เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1561 หมี่ถ้วยเดียวก็ถูกซื้อตัวแล้ว + ตอนที่ 1562 เป็นเจ้าได้อย่างไร
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1561 หมี่ถ้วยเดียวก็ถูกซื้อตัวแล้ว + ตอนที่ 1562 เป็นเจ้าได้อย่างไร
ตอนที่ 1561 หมี่ถ้วยเดียวก็ถูกซื้อตัวแล้ว + ตอนที่ 1562 เป็นเจ้าได้อย่างไร
ตอนที่ 1561 หมี่ถ้วยเดียวก็ถูกซื้อตัวแล้ว
ครั้นเห็นต้วนอิ๋งอิ๋งยืนอยู่ตรงนั้น จึงบอกว่า “อาหารข้ากินหมดแล้ว” เอ่ยจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่านางไม่ได้ยิน จึงยกมือทำท่าทาง
ต้วนอิ๋งอิ๋งได้สติกลับคืนมา มองเขาแวบหนึ่งแล้วเดินเข้ามาเก็บโต๊ะ
กวนสีหลิ่นรู้สึกละอายเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนรับใช้ ปล่อยให้นางทำอาหารเก็บโต๊ะก็ดูจะเกินไปหน่อย ฉะนั้นจึงรีบเก็บของแล้วเดินเข้าไปในครัว
เห็นอาหารชุดหนึ่งจัดวางไว้ข้างใน คิดว่าคงเป็นของเสี่ยวจิ่ว เขาจึงยิ้มบอก “ความจริงเจ้าไม่ต้องเก็บให้เขาก็ได้ นางอาจจะออกมาอีกทีคืนนี้ งานยุ่งเมื่อใดเขาจะไม่กินข้าว”
เห็นนางเอียงคอมองหน้าเขาด้วยความงุนงง เขานึกขึ้นได้ ยิ้มบอกว่า “ข้าลืมไปว่าเจ้าไม่ได้ยิน”
“เจ้ากินหรือยัง” เขายกมือทำท่ากินข้าว
ต้วนอิ๋งอิ๋งมองเขา ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้า
“ตกลงว่ากินหรือยัง หากยังไม่กินก็กินของเสี่ยวจิ่วเสีย ไม่ต้องเก็บให้เขาจริงๆ เขาไม่ออกมาแน่” เขาชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะ นึกไม่ถึงนางกลับมองเขาอย่างหวาดระแวง เหมือนไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
เห็นอย่างนั้น เขาคิดว่าตนเองควรไปเสียดีกว่า! อย่างไรก็สื่อสารกับนางไม่รู้เรื่อง ทว่า ขณะที่เตรียมจะหมุนตัวเดินจากไป กลับได้ยินเสียงท้องนางร้องดังโครกคราก จึงอดตะลึงไม่ได้
“เจ้ายังไม่ได้กินข้าวจริงหรือ” คราวนี้เขารู้สึกผิดแล้วจริงๆ อาหารที่คนอื่นเขาทำ กลับถูกเขากินจนหมดเสียแล้ว แต่ตัวนางกลับยังไม่ได้กิน
นึกถึงตรงนี้ กอปรกับเห็นแม่นางน้อยระแวงเขาเหมือนระแวงโจร จึงไม่คุยกับนางมาก เพียงเดินกลับไปกลับมาอยู่ในครัว แล้วพูดขึ้นโดยไม่สนใจว่านางจะได้ยินหรือไม่ “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าต้มหมี่ให้เจ้ากินก็แล้วกัน! ถือเป็นการขอบคุณที่เจ้าทำอาหารให้ข้า”
ต้วนอิ๋งอิ๋งยืนอยู่ด้านหนึ่ง เห็นเพียงกวนสีหลิ่นขยับปาก แต่ก็ไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร เดิมนางควรออกไป แต่กลับอยู่ต่อเพราะความสงสัย
เห็นเขาเริ่มค้นข้าวของในครัว จากนั้นก็เริ่มดึงเส้นหมี่ มองดูเขาที่ร่างกายสูงใหญ่เหมือนหมีกำลังวุ่นอยู่ในครัว นางรู้สึกเพียงช่างเป็นภาพที่ประหลาดยิ่งนัก
เมื่อเวลาผ่านไป นางมองดูเขาจัดวางเส้นลงในชามแล้วเติมน้ำแกง จากนั้นก็เติมไข่ไก่และของประเภทเนื้อสัตว์ลงไป สุดท้ายก็ยกบะหมี่ชามใหญ่ครบเครื่องมาข้างนอก
หรือว่าเขายังกินไม่อิ่ม?
