เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1565 การรักษายามดึก + ตอนที่ 1566 รัศมีน่าพรั่นพรึง
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1565 การรักษายามดึก + ตอนที่ 1566 รัศมีน่าพรั่นพรึง
ตอนที่ 1565 การรักษายามดึก + ตอนที่ 1566 รัศมีน่าพรั่นพรึง
ตอนที่ 1565 การรักษายามดึก
“ดื่มยาน้ำนี่เสีย จากนั้นก็นอนลงบนเตียง” เฟิ่งจิ่วพยักพเยิด ยื่นยาน้ำให้นางขวดหนึ่ง พลางหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติ
ต้วนอิ๋งอิ๋งรับยาน้ำไปดื่มอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นก็นอนลงไป สองมือวางลงบนท้อง มองเธอด้วยสีหน้าตื่นกังวล
เฟิ่งจิ่วส่งยิ้มให้นาง หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งแทงไปที่จุดลมปราณหมดสติ จากนั้นก็เริ่มฝังเข็มให้นาง เพราะจุดฝังเข็มหลักๆ อยู่ที่ส่วนหัวและหลังหู กอปรกับอิ๋งอิ๋งตื่นตระหนกง่าย จึงต้องทำให้นางหมดสติก่อน จะได้ไม่ขยับส่งเดชเพราะความตื่นตระหนก
การฝังเข็มส่วนหัวต้องระวังมากที่สุด ไม่ระวังนิดเดียวก็อาจผิดพลาดได้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายเลยทีเดียว เธอย่อมประมาทไม่ได้เด็ดขาด และด้วยเหตุนี้ เธอจึงให้ท่านพี่ของเธอเฝ้าอยู่ข้างนอก ทำอย่างนี้ถึงจะมีคนมารบกวน ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการฝังเข็มของเธอ
ค่ำคืนนี้ เฟิ่งจิ่วฝังเข็มเพื่อรักษาอิ๋งอิ๋ง กวนสีหลิ่นนั่งขัดสมาธิเฝ้าอยู่นอกห้อง ขณะเดียวกันที่เรือนหลัก เจ้าเมืองต้วนกลับกำลังกังวลจนนอนไม่หลับ พรุ่งนี้คือวันที่จะรักษาท่านพ่อของเขาแล้ว ถึงเวลานั้นจริงๆ จะรักษาได้จริงหรือเปล่านะ
ถึงคุณชายเฟิ่งจะบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ผลลัพธ์ยังไม่ออกมา ใจเขาจึงไม่อาจสงบลงได้
ส่วนทางด้านต้วนหลินหลิน กลับนอนไม่หลับเพราะความขุ่นเคือง ตอนหัวค่ำนางไปหาท่านพ่อของนาง จึงได้รู้ว่าเด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้นก็คือคนที่มารักษาท่านปู่ของนาง ท่านพ่อของนางยังกำชับไว้ว่าห้ามไปล่วงเกินเขา
ทว่า เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลับบ้าน นางก็ไม่อาจทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ที่น่าชังที่สุดคือเด็กหนุ่มแซ่เฟิ่งกลับทำดีกับพี่สาวเป็นใบ้หูหนวกของนาง แล้วยังพานางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วย นางมีดีอะไรกัน
นางนอนไม่หลับทั้งคืน
ในยามโฉ่วซึ่งเป็นช่วงเที่ยงคืน เฟิ่งจิ่วถึงเพิ่งเดินออกจากห้องของอิ๋งอิ๋ง มองกวนสีหลิ่นที่ลุกขึ้นยืน เธอยิ้มบอกว่า “ท่านพี่ กลับไปนอนเถิด!”
