เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1609 เฟิ่งเซียวที่อยู่ระหว่างทาง ตอนที่ 1610 คิดถึงเหลือเกิน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1609 เฟิ่งเซียวที่อยู่ระหว่างทาง ตอนที่ 1610 คิดถึงเหลือเกิน
ตอนที่ 1609 เฟิ่งเซียวที่อยู่ระหว่างทาง / ตอนที่ 1610 คิดถึงเหลือเกิน
ตอนที่ 1609 เฟิ่งเซียวที่อยู่ระหว่างทาง
“โม่เจ๋อก็อยู่กับนางหรือ? เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นนางก็รู้สึกวางใจ นางเคยพบเขาครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นเหมือนผู้มีความสามารถ ลูกสาวของนางเหมาะสมกับคนเช่นนี้ คราวที่แล้วบอกว่ารอเพียงรับนางกลับก็จะกลับราชวงศ์เฟิ่งหวงเพื่อเตรียมเรื่องแต่งงานแล้ว
นางลุกขึ้น บอกว่า “เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ให้เหลิ่งซวงพาไปกินอะไรสักหน่อยก่อน แล้วค่อยไปพักผ่อนเถิด!”
“ขอรับ” กวนสีหลิ่นลุกขึ้นรับคำ พลางพยักหน้าให้นาง
ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทางพวกเฟิ่งจิ่ว หรือทางซั่งกวนหวั่นหรง ล้วนไม่รู้เลยว่าเฟิ่งเซียวที่อยู่ในวังหลังจากได้รับข่าวที่เฟิ่งจิ่วให้คนส่งกลับไป กำลังเร่งเดินทางมา
ผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันยังมีหงส์ไฟ สัตว์เทวะคู่พันธสัญญาของเฟิ่งจิ่ว เวลานี้ พวกเขากำลังอยู่ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังแปดจักรวรรดิใหญ่…
เวลานี้ เฟิ่งเซียวที่สวมชุดเสวียน สภาพมอมแมมกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างทาง และหยิบน้ำจากในถุงฟ้าดินออกมาดื่ม
หลังจากที่เขาได้รับข่าว รู้ว่าเสี่ยวจิ่วตามหาแม่ของนางเจอแล้ว เขาก็เตรียมตัวเดินทางทันทีอย่างไม่อาจรีรอ หมายจะไปรับพวกนางกลับบ้านด้วยตนเอง หงส์ไฟที่รู้ข่าวก็บอกว่าจะติดตามมาด้วย ส่วนท่านพ่อของเขาก็รู้สึกว่ายามนี้ราชวงศ์เฟิ่งห่วงสงบสุขดี แคว้นรอบๆ ก็ล้วนกลายเป็นพันธมิตรกัน ถือว่ามีความมั่นคงมากแล้ว จึงให้หงส์ไฟติดตามเขามา เพื่อคอยดูแลเขาระหว่างการเดินทาง
ระหว่างทาง หงส์ไฟแปลงกายเป็นนกติดตามอยู่ข้างกายเขา เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของผู้คน แม้จะพบเจออันตรายอยู่สองสามครั้ง แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดมาได้อย่างปลอดภัย
บนกิ่งไม้ เจ้าหงส์ไฟสีแดงดุจเปลวเพลิงที่แปลงกายเป็นนกน้อยกระพือปีกบินลงมา หยุดเกาะบนไหล่ของเฟิ่งเซียว “เมื่อเราไปถึงแปดจักรวรรดิใหญ่แล้วจะตามหาพวกนางได้อย่างไร?”
“ตามหาคนของโม่เจ๋อแล้วบอกให้พวกเขารู้ก็ได้” เขาตอบ ลุกขึ้นแล้วบอกว่า “พวกเราเดินทางกันต่อเถิด!” เขาหยิบพาหนะทางอากาศออกมาแล้วโยนขึ้นข้างบน พาเจ้าหงส์ไฟกระโดดขึ้นไป นั่งพาหนะทางอากาศเพื่อเดินทางต่อ
เวลาล่วงเลยไปอีกครึ่งเดือน
เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ไม่รู้เลยว่าเฟิ่งเซียวกับเจ้าหงส์ไฟกำลังเดินทางมา ยามนี้เดินทางกลับมาถึงแล้ว ระหว่างทางมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้พวกเขาเสียเวลา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน
เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยิ่งใกล้กลับถึงเรือนที่พัก ร่างกายก็ยิ่งตึงเกร็ง เฟิ่งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย ถามว่า “ท่านเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ? ทำไมถึงได้ดูแปลกๆ ไปเล่า?”
