เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1553 มาเยือนใสภาพสะบักสะบอม + ตอนที่ 1554 ดุจเทพเฝ้าประตู
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1553 มาเยือนใสภาพสะบักสะบอม + ตอนที่ 1554 ดุจเทพเฝ้าประตู
ตอนที่ 1553 มาเยือนใสภาพสะบักสะบอม + ตอนที่ 1554 ดุจเทพเฝ้าประตู
ตอนที่ 1553 มาเยือนใสภาพสะบักสะบอม
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “ไม่เลย ข้ารู้สึกว่าอย่างนี้ก็ดีมากแล้ว สวนแห่งนี้เงียบสงบ อีกทั้งยังมีคนดีมีน้ำใจอย่างคุณหนูใหญ่ต้วนคอยอยู่ข้างๆ กลับไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย”
“คุณชายเฟิ่งชอบที่นี่ก็ดีแล้ว มาๆ คุณชายเฟิ่ง เชิญกินข้าว กินข้าวเสร็จข้าจะพาท่านไปดูดอกหลิงหลงเจ็ดสี ยาทิพย์ชนิดนั้นปลูกไว้ที่สวนแห่งนี้ มีลูกสาวข้าคอยดูแล”
“ได้” เฟิ่งจิ่วสายตาไหวระริก มองเขาแวบหนึ่ง แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าว
พูดคุยกันเป็นระยะ หลังกินข้าวเสร็จทั้งสามก็เดินไปที่สวนดอกไม้ แม้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่ที่สวนดอกไม้แห่งนั้น ดอกหลิงหลงเจ็ดสีกลับยังคงเรืองแสงอ่อนๆ ดูงดงามยิ่งนักเมื่ออยู่ท่ามกลางค่ำคืน
“คุณชายเฟิ่ง วันนี้ข้าออกไปเยี่ยมญาติในเมือง ได้เตียงน้ำแข็งเหมันต์พันปีมาแล้ว แก่นวิญญาณธาตุน้ำแข็งระดับเก้าสองดวงก็มีแล้ว ส่วนยาทิพย์อีกหนึ่งอย่างข้าไปหาที่ตลาดมืดในท้องถิ่นมา พวกเขาบอกว่าจะหามาให้ภายในสองวันนี้ เวลาสามวัน น่าจะได้ของครบแล้ว”
พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าเมืองต้วนดีใจอย่างปิดไม่อยู่ ในที่สุดก็หาของสามอย่างนั้นเจอแล้ว นั่นทำให้เขารู้สึกเบาใจเหมือนยกหินออกจากอก ต่อจากนี้ ก็รอแค่เขาลงมือรักษาเท่านั้น
สิ้นเสียง เขาชะงักไปเล็กน้อย มองลูกสาวตนเองแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเฟิ่งจิ่วว่า “คุณชายเฟิ่ง ถ้าอย่างไรสองวันนี้ข้าเชิญท่านพักที่สวนแห่งนี้ชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน! ในสวนแห่งนี้กว้างขวาง แล้วก็มีห้องพักอยู่หลายห้องทีเดียว”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มกริ่มแล้วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเมืองต้วนวางใจข้าเหลือเกินนะขอรับ”
“หึๆ คุณชายเฟิ่งเป็นแขกคนสำคัญ ข้าเพียงคิดว่าในเมื่อคุณชายเฟิ่งเห็นบุตรสาวข้าเหมือนสหายตั้งแต่พบกันครั้งแรก เช่นนั้นสองวันนี้ก็ให้บุตรสาวข้าคอยอยู่เป็นเพื่อนได้ ดอกหลิงหลงเจ็ดสีอยู่ในสวนแห่งนี้ ข้าคิดว่าคุณชายเฟิ่งพักที่นี่จะสะดวกกว่า”
เธอยิ้มๆ หันไปมองต้วนอิ๋งอิ๋งแวบหนึ่ง แล้วยิ้มตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็จะพักที่สวนแห่งนี้ มีบุปผาและสตรีรูปงามคอยอยู่ข้างๆ กลับชวนให้เบิกบานจิตใจไม่น้อยจริงๆ”