“แม่นางน้อยคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะเห็นผลเมื่อใด” เขาถาม
“รอดูนางตื่นพรุ่งนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ความสามารถในการได้ยินจะค่อยๆ ดีขึ้น ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันก็จะได้ยินเสียงอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนเรื่องเส้นเสียง พรุ่งนี้พอนางตื่นก็จะพูดได้แล้ว แต่นางไม่เคยพูดมาหลายปีแล้ว เดาว่าเริ่มแรกอาจจะค่อนข้างยาก”
ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นพยักหน้ายิ้มๆ บอกว่า “แม่นางน้อยคนนี้ช่างมีบุญ ได้เจอภูตหมออย่างเจ้า ไม่เช่นนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าชาตินี้จะเป็นอย่างไร”
“เป็นเพราะนางมีวาสนากับข้าด้วย ท่านดูอีกคนสิ แม้หน้าตาเหมือนกัน แต่กลับใช้ไม่ได้ ข้าไม่มีความรู้สึกดีๆ กับนางสักนิด” เธอยิ้มแล้วยืดเอวสะบัดข้อมือไปมา “ข้าต้องกลับไปนอนสักตื่น ฟ้าสางแล้วยังต้องไปรักษาท่านผู้เฒ่าอีก!”
กวนสีหลิ่นพยักหน้า “ไปเถิด! เจ้าหลับให้สบายได้เลย พรุ่งนี้ข้าไปเรียกเจ้าเอง”
“ได้ เช่นนั้นข้ากลับห้องแล้ว” เธอบอกแล้วเดินกลับห้อง
กระทั่งเช้าวันต่อมา เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วไปดูต้วนอิ๋งอิ๋งก่อน เห็นนางเปิดประตูออกมาพอดี
“อิ๋งอิ๋ง วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง รู้สึกต่างออกไปหรือไม่?” เธอยิ้มแล้วเดินมายืนข้างกายนาง
ต้วนอิ๋งอิ๋งมองเธอ ฟังเธอพูดแล้วรู้สึกเพียงมีเสียงบางอย่างดังหึ่งๆ อยู่ในหู แต่กลับได้ยินไม่ชัด แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ดีใจมากแล้ว
เธอหยิบกระดาษและดินสอออกมาด้วยความเคยชิน ต้องการบอกเฟิ่งจิ่วว่าได้ยินเสียงบ้างแล้ว แต่กลับเห็นเฟิ่งจิ่วกดมือของนางที่เตรียมจะเขียนหนังสือไว้ แล้วยิ้มให้นาง
“เสียงของเจ้าน่าจะกลับมาแล้ว เจ้าลองดู” เธอยิ้มแล้วชี้ไปที่ปากนาง ให้นางลองพูดดู
………………………………….
—————————————–
ตอนที่ 1566 รัศมีน่าพรั่นพรึง
ต้วนอิ๋งอิ๋งขยับปากด้วยความตื่นเต้น อ้าปากแล้วค่อยๆ เปล่งเสียงเรียก “ฟะ เฟิ่งจิ่ว”
เสียงแหบแห้งค่อยๆ ดังออกจากปากนาง แม้เสียงนั้นจะแหบแห้งและฟังยากไปบ้าง แต่นางกลับตื้นตันใจจนน้ำตาไหลริน
“ขะ ข้าพูดได้แล้วหรือ ขะ ข้าเปล่งเสียงได้แล้ว…” สองมือกุมมือเฟิ่งจิ่วแน่น พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความรู้สึกนางในตอนนี้ ทั้งตื้นตันและปลื้มปริ่มไม่อาจควบคุมได้
กวนสีหลิ่นที่อยู่ด้านหนึ่งหัวเราะเบิกบาน “ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยวจิ่วบอกว่ารักษาเจ้าหายได้ ก็ต้องรักษาได้” เขามั่นใจในวิชาแพทย์ของน้องสาวเขามาก โรคภัยที่คนบนโลกนี้รักษาไม่หาย น้องสาวของเขาล้วนรักษาให้หายได้
เฟิ่งจิ่วเผยยิ้ม กล่าวว่า “เพราะเจ้าไม่ได้พูดมานาน เสียงเลยแหบไปบ้าง แต่ไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลากินอาหารที่ทำให้ชุ่มคอมากๆ หน่อยก็ได้แล้ว เสียงจะค่อยๆ ดีขึ้นมาเอง”