ขณะที่นางกำลังคิดอย่างสงสัย ก็เห็นเขากวักมือเรียกนาง นางชะงักเล็กน้อยแล้วเดินออกไป ก็เห็นเขาชี้ไปที่บะหมี่ชามนั้นแล้วพยักพเยิดให้นางรีบกิน
นางอึ้งงัน เบิกตากว้างและอ้าปากค้างเล็กน้อยเหมือนไม่อยากเชื่อ รีบหยิบดินสอและกระดาษขึ้นมาเขียน “ให้ข้าหรือ”
กวนสีหลิ่นพยักหน้า รับกระดาษของนางไป ยิ้มแล้วเขียนว่า “เจ้าลองกินดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร”
เห็นอย่างนั้น นางคลี่ยิ้มด้วยความดีใจน้อยๆ แล้วค่อยหยิบตะเกียบและเริ่มกิน กลิ่นหอมของน้ำแกงเนื้อยามตักเข้าปาก รวมถึงเส้นหมี่นุ่มลื่น ทำให้ดวงตานางเป็นประกาย นางพยักหน้าให้กวนสีหลิ่นแล้วกินต่อ
เห็นนางกินอย่างมีความสุข กวนสีหลิ่นจึงออกมาเงียบๆ แล้วเดินไปที่สวนดอกไม้ ตั้งใจจะยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย
ขณะเดียวกันฝั่งเฟิ่งจิ่ว เป็นตามที่กวนสีหลิ่นคาดไว้ กว่าเธอจะออกมาก็เลยไปถึงช่วงหัวค่ำแล้ว อีกทั้งตอนออกมา ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ดูก็รู้แล้วว่าการปรุงยาน้ำประสบผลสำเร็จ
เธอออกมาจากห้องแล้วเดินตามหา ไม่นานก็เห็นสองคนที่อยู่ในศาลาในสวนดอกไม้ ครั้นเห็นต้วนอิ๋งอิ๋งที่เอาแต่กลัวท่านพี่ของเธอมาตลอด กลับกำลังนั่งเดินหมากกับท่านพี่ของนางอยู่ในศาลา ก็อดตะลึงไม่ได้
………………………………….
ตอนที่ 1562 เป็นเจ้าได้อย่างไร
นี่ยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเลยกระมัง ไม่นึกเลยว่าสองคนนี้กลับดูเข้ากันได้ไม่เลว ครึ่งวันที่เธอไม่อยู่ เกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้ขึ้นงั้นหรือ
“ท่านพี่ เหตุใดอิ๋งอิ๋งจึงมาเดินหมากกับท่านอยู่ที่นี่ได้” เธอเดินเข้ามา พลางถามไถ่
กวนสีหลิ่นที่กำลังครุ่นคิดว่าจะเดินหมากตัวต่อไปอย่างไรดีเห็นเธอเดินเข้ามา ก็รีบกวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวจิ่วเองหรือ มาๆ นั่งลงๆ เจ้าช่วยดูหน่อยหมากของข้าตัวนี้ควรเดินอย่างไร”
เขาค่อนข้างถนัดการฝึกวรยุทธ์ แต่กลับไม่ค่อยได้เล่นหมากรุกบ่อยนัก เดินไปสามกระดานก็แพ้ติดกันสามกระดาน รู้สึกขายหน้าจะตายอยู่แล้ว
“ได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ข้าช่วยท่านไม่ได้หรอก” เธอเดินมาข้างกายเขาแล้วนั่งลง มองดูพวกเขาสองคนเดินหมาก ยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ท่านพี่ ท่านเดินหมากอย่างไรให้แพ้หมด นี่ใกล้จะหมดหนทางรอดอยู่แล้ว”
“เอาเถิด ข้ายอมแพ้แล้ว ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าดังคาด!” เขาโบกมือให้ต้วนอิ๋งอิ๋ง เป็นเชิงบอกว่าไม่เล่นแล้ว
“ท่านพี่ อิ๋งอิ๋งมาเดินหมากกับท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ดูเหมือนนางไม่ค่อยกลัวท่านแล้ว ท่านทำอะไรงั้นหรือ” เฟิ่งจิ่วถามด้วยความสงสัย