ด้านหลัง ฮุยหลางที่กำลังจูงเหล่าไป๋แอบหัวเราะอย่างไร้เสียง นายท่านไม่สบายเสียที่ไหนกัน? ดูก็รู้แล้วว่ากำลังตื่นเต้นที่ต้องไปพบท่านแม่ยายต่างหาก
“ครั้งที่แล้วตอนพบท่านแม่ของเจ้า นางกำลังหมดสติ ครั้งนี้ต่างหากจึงจะถือว่าพบหน้ากันอย่างเป็นทางการครั้งแรก? ในใจก็เลยประหม่าเล็กน้อย” เขาเม้มปาก แล้วบอกเธออย่างตรงไปตรงมา เพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นเธอที่อยู่ข้างกายทำหน้าอึ้งงัน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่น
เขารู้สึกอับอายระคนขุ่นเคือง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไรให้น่าขำกัน? นี่ข้าก็กำลังกังวลว่าจะทำให้นางไม่ประทับใจอย่างไรเล่า”
“เข้าใจแล้วๆๆ ไม่หัวเราะแล้ว” เธอยิ้มๆ แล้วโบกมือ ดวงตาคู่นั้นโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว บอกว่า “หากนางไม่ประทับใจท่านเล่า? ท่านก็จะไม่สู่ขอข้าแล้วหรือ?”
“เรื่องนั้นไม่มีทางอยู่แล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อพูดเสียงเข้ม
“ต้องอย่างนั้นสิ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านจะประหม่าอะไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเล่าเรื่องท่านให้ท่านแม่ของข้าฟังตั้งนานแล้ว นางประทับใจท่านมาก ท่านวางใจเถิด! นางเป็นคนใจดีมาก” เธอยิ้มจนตาเล็กหยี จูงมือเขา แล้วสาวเท้ายาวๆ เดินไปข้างหน้า ครั้นมาถึงหน้าเรือนที่พักก็เคาะประตู
เหลิ่งหวาที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงเคาะประตู ก็เดินมาถาม “ผู้ใดกัน?”
“ข้าเอง!” เฟิ่งจิ่วตะโกนตอบจากข้างนอก
………………………………….
ตอนที่ 1610 คิดถึงเหลือเกิน
เหลิ่งหวาที่ได้ยินเสียงพลันยิ้มกว้าง รีบเดินไปเปิดประตู ครั้นเห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอก ก็พูดด้วยความดีใจ “นายท่านกลับมาแล้ว”
“เหลิ่งหวา ช่วงนี้สุขภาพของท่านแม่ข้าเป็นอย่างไรบ่าง? อีกอย่าง ท่านพี่ข้ามาถึงหรือยัง?” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีเดินเข้ามาในลานบ้าน ชะเง้อมองข้างใน ก็ไม่เห็นพวกเขาอยู่
เหลิ่งหวาเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา พลางบอกว่า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินแข็งแรงดีขอรับ คุณชายกวนมาถึงตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว ช่วงนี้ว่างเมื่อใดเขาก็จะแวะไปที่ร้านขายยาตลอด วันนี้ก็ตามตู้ฝานออกไปแล้ว ยังไม่กลับมาเลยขอรับ”
“มาถึงก็ดีแล้ว” เธอพยักหน้า แล้วถามอีกว่า “ท่านแม่ของข้าเล่า?”
“ฮูหยินกับท่านพี่ของข้าอยู่ที่ลานบ้านหลังเรือนขอรับ” เหลิ่งหวาบอก “พักนี้ฮูหยินบ่นคิดถึงนายท่านตลอด หากรู้ว่านายท่านกลับมาแล้ว จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองเดินที่ลานบ้านด้านหลัง ส่วนฮุยหลางก็ส่งเสี่ยวไป๋ให้เหลิ่งหวา จากนั้นก็ตามพวกเขาไปที่ด้านหลังด้วย
พวกเขายังไปไม่ถึงลานบ้านหลังเรือน เจ้ากลืนเมฆาที่นอนอยู่ด้านหลังราวกับสัมผัสได้ มันลุกขึ้นแล้ววิ่งออกมา “นายท่านกลับมาแล้ว!”
