เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1581 แผลเล่า + ตอนที่ 1582 ทุกคนร่วมโต๊ะ
ตอนที่ 1581 แผลเล่า + ตอนที่ 1582 ทุกคนร่วมโต๊ะ
ตอนที่ 1581 แผลเล่า
เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่พูดอะไร เพียงฟังอย่างเงียบๆ เรื่องนี้เขารู้แล้ว เพราะรู้ว่าเธอจะไปภูผาสวรรค์ เขาถึงได้รีบตามมาเพื่อจะไปกับเธอด้วย
ทั้งสองนั่งที่โต๊ะหินนอกห้อง รอเฟิ่งจิ่วออกมา ส่วนต้วนหลินหลินที่อยู่นอกลานบ้านไม่ยอมไปไหนได้แต่มองเข้าไปในลานบ้านด้วยสายตาลุ่มหลง
“ท่านพ่อ ท่านว่าคุณชายที่ใส่เสื้อคลุมสีดำผู้นั้นเป็นใครกัน?” ผู้ชายที่มีราศีเผด็จการเช่นนั้น นางเพิ่งเคยพบครั้งแรก เสน่ห์ของชายชาตรีเหลือล้นไม่มีสิ้นสุด ไม่รู้ว่าเป็นคนที่ไหน
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเมืองต้วนขมวดคิ้ว “เสี่ยวหลิน เก็บงำความคิดที่ไม่สมควรของเจ้าเสีย คนเช่นนั้น ไม่ใช่คนที่เจ้าจะรับมือได้แน่นอน”
“ท่านพ่อ หรือข้าไม่สวย? ข้าเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองเชียวนะ” พูดถึงเรื่องนี้ นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเย่อหยิ่งได้ใจ
นางมีพื้นเพที่ดีงาม มีรูปลักษณ์งดงาม ในหมู่หญิงสาวรุ่นเดียวกันวรยุทธ์ของนางก็ถือว่าไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำบิดาของนางยังเป็นถึงเจ้าเมืองเมืองซุ่นเหยียนแห่งนี้อีก หากแข่งกันเรื่องชาติกำเนิด เรื่องพลังความสามารถ นางคิดว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่คู่ควรกับนาง แต่หากเป็นผู้ชายเช่นนี้แล้วล่ะก็…
เจ้าเมืองต้วนมองนาง ลึกๆ ข้างในรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่ได้คิดง่ายๆ เหมือนลูกสาวของเขา จากประสบการณ์ของเขา ผู้ชายคนนี้ เลี่ยงได้ไกลเท่าไรก็จงเลี่ยงให้ไกลเท่านั้น เพราะรอบกายเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันของผู้เหนือกว่าและความเผด็จการ คนประเภทนี้ ไม่มีทางที่คนอย่างพวกเขาจะรับมือไหว
เพื่อเลี่ยงไม่ให้ลูกสาวคนนี้ของเขาก่อปัญหาที่จะทำให้เดือดร้อนไปทั้งตระกูล เขาเงื้อมือสับต้นคอนางให้หมดสติเสียเดี๋ยวนั้น
“มีใครอยู่บ้าง พาคุณหนูกลับไปที่เรือน หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามให้นางออกมา!”