ด้วยเหตุฉะนี้ เฟิ่งจิ่วจึงพักอยู่ที่ส่วนแห่งนี้ ต้วนอิ๋งอิ๋งที่อยู่สวนเดียวกันกลับไม่รู้สึกอึดอัดใจที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับผู้ชายเลยแม้แต่น้อย สำหรับนาง หากสองคนไม่พักอยู่ห้องเดียวกันก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ได้เห็นแก่ชื่อเสียงเหมือนสตรีจากตระกูลผู้ดีที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้นเลยสักนิด
เฟิ่งจิ่วในยามนี้กลับไม่รู้เลยว่า ณ ที่แห่งนี้ เธอกำลังจะได้พบคนที่ไม่ได้เจอกันมานานอีกครั้ง…
เช้าวันต่อมา
นอกประตูเมือง มีชายสวมชุดคลุมสีเสวียน หนวดเครารุงรัง ร่างกายกำยำล่ำสันคนหนึ่งเดินเข้ามา เพราะไม่สนใจการแต่งเนื้อแต่งตัว ทำให้เขาดูเหมือนชายฉกรรจ์อายุสามสิบสี่สิบกว่าปี ดูน่ากลัวเล็กน้อย
เขาถือดาบด้ามกลมเล่มใหญ่เล่มหนึ่งไว้ในมือ ยามเดินเหินบุคลิกสง่าผ่าเผย ไอสังหารรุนแรง ทำให้คนบนถนนเมื่อเห็นเขาก็พากันหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว เพื่อหลีกทางให้เขา
มีผู้ฝึกตนบางคนเห็นชายที่สวมเสื้อคลุมสีเสวียนร่างกายกำยำ ก็ลอบสังเกตเงียบๆ พลางวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ “คนผู้นี้ไอสังหารรุนแรงนัก ดูก็รู้ว่าไม่ควรหาเรื่องส่งเดช”
“กลิ่นอายของเขาซ่อนเร้นอยู่ภายใน ที่อยู่รอบกายนั่นไม่ใช่กลิ่นอายพลังวิญญาณ แต่เป็นพลังเร้นลับ หนำซ้ำยังอยู่ในระดับปราชญ์นักรบขั้นสูงสุดแล้วด้วย คนคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้มีพลังปราชญ์นักรบขั้นสูงสุดได้ จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งจากกลุ่มอำนาจใดกลุ่มอำนาจหนึ่งแน่ๆ”
“ถูกต้องแล้ว พลังเร้นลับระดับนี้ เทียบได้กับเจ้าเขาในสำนักเสวียนอู่แล้ว”
สำหรับเสียงซุบซิบข้างถนนเหล่านั้น ชายชุดเสวียนได้ยินแต่กลับไม่สนใจ เขาเดินเข้าเมืองไปในสภาพสะบักสบอม เห็นหอสุราแห่งหนึ่งก็เดินเข้าไป
………………………………….
ตอนที่ 1554 ดุจเทพเฝ้าประตู
“เสี่ยวเอ้อร์ สุราไหหนึ่ง แล้วก็เอาข้าวกับอาหารมาสักสองสามอย่าง” เข้ามาในหอสุรา เขาก็หาที่นั่งข้างหน้าต่าง แล้วตะโกนเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสดชื่น
“ได้ขอรับ ท่านดื่มสุราไปก่อน อาหารและข้าวจะตามมาในไม่ช้า” เสี่ยวเอ้อร์เอาสุราไหหนึ่งมาให้แล้วถอยออกไป ไม่นาน ก็ยกข้าวและอาหารสองสามอย่างมา
“หากไม่พอ ท่านเรียกข้าอีกได้นะขอรับ” พูดจบ ก็ถอยหลังออกไป
คนในหอสุราแอบสังเกตชายชุดเสวียนที่เดินเข้ามา เห็นเขานั่งกินเนื้อคำโตข้างหน้าต่าง ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก หันกลับไปคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเมื่อสองวันที่ผ่านมา
“จริงๆ นะ มีคนเห็นไม่น้อยเลยล่ะ คนคนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่จริงๆ ตอนแรกนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งบอกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่มีคุณสมบัติยืนอยู่หน้าประตูจวนเจ้าเมือง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มกลับหยิบเหรียญตราสองเหรียญขึ้นมาเหน็บหน้าอก ทำเอานักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นพูดไม่ออกสักคำ เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ นั่นเหรียญตราปราชญ์โอสถสองเหรียญเชียวนะ อย่าว่าแต่ในเมืองเราเลย แม้แต่เมืองอื่นก็ยังไม่แน่ว่าจะมีปัญญาสอบเอาเหรียญปราชญ์โอสถสองเหรียญมาได้”