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงที่อยู่ในลานบ้านด้านหลังชะงักงัน จากนั้นก็ลุกขึ้นด้วยความดีใจ จะเดินออกไปข้างนอก “เสี่ยวจิ่วกลับมาแล้วหรือ?”
เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ รีบประคองนาง “ฮูหยิน ท่านนั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะออกไปดูเอง” เพิ่งจะสิ้นเสีง ก็เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาในลานบ้าน
“ไม่ต้องดูแล้ว พวกข้าเอง” เฟิ่งจิ่วยิ้มกว้างเดินเข้ามา เธอปล่อยมือที่จูงมือเซวียนหยวนโม่เจ๋อไว้ แล้วสาวเท้าเร็วๆ เดินมาหาท่านแม่ของเธอ “ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้แข็งแรงดีใช่หรือไม่?”
“ข้าแข็งแรงดี กลับเป็นพวกเจ้า อยู่ข้างนอกพบเจออันตรายอะไรบ้างหรือไม่? เดินทางราบรื่นดีหรือเปล่า?” ซั่งกวนหวั่นหรงดึงมือเฟิ่งจิ่วมาพร้อมกับไถ่ถาม สายตาสอดส่องทั่วตัวเธอ ดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“ไม่เจ้าค่ะ มีเขาอยู่ ข้าไม่มีทางบาดเจ็บหรอก” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี แล้วดึงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเข้ามา “ท่านแม่ นี่เซวียนหยวนโม่เจ๋อ ท่านจำเขาได้หรือไม่?”
“จำได้ๆ คราวก่อนเจ้าก็แนะนำแล้วไม่ใช่หรือ? เขายังเคยเจอท่านปู่กับท่านพ่อของเจ้าแล้ว ข้าจะจำไม่ได้ได้อย่างไรกัน?” ซั่งกวนหวั่นหรงพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู มีแต่ความพึงพอใจในตัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
ครั้งก่อนตอนที่นางถูกช่วยออกมา ก่อนจะหมดสตินางเคยเห็นเขา หลังฟื้นขึ้นมาลูกสาวก็แนะนำเขา ต่อมาก็รู้ว่าเขามีธุระต้องกลับไปสะสาง จึงยังไม่เคยได้พบปะพูดคุยกัน ทว่าเพียงรู้ว่าเขาดีกับลูกสาวของนาง เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
กอปรกับต่อมาได้รู้จากปากของกวนสีหลิ่น ว่ามีเขาคอยปกป้องอยู่ข้างกายลูกสาวของนาง นางก็รู้สึกวางใจ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง ก้าวเข้ามาคารวะด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ท่านน้าหรง ร่างกายพักฟื้นได้ดีหรือไม่ขอรับ?”
“หายดีไม่น้อยแล้ว ไม่ต้องห่วง” นางยิ้มตอบ แล้วพูดกับทั้งสองว่า “มา นั่งพักสักหน่อยเถิด!”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม เดินเข้าไปนั่งข้างๆ นาง
“ข้าไปสั่งให้เตรียมอาหารให้นายท่านก่อนนะเจ้าคะ” เหลิ่งซวงกล่าว คารวะหนึ่งครั้งแล้วถอยออกไป พอเดินออกจากลานบ้าน ก็ถูกฮุยหลางรั้งไว้
“เหลิ่งซวง ไม่ได้พบกันนาน เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?” ฮุยหลางถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
อิ่งอีที่อยู่ด้านหนึ่งได้ยิน มุมปากกระตุกมองเขา แล้วละสายตาออกไปเงียบๆ
เหลิ่งซวงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ดวงหน้างามโดดเด่นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ตอบว่า “ไม่เลย”
ได้ยินอย่างนั้น ฮุยหลางยิ้มกว้าง บอกว่า “ไม่คิดถึงข้าหรือ? ข้าไม่ได้เจอเจ้านานขนาดนี้กลับคิดถึง…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเหลิ่งหวาที่เดินมาเมื่อไรไม่รู้ตัดบทเสียก่อน
………………………………….