ต้วนอิ๋งอิ๋งพยักหน้า แม้หูยังฟังได้ไม่ชัดเจนมากนัก ยังคงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหึ่งๆ แต่กลับได้ยินเสียงรางๆ สำหรับนาง นี่เป็นเรื่องที่นางไม่เคยกล้าฝันเฟื่องมาก่อนเลย
“จำไว้นะ อย่าพูดต่อหน้าคนอื่น สงบสติอารมณ์แล้วไปต้มอาหารเสริมธาตุเย็นบรรเทาอาการร้อนในกินสักหน่อย นี่คือยาน้ำ เอาไว้กินวันละสามครั้ง” เธอยื่นยาน้ำให้นางหนึ่งขวด แล้วกำชับเสริมว่า “พวกเราน่าจะกลับมาตอนเย็น เจ้าไม่ต้องรอเล่า”
หลังกำชับเสร็จ เฟิ่งจิ่วก็เดินออกไปพร้อมกับกวนสีหลิ่น วันนี้เธอต้องไปรักษาผู้อาวุโสต้วนคนนั้นที่บ้านญาติเจ้าเมือง ฉะนั้นจึงต้องออกเดินทางจากจวนไปอีก
ครั้นมาถึงลานด้านหน้า เจ้าเมืองต้วนที่รอนานแล้วเห็นเฟิ่งจิ่วออกมาก็ถอนหายใจ รีบเดินเข้ามา “คุณชายเฟิ่ง เตรียมพร้อมหมดแล้ว ออกเดินทางได้แล้ว”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า แล้วเดินออกไปพร้อมเขา จากนั้นก็ขึ้นรถม้าที่เตรียมรอไว้ข้างนอก แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านญาติผู้นั้น
ฝั่งตระกูลเมิ่ง ผู้นำตระกูลเมิ่งรู้ว่าพวกเขาจะมาวันนี้ จึงรอต้อนรับอยู่หน้าจวน เมื่อเห็นรถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา สายตาเลื่อนผ่านด้านหน้า ไปสะดุดอยู่ตรงรถม้าด้านหลัง
คนที่นั่งอยู่ในนั้น น่าจะเป็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่มีเหรียญตรานักปราชญ์สองเหรียญกระมัง
รถม้าคันข้างหน้าหยุดจอด เจ้าเมืองต้วนลงมาก่อน ประสานมือให้ผู้นำตระกูลเมิ่ง แล้วยิ้มพูดว่า “สหายเมิ่ง วันนี้รบกวนท่านแล้ว”
“ที่ไหนกันๆ” เขายิ้มประสานมือคารวะ ตอบว่า “เตียงน้ำแข็งเหมันต์เตรียมพร้อมแล้ว รอเพียงท่านเจ้าเมืองมาเท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากทั้งสองกล่าวเกรงใจกันจบ เจ้าเมืองต้วนก็สั่งให้คนพาท่านพ่อของเขาเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง ขณะเดียวกันบนรถม้าที่อยู่ข้างหลังสุด กวนสีหลิ่นเลิกผ้าม่านแล้วเดินลงมาก่อน จากนั้น เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดแดงสะดุดตาจึงค่อยตามลงมา
แม้รู้ว่านั่นเป็นเพียงเด็กหนุ่ม แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อายุยังไม่เต็มยี่สิบปี ผู้นำตระกูลเมิ่งก็ยังรู้สึกตกตะลึง ยังเด็กถึงเพียงนี้จริงๆ
“ท่านนี้ต้องเป็นคุณชายเฟิ่งแน่แล้ว” ผู้นำตระกูลเมิ่งก้าวเข้ามาประสานมือคารวะ ยิ้มบอกว่า “ได้ยินชื่อเสียงมิสู้พบหน้าจริงๆ!”
เฟิ่งจิ่วมองคนตรงหน้า ยิ้มพยักหน้า “ผู้นำตระกูลเมิ่ง” เจ้าเมืองต้วนเคยพูดถึงเขาให้เธอฟัง
“คุณชายเฟิ่ง เชิญข้างใน” เขาผายมือทำท่าเชื้อเชิญ เอียงตัวเชิญเขาเข้าไปข้างใน ยามนี้เอง เขาเพิ่งสังเกตเห็นชายชุดเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ อดตะลึงงันไม่ได้ ลอบมองพิจารณาเงียบๆ
คนคนนี้เป็นใครอีก เหตุใดจึงมากับพวกเขาได้ หรือเป็นองครักษ์ของคุณชายเฟิ่ง เพียงแต่ ดูจากรัศมีแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงรอบตัวเขาแล้ว ก็เหมือนจะไม่ใช่อีก
………………………………….
————————————–