“เก่งขนาดนี้เชียวหรือ เป็นเด็กหนุ่มแบบใดกันแน่ จะเป็นตัวประหลาดอะไรหรือไม่นะ?” อีกคนกินถั่วลิสง แล้วถามด้วยความฉงนฉงาย
“ตัวประหลาด? เป็นไปไม่ได้ๆ นั่นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดสีแดงโดดเด่นสะดุดตา ดูราวกับภูตพราย งามจนน่าเหลือเชื่อเสียขนาดนั้น”
ชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะยิ้มบอกว่า “ถูกต้องๆ เด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้น วันนั้นข้านัดดื่มสุรากับสหาย เห็นเขาขี่ม้าประหลาดตัวหนึ่งเข้าเมืองมา ตอนนั้นเพราะเห็นหน้าตาเขาหล่อเหลาโดดเด่นขี่ม้าประหลาด จึงจ้องอยู่นาน”
ชายที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างหน้าต่างได้ยินก็ชะงัก หันไปมองชายที่กำลังเล่าแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “สหายท่านนี้ ม้าที่เด็กหนุ่มชุดแดงขี่เป็นม้าประหลาดสีขาวมีเขายาวบนหัวใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วๆ เป็นม้าประหลาดสีขาวมีเขายาวบนหัว สหายท่านนี้เคยเห็นหรือ” คนคนนั้นถามด้วยความแปลกใจ
ชายชุดเสวียนเผยรอยยิ้ม เพียงแต่เพราะมีหนวดเคราบดบัง จึงเห็นได้ไม่ชัด เขาไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม “เมื่อกี้พวกท่านว่าคนคนนั้นอยู่หน้าจวนเจ้าเมืองหรือ หรือว่าเขาเข้าไปในจวนเจ้าเมืองแล้ว หรือยังอยู่ในเมือง หรือว่าไปแล้ว”
“อยู่ในจวนเจ้าเมือง เพราะเจ้าเมืองอาวุโสป่วยหนัก บรรดาหมอไร้หนทางรักษา คุณชายชุดแดงคนนั้นก็ไม่รู้เป็นยอดฝีมือโผล่มาจากไหน เมื่อวานเจ้าเมืองเชิญเขาเข้าไปในจวน ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในจวนเจ้าเมือง”
“ขอบคุณที่บอกกล่าว” เขาลุกขึ้นประสานมือ หยิบเหรียญทองสองเหรียญวางบนโต๊ะ ตะโกนเรียกเสี่ยวเอ้อร์ จากนั้นก็หยิบดาบเล่มใหญ่เดินออกไป
มองดูชายชุดเสวียนยามเดินเกิดสายลม ท่าทางดุดันและปราดเปรียว คนกลุ่มนั้นสะดุ้ง ลอบคิดในใจ คนคนนี้เป็นใครกัน รัศมีรอบตัวน่ากลัวถึงเพียงนี้
ด้านหน้าจวนเจ้าเมือง ชายฉกรรจ์สวมชุดเสวียนมือถือดาบเล่มใหญ่ดุจเทพเจ้าเฝ้าประตูยืนอยู่ตรงนั้น เขาเงยหน้า มองตัวหนังสือขนาดใหญ่คำว่า “จวนเจ้าเมือง” ตรงหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ในแววตาผุดรอยยิ้มแห่งความดีใจขึ้นมา
ทว่า ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำถือดาบเล่มใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจู่ๆ โผล่มาจากที่ใด กลับทำให้องครักษ์สองนายที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ลอบกลืนน้ำลาย และจ้องเขาด้วยความระแวดระวัง
ด้วยเหตุนี้ ยามเขาถือดาบเล่มใหญ่สาวเท้าเดินเข้ามา องครักษ์สองนายรีบตวาด “เจ้าเป็นใคร!”
………………………………….