัว มีตำนานหนึ่งพูดถึงหนอนดูดวิญญาณไว้ว่า เลี้ยงดูด้วยสารจิง เลือด และพลัง เพื่อสมบัติล้ำค่า ข้าเดาว่าท่านพ่อของท่านคงเลี้ยงเพื่อเหตุนี้ เพียงแต่เขาถูกแว้งกัด อีกไม่กี่วันคาดว่าจะได้ขึ้นสวรรค์แล้วจริงๆ”
อ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ในหนังสือ กอปรกับฟังเฟิ่งจิ่วพูด เขาพรวดพราดเข้าไปตรวจสอบร่างกายฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของท่านพ่อเขา เป็นอย่างที่เฟิ่งจิ่วพูดจริงๆ เอวสองข้างล้วนมีตุ่มนูนขึ้นมาด้านละหนึ่งจุด กำลังขยับตัวเหมือนหนอน เห็นอย่างนั้นเขาอดตกใจไม่ได้
รีบวิ่งออกมาว่า “คุณชายเฟิ่ง เช่นนั้นท่านพ่อของข้ายังมีทางรอดหรือไม่ ได้โปรดช่วยท่านพ่อของข้าด้วยเถิด!”
เธอกลอกตา บอกว่า “ท่านคิดว่าเหตุใดหนอนดูดวิญญาณชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่ายมทูตขาวดำเล่า ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หนอนถูกเลี้ยงจนอ้วนพีขนาดนี้ มีหรือจะกำจัดได้ง่ายๆ”
หนอนดูดวิญญาณชนิดนั้นลือกันว่าหากใช้สารจิงและเลือดของตนเองเลี้ยง เมื่อเลี้ยงจนอ้วนพีแล้วใช้พลังขับออกมานำไปหลอมเป็นยาเม็ดโลหิต จะมีสรรพคุณชุบชีวิตคนตายได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ไม่นึกเลยว่าผู้เฒ่าต้วนคนนี้กลับกล้าเอาชีวิตตนเองมาเสี่ยงทดลองอย่างนี้
ตอนนี้เป็นอย่างไร หนอนเลี้ยงจนอ้วนพีแล้ว ตนเองกลับทรุดลงไปเพราะรับไม่ไหวเสียเอง การกระทำเช่นนี้ของเขา สำหรับนางไม่ต่างจากหาเรื่องตายเพราะใช้ชีวิตมานานเกินไปเลยสักนิด หาเรื่องทรมานตนเองเก่งจริงๆ
“เช่นนั้นก็หมายความว่าช่วยไม่ได้แล้ว ท่านพ่อของข้าทำได้เพียงรอความตายเท่านั้นหรือ” เจ้าเมืองต้วนเซถอยหลัง หน้าตาเหมือนจิตใจถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วจึงบอกว่า “หากหาของได้ครบ ก็น่าจะยังช่วยได้อยู่”
…………………………………………………………………………………..