องครักษ์ลับสองคนปรากฏกาย รับคำด้วยความเคารพ แล้วพาคนไป
ผ่านไปไม่นาน เจ้าเมืองต้วนหมุนตัวเดินจากไป ทว่าเขาได้กำชับให้พ่อบ้านนำของจำพวกอาหารบำรุงมาส่งที่นี่
กระทั่งยามพลบค่ำ ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในห้องผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วลืมตาขึ้น อาศัยเม็ดบัวเขียวในร่างเธอเพื่อรักษาบาดแผลบนตัว ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลภายในหรือภายนอก ล้วนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่ยิ่งทำให้เธอฉงนฉงาย มีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เหตุใดตอนนั้นชายชราต้องมอบเม็ดบัวเขียวนี่ให้เธอด้วย? ของอย่างนี้ เรียกได้ว่าเป็นของดีเลยทีเดียว
เห็นบาดแผลหายดีแล้ว อีกทั้งพลังในร่างที่สูญเสียไปก็ฟื้นคืนกลับมาแล้วด้วย เธอลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินไปเปิดประตูที่ห้องด้านนอก “ท่านพี่ ช่วยไปสั่งให้คนยกน้ำร้อนมาให้ข้าที ข้า…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างนอก ครั้นเห็นเขา รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเธอทันที รีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา “ท่านมาได้อย่างไร? มาตั้งแต่เมื่อใด?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อนัยน์ตามืดมนเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ ที่โชยมาจากตัวเธอ ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น ถามว่า “เจ้าบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นไรแล้ว เธอยิ้มตอบ แล้วก็เห็นพี่ชายนางลุกขึ้นยิ้ม
“พวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าจะออกไปสั่งให้คนเตรียมน้ำข้างนอก” พูดจบ ก็เดินออกไปข้างนอก เพื่อเปิดช่องให้ทั้งสองคน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพาเธอกลับเข้าไปในห้อง แล้วถอดเสื้อตัวนอกของเธอออก ยามถอดเสื้อของเธอ แล้วเห็นเสื้อตัวในสีขาวถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงทั้งแถบ แววเหี้ยมเกรียมพาดผ่านดวงตา
กล้าทำให้ผู้หญิงของเขาเลือดไหลมากขนาดนี้ ครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะปกป้องเจ้าสำนักโอสถตะวันคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์แล้ว! เขาจะเอาชีวิตชายคนนั้นให้ได้!
“บาดแผลเล่า?” เขาแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นบาดแผล
………………………………….
ตอนที่ 1582 ทุกคนร่วมโต๊ะ
“หายดีแล้ว”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าในตัวข้ามีเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดอยู่ ของสิ่งนั้นมีสรรพคุณวิเศษช่วยสมานแผลสลายลิ่มเลือด การรักษาบาดแผลย่อมไม่ใช่ปัญหา”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงดีขึ้น “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ไม่นาน คนข้างนอกก็ยกน้ำร้อนเข้ามา เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอกว่า “เจ้าไปแช่น้ำร้อนหน่อยเถิด! ข้าจะออกไปรอเจ้าข้างนอก”
“ได้” เฟิ่งจิ่วรับคำ พอเขาออกไปก็ปิดประตู อาบน้ำเพื่อล้างเลือดบนตัวก่อน
ด้านนอก เห็นนายท่านของพวกเขานั่งข้างโต๊ะหิน ฮุยหลางกับอิ่งอีสบตากันแวบหนึ่ง ฮุยหลางเดินเข้าไป “นายท่าน ภูตหมอไม่เป็นไรกระมัง?”