“นางทำอาหารเสร็จก็เรียกข้าไปกิน ข้านึกว่านางกินแล้ว ก็เลยกินเสียหมด แต่ข้าได้ยินเสียงท้องนางร้อง เลยทำบะหมี่ให้นางกินหนึ่งชาม แม่นางน้อยคนนี้ก็ซื้อใจได้ง่ายนัก บะหมี่ถ้วยเดียวก็เปลี่ยนท่าทีกับข้าครั้งใหญ่ทีเดียว” พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มกว้าง รู้สึกเหมือนไม่อยากเชื่อเช่นกัน
ที่แท้บะหมี่ถ้วยเดียวก็สามารถลดความกลัวที่นางมีต่อเขาได้ ดูแล้วเขาเองก็คงไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
“ข้าจะไปทำอาหาร” ต้วนอิ๋งอิ๋งมองทั้งสองแล้วยิ้มๆ เขียนข้อความลงบนกระดาษแล้วลุกขึ้น แต่กลับถูกเฟิ่งจิ่วกดตัวให้นั่งลง
“วันนี้พวกเราอย่ากินข้าวที่นี่เลย ออกไปกินข้างนอกกันเถิด! ถือโอกาสเดินเที่ยวตลาดกลางคืนด้วยเลย” เฟิ่งจิ่วแนะนำ
“ดีเลย!” กวนสีหลิ่นเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ต้วนอิ๋งอิ๋งไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน ได้แต่ทำหน้าสงสัย กระทั่งเห็นข้อความที่เฟิ่งจิ่วเขียนลงบนกระดาษ จึงเขียนคำถามลงบนกระดาษด้วยความดีใจ “ข้าก็ไปได้หรือ”
“แน่นอน ข้าพาเจ้าไปด้วย แค่บอกพ่อเจ้าให้รู้ก็พอแล้ว” เฟิ่งจิ่วเขียนตอบ
“ข้าไปบอกเอง!” กวนสีหลิ่นลุกขึ้นมา แล้วเดินออกไปข้างนอก
“ไป ข้าพาเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอจูงมือนางไปที่ห้องของเธอ เลือกชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนตัวหนึ่งให้นาง เมื่อเปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนก็ยิ่งทำให้นางดูอ่อนโยนกว่าเดิม
ในอีกด้าน ยามเจ้าเมืองต้วนได้ยินคำพูดของกวนสีหลิ่น ก็อดตะลึงไม่ได้ “สหายกวนหมายความว่า พวกท่านจะพาอิ๋งอิ๋งออกไปเดินเที่ยวข้าวนอกหรือ”
“ถูกต้องแล้ว คืนนี้พวกข้าจะกินข้าวข้างนอก เดาว่าจะกลับมาค่ำหน่อย แต่เจ้าเมืองวางใจได้ พวกข้าจะพาคุณหนูใหญ่ต้วนกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” เขากล่าวเสียงขรึม
เจ้าเมืองต้วนที่ได้สติกลับมารีบพยักหน้า “ดีๆ ไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็รบกวนพวกท่านดูแลลูกสาวข้าด้วย”
“สมควรอยู่แล้ว” เขาพยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินจากไป
เจ้าเมืองต้วนมองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย สมควรอะไรกัน พาลูกสาวของเขาออกไปเป็นเรื่องสมควรงั้นหรือ พี่น้องคู่นี้แปลกยิ่งนัก
ในอีกด้าน เฟิ่งจิ่วจูงมืออิ๋งอิ๋งออกมาจากสวน เดินไปที่ลานบ้านด้านหน้า เพื่อรอท่านพี่ของเธอ แต่กลับเจอคุณหนูรองต้วนที่ชื่อต้วนหลินหลิน
“ปะ เป็นเจ้า เจ้ามาอยู่ในบ้านข้าได้อย่างไร?” ต้วนหลินหลินที่กำลังจะไปหาท่านพ่อของนางไม่มองพี่สาวฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ เพียงถลึงตาจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้น
คนคนนี้มาอยู่ในบ้านนางได้อย่างไร?
………………………………….