“อืม” เขารับคำ รินน้ำชาแล้วยกขึ้นจิบหนึ่งคำ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วๆ” ฮุยหลางพ่นลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก หากภูตหมอบาดเจ็บหนัก นายท่านจะต้องทำหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาแน่ๆ พวกเขาที่ติดตามอยู่ข้างกายก็จะพลอยอกสั่นขวัญแขวนตามไปด้วย
ต้วนอิ๋งอิ๋งที่กำลังง่วนอยู่ในครัวยกอาหารมาที่ลานบ้าน ตั้งใจจะยกไปที่ห้องของเฟิ่งจิ่ว เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกอิ่งอีขวางไว้ก่อน
ยามนี้เอง กวนสีหลิ่นเดินเข้ามาพอดี เขาบอกว่า “นางชื่อต้วนอิ๋งอิ๋ง เป็นลูกสาวคนโตของเจ้าเมืองต้วน เป็นฝาแฝดกับแม่นางน้อยคนเมื่อครู่” ขณะอธิบาย เสียงของเขาหยุดไปครู่หนึ่ง มองต้วนอิ๋งอิ๋งที่ก้มหน้าเล็กน้อย ยิ้มบอกว่า “แม่นางน้อยคนนี้ไม่รู้ไปเข้าตาเสี่ยวจิ่วได้อย่างไร ช่วงที่พวกข้าอยู่ที่นี่ล้วนเป็นนางหุงหาอาหารให้ทั้งสิ้น ฝีมือไม่เลว”
ได้ยินอย่างนั้น อิ่งอีจึงไม่ขวางทางอีก ปล่อยให้กวนสีหลิ่นพาคนเข้าไป
มาถึงโต๊ะด้านใน หลังจากเห็นอาหารสองอย่างบนโต๊ะ กวนสีหลิ่นก็หันไปพูดกับฮุยหลางที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “เจ้าไปช่วยนางยกมาหน่อยเถิด! ดูว่าพอหรือไม่ หากไม่พอก็ให้คนข้างนอกยกเข้ามาบางส่วน”
“ไม่มีปัญหา”
ฮุยหลางรับคำ หันไปตบไหล่ต้วนอิ๋งอิ๋ง “แม่นางน้อย ไปกันเถิด!” นึกไม่ถึง พอตบไหล่ นางกลับตกใจจนหน้าซีด ถอยหลังด้วยความลนลาน
“แม่นางน้อยคนนี้ขี้กลัวมาก เจ้าอย่าทำนางตกใจ” กวนสีหลิ่นบอก แล้วพูดเสริมอีกว่า “เดิมทีนางเป็นใบ้หูหนวก แต่เสี่ยวจิ่วช่วยรักษานางจนหาย เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่หายดีทั้งหมด”
ฮุยหลางอึ้งงัน จากนั้นก็พยักหน้า “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องครัว ต้วนอิ๋งอิ๋งยังคงกลัวพวกเขา จึงไม่เข้าใกล้ฮุยหลางมากนัก เพียงเดินตามหลังเขาในระยะห่างสามก้าว
พอฮุยหลางมาถึงห้องครัว แล้วเห็นอาหารสิบกว่าอย่างที่ทำเสร็จแล้ว ก็กวาดตามองรอบครัวด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ยังไม่เห็นใครสักคนทั้งข้างนอกและข้างใน จึงถาม “พวกนี้เจ้าทำคนเดียวหมดเลยหรือ?”
ต้วนอิ๋งอิ๋งมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า ตอบเสียงเบาว่า “ข้ารู้ว่ามีแขก จึง จึงทำมากหน่อย” นางไม่ได้ไปที่หน้าเรือน แต่ก็รู้ว่ามีคนมาหาเฟิ่งจิ่ว จึงกลับห้องครัวไปทำอาหารเพิ่ม
“ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย!” ฮุยหลางยิ้มบอก หยิบตะเกียบขึ้นมาแอบชิม พลางพยักหน้าเป็นระยะ “อืม รสชาติไม่เลวจริงๆ”
ได้ยินอย่างนั้น ต้วนอิ๋งอิ๋งยิ้มออกมาด้วยความดีใจ นางชอบทำอาหาร เห็นคนอื่นชอบอาหารที่นางทำ นางก็จะรู้สึกดี
ทั้งสองยกอาหารมาที่ด้านหน้า พบว่าโต๊ะหนึ่งตัววางไม่พอ จึงยกโต๊ะอีกตัวมาวางต่อกัน พอวางอาหารสิบกว่าอย่างเต็มโต๊ะ เฟิ่งจิ่วก็เดินออกมาจากในห้องพอดี
“ข้าได้กลิ่นหอมตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว น้ำลายไหลจะแย่” เธอมองอาหารโต๊ะใหญ่ ดวงตาอดเป็นประกายไม่ได้ ก้าวเข้ามาดึงมือต้วนอิ๋งอิ๋งที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งให้นั่งลง
………………………………….
